พระสันตะปาปากังวลคนไม่นับถือศาสนาในยุโรปเพิ่มอย่างรวดเร็ว / 9 กันยายน 2007
-------------------------------------------------------------------------------- สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงแสดงมุมมองด้วยความเชื่อมั่นว่า
วิกฤติที่ทวีปยุโรปกำลังเผชิญอยู่คือปัญหาคนไม่นับถือศาสนาเพิ่มอย่างรวดเร็ว โดยพระองค์ตรัสเรื่องดังกล่าวในระหว่างบทเทศน์พิธีมิสซาฉลองแม่พระบังเกิดและร่วมฉลองครบครอบ 850 ปีของมหาวิหารแม่พระแห่งมารีอาแซล
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก
ทรงเริ่มต้นภารกิจวันที่สองในออสเตรียด้วยการประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจากสถานสมณทูตวาติกันประจำเวียนนาเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองมารีอาแซล ตามกำหนดการเดิมแล้ว พระสันตะปาปาจะต้องประทับเฮลิคอปเตอร์ แต่ทว่า
สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยทำให้พระองค์ต้องประทับรถยนต์แทน สำหรับพิธีมิสซาฉลองแม่พระบังเกิด ณ ลานหน้ามหาวิหารแม่พระแห่งมารีอาแซล มีสัตบุรุษมาร่วมพิธีประมาณ 50,000 คน โดยบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาชาวเยอรมัน
ทรงสรุปประเด็นสำคัญ 3 ประการที่ทวีปยุโรปกำลังเผชิญและจำเป็นต้องรีบปรับปรุงแก้ไขโดยเร็ว วิกฤติคนไม่นับถือศาสนาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พระสันตะปาปาทรงแสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งกับทัศนคติการเลิกนับถือศาสนาของชาวยุโรปที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนตอนนี้เรื่องดังกล่าวได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในยุโรปตามสายพระเนตรของพระองค์ "ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ทัศนคติเรื่องการเลิกนับถือศาสนาได้กลายเป็นวิกฤติอันรุนแรงยิ่งสำหรับทวีปยุโรป ถ้าสัจธรรมความจริงไม่ได้ดำรงอยู่กับมนุษย์ เขาคนนั้นก็คงแยกไม่ออกว่าอะไรคือความดีอะไรคือความเลว
การค้นพบสิ่งดีๆและมหัศจรรย์ทางวิทยาศาสตร์ได้กลายเป็นดาบสองคมสำหรับสังคมปัจจุบัน พวกเขาอาจค้นพบสิ่งดีมีประโยชน์เพื่อมวลมนุษยชาติ แต่ขณะเดียวกัน ถ้าคนที่ค้นพบเป็นคนไม่รู้จักศาสนา
เขาก็อาจค้นพบหรือประดิษฐ์สิ่งชั่วร้ายอันนำมาสู่ภัยคุกคามต่อมนุษยชาติก็เป็นได้" พระสันตะปาปาตรัส กระตุ้นให้อัตราการเกิดในยุโรปสูงขึ้น พระสันตะปาปา
ยังคงตรัสกระตุ้นครอบครัวชาวยุโรปอีกครั้งเรื่องการมีบุตร หลังจากที่เมื่อวานนี้ พระองค์ได้ตรัสไปแล้วในการกล่าวสุนทรพจน์ ณ พระราชวังฮอฟบวร์ก "เราได้เห็นพระเยซูใน 2
ภาพลักษณ์ หนึ่งคือภาพลักษณ์ของพระกุมาร สองคือการถูกตรึงบนไม้กางเขน ภาพลักษณ์พระกุมารบอกเราว่า พระเยซูมาบังเกิดบนโลกในฐานะเด็กทารก พระองค์มาหาเราด้วยการเป็นทารกตัวเล็กๆแทนที่จะมาแบบเป็นผู้ยิ่งใหญ่มีอำนาจมหาศาล พระกุมารเยซูย้ำเตือนเราให้มองดูเด็กๆทุกคนบนโลกใบนี้ และเมื่อย้อนมาดูเด็กๆในยุโรป เราจะพบว่าทวีปของเรามีอัตราการเกิดต่ำมาก เราจำเป็นต้องมีบุตรเพื่อจะได้มีสถานที่เล็กๆซึ่งเราจะมอบความไว้วางใจให้แก่กันในอนาคต .. พ่อขอย้ำกับทุกคนว่า ที่ไหนมีอนาคต ที่นั่นก็จะมีพระเจ้า"
กลับไปอ่านบัญญัติ 10 ประการใหม่อีกครั้ง สำหรับประเด็นสุดท้ายในบทเทศน์ พระสันตะปาปาทรงเชิญชวนให้คริสตังกลับไปอ่านทบทวนบัญญัติ 10 ประการอีกครั้ง "พ่อเชิญชวนเราให้ดูพระพรที่เราได้รับจากพระคริสต์เจ้า ถ้าเรามองดูดีๆ เราจะพบว่า ศาสนาคริสต์มีความแตกต่างจากกฏเกณฑ์ศีลธรรมอยู่มาก มันคือพระพรแห่งมิตรภาพที่เราได้รับ พระพรดังกล่าวอยู่ในตัวเราทุกคน
ดังเช่นบัญญัติ 10 ประการ ถ้าเราตอบรับ (YES) กับบทบัญญัติทั้ง 10 ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าผู้ทรงประทับอยู่กับตัวเรา ก็จะดำรงอยู่ตลอดไป" อนึ่ง หลังจากพิธีมิสซาเสร็จสิ้นแล้ว
พระสันตะปาปาได้เสด็จไปเสวยอาหารเที่ยง ก่อนจะพักผ่อนประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนตอนบ่าย พระองค์จะนำภาวนาทำวัตรเย็น ซึ่งเป็นภารกิจสุดท้ายของวันที่สองในออสเตรีย
|