6.บั้นปลายชีวิต
แม้จะเกษียณอายุแล้ว แต่คุณพ่อยังแข็งแรงและช่วยงานพระศาสนจักรในด้านต่างๆ อาทิ จิตตาธิการพลมารี ชมรมผู้สูงอายุ
และรับผิดชอบกลุ่มส่งเสริมการเฝ้าศีลมหาสนิท อีกทั้ง ยังทำหน้าที่วิญญาณรักษ์และฟังแก้บาปแก่สามเณร โดยพักประจำที่บ้านเณรฟาติมาท่าแร่ สิ่งที่คุณพ่อไม่เคยขาดคือการมาร่วมเข้าเงียบประจำเดือนและบริการศีลอภัยบาปสำหรับพระสงฆ์
ให้คำแนะนำและเป็นแบบอย่างสำหรับพระสงฆ์รุ่นหลัง
เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) สุขภาพของคุณพ่อไม่ค่อยดีนัก
อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลรักษ์สกล ก่อนจะถูกส่งตัวไปรับการรักษาและผ่าตัดที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ กรุงเทพฯ และพักฟื้นที่โรงเรียนเซนต์ยอแซฟยานนาวา
จนอาการดีขึ้นจึงได้เดินทางกลับอัครสังฆมณฑล
วันที่ 15 กรกฎาคม 2013 (พ.ศ. 2555) คุณพ่อตั้งใจจะเข้าร่วมสัมมนาพระสงฆ์ประจำปีที่บ้านผู้หว่านเหมือนเช่นทุกครั้ง
แต่เกิดอาการปวดท้องและอ่อนแรง จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ หมอวินิจฉัยว่าคุณพ่อเป็นเนื้องอกในลำไส้ จึงทำการผ่าตัดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม แต่อาการไม่ดีขึ้น ต้องผ่าตัดซ้ำอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม
โดยพักพื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ระยะหนึ่งจนมีอาการดีขึ้น จึงได้เดินทางกลับมาพักพื้นที่โรงพยาบาลสกลนครเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2013 (พ.ศ. 2555) ซึ่งเป็นความปรารถนาของคุณพ่อที่ประสงค์จะกลับอัครสังฆมณฑล
เพื่อความสะดวกสำหรับญาติพี่น้องในการดูแลและเยี่ยมเยียน
เมื่ออาการของคุณพ่อดีขึ้น ได้กลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้านซีเมออนและบ้านน้องสาวที่ท่าแร่ตามลำดับ
ดูเหมือนคุณพ่อจะดีใจมากเพราะได้อยู่ท่ามกลางญาติพี่น้องที่ผลัดเปลี่ยนกันมาดูแล แต่เนื่องจากคุณพ่ออายุมากและร่างกายเริ่มอ่อนแรงลง จึงได้นำตัวของคุณพ่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสกลนครอีกครั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2014 (พ.ศ. 2557)
กระทั่งมอบคืนดวงวิญญาณแด่พระเจ้าด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2014 (พ.ศ. 2557) เวลา 12.29 น. สิริอายุ 84 ปี ขอให้ดวงวิญญาณของคุณพ่อได้พักผ่อนนิรันดรกับพระเจ้าเทอญ
|