หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

 แปลข่าวสาร โดย  AVE MARIA / เรียงเรียบ โดย...แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

พระสันตะปาปา กระตุ้นยุโรปอย่าลืมรากเหง้าว่าโตมาจากคริสตศาสนา / 8 กันยายน 2007

--------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงย้ำเตือนประชาคมยุโรปอย่าลืมรากเหง้าของบรรพบุรุษว่าเติบโตมาด้วยวัฒนธรรมคริสตศาสนา โดยพระองค์ตรัสเรื่องดังกล่าวในระหว่างการเสด็จร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ พระราชวังฮอฟบวร์ก ตามคำกราบทูลเชิญของ ไฮนซ์ ฟิสเชอร์ ประธานาธิบดีออสเตรียและบรรดารัฐมนตรีผู้บริหารประเทศ
 
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงเริ่มต้นการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ พระราชวังฮอฟบวร์ก ด้วยการเน้นย้ำคณะผู้รัฐบาลออสเตรียว่าอย่าลืมให้ความสำคัญกับคริสตศาสนาซึ่งเป็นมรดกล้ำค่าของทวีปยุโรป "ทวีปยุโรปต้องไม่ปฏิเสธคริสตศาสนาซึ่งเป็นรากเหง้าที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ คริสตศาสนาคือส่วนประกอบสำคัญที่ขับเคลื่อนประชาคมยุโรปให้ก้าวสู่สหสวรรษใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ"
 
"ทวีปยุโรปจะต้องเป็นแบบอย่างชีวิตอันดีงามให้ประชากรโลกได้เห็น กล่าวคือ มีระบบเศรษฐกิจที่หล่อหลอมรวมกับสังคมซึ่งเต็มไปด้วยความยุติธรรม,ระบอบการเมืองที่เปิดกว้างไม่เห็นแก่ตัว และในเวลาเดียวกัน ต้องมีการปกปักรักษาค่านิยมที่ทวีปนี้ยึดถือมาช้านาน ... ฟังดูแล้วอาจเป็นเรื่องยาก เพราะปัจจุบันการดำเนินชีวิตของเราตกอยู่ใต้ความกดดันของระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ดังนั้น นี่จึงเป็นความท้าทายสำหรับชาวยุโรปทุกคน" พระสันตะปาปาทรงกล่าว
 
พระสันตะปาปาชาวเยอรมันยังได้เน้นย้ำนักการเมืองทุกคนด้วยว่า ต้องช่วยกันสกัดกั้นไม่ให้ช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศร่ำรวยและยากจนมีมากเกินไป "มีการอ้างอยู่เสมอว่า โลกยุคโลกาวิวัฒน์ไม่สามารถหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้ ฉะนั้น มันเป็นงานเร่งด่วนซึ่งเรียกร้องความรับผิดชอบอย่างมากจากบรรดานักการเมืองทุกคนที่จะควบคุมและจำกัดโลกยุคโลกาวิวัฒน์ให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เราต้องรู้จักควบคุมไม่ให้มีการตักตวงผลประโยชน์อันทำให้ช่องว่างระหว่างประเทศที่ร่ำรวยและประเทศที่ยากจนถูกทิ้งห่างมากเกินไป เพราะถ้าช่องว่างนี้ขยายออกไปเรื่อยๆล่ะก็ มันจะเกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวงกับผู้คนในยุคต่อไป"
 

จากนั้น พระสันตะปาปาทรงแสดงความชื่นชมการจัดตั้งสหภาพยุโรปซึ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เพราะนี่คือการทำให้ทุกประเทศในยุโรปได้รวมใจมาเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่กระนั้น พระองค์ทรงแนะมุมมองใหม่ว่า ควรมองการณ์ไกลมากกว่าจะพอใจการรวมทวีปได้ ซึ่งสิ่งที่พระสันตะปาปาต้องการจะสื่อให้ทราบก็คือยุโรปควรเป็นผู้นำในการต่อสู้กับความยากจนให้กับประเทศในแอฟริกา, การสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง, ลดช่องว่างทางสังคมให้ได้เร็วที่สุด
 
นอกจากนี้ พระสันตะปาปา ยังยอมรับว่า ในรอบหลายศตวรรษที่ผ่านมา ทวีปยุโรปได้ทำผิดพลาดอย่างรุนแรงที่นำศาสนาไปเกี่ยวข้องกับการล่าอาณานิคมจนทำให้มีทฤษฏีมากมายที่สร้างความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนาคริสต์ "การนำศาสนาเข้าไปเป็นหนึ่งในเหตุผลล่าอาณานิคม จัดเป็นการกระทำที่ลดเกียรติของคริสต์ศาสนาอย่างแท้จริง สิ่งนี้ ก่อให้เกิดทัศนคติในแง่ลบทั้งทางทฤษฏีและปฏิบัติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
 
ในตอนท้ายของสุนทรพจน์ พระสันตะปาปาทรงเน้นย้ำชาวออสเตรียทุกคนว่า ถ้าออสเตรียสูญเสียความเชื่อทางคริสตศาสนาไป ประเทศแห่งนี้ก็คงไม่ใช่ออสเตรียอย่างแน่นอน
 
สำหรับการกล่าวสุนทรพจน์ของพระสันตะปาปาในครั้งนี้ พระองค์ไม่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงปรบมือแต่อย่างใด แต่ทว่า ในตอนจบของการกล่าวสุนทรพจน์ ทุกคนในห้องประชุมของพระราชวังได้ลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับพระสันตะปาปาเป็นเวลายาวนาน