อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯขอร่วมแสดงความยินดีกับ
ครอบครัวมธุรสสุวรรณ

Share |

             ในโอกาสมหามงคลสมัยวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ สมาคมส่งเสริมเอกลักษณ์ของชาติ ร่วมกับ สภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดให้มีการคัดเลือก “แม่ดีเป็นศรีของชาติ” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

             ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น “แม่ดีเป็นศรีของชาติ” ประจำปี  ๒๕๕๖  มีจำนวน ๑๑ คน ดังนี้ :

             ๑.นางชัชณา         เสรีกุล    กรุงเทพมหานคร

             ๒.นางทองลิ้ม         สะอาดยิ่ง     จังหวัดสุรินทร์

             ๓.นางนงเยาว์         สินธุประเสริฐ     จังหวัดตราด

             ๔.นางบุญยิ่ง         ฤาไช     จังหวัดชลบุรี

             ๕.นางประทุมทิพย์   ไพเราะ     จังหวัดอุตรดิตถ์

             ๖.นางมณฑา          พวงพิมล     จังหวัดสมุทรสาคร

             ๗.นางยุพดี           นฤทุกข์    จังหวัดสิงห์บุรี

             ๘.นางสารภี           แก้วทิพย์     จังหวัดพัทลุง

             ๙.นางสุนันท์         มกรานุรักษ์    จังหวัดอุดรธานี

             ๑๐.นางสุมล           อัศวราชันย์    จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

             ๑๑.นางสุวรรณี        มธุรสสุวรรณ    จังหวัดปทุมธานี

             สมาคมส่งเสริมเอกลักษณ์ของชาติ  และสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะจัดให้มีพิธีมอบรางวัลแก่ “แม่ดีเป็นศรีของชาติ” พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมี ฯพณฯ พลเอกพิจิตร กุลลวณิชย์ องคมนตรี ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี  ในวันศุกร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ ห้องประชุม ๑ อาคารหอประชุม    กรมประชาสัมพันธ์ ชอยอารีย์สัมพันธ์ ถนนพระราม ๖ เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
 

หมายเหตุ: คุณแม่อันนา สุวรรณี มธุรสสุวรรณ เป็นสัตบุรุษวัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร จ.ปทุมธานี มีบุตร-ธิดา
12 คน คือ นางลักษณาวดี ผังรักษ์ นางสาวสมศรี มธุรสสุวรรณ นางนภัทร กุลธนาจริยา นายสมศักดิ์ มธุรสสุวรรณ นางสาวทัศนีย์ มธุรสสุวรรณ นายสมชาย มธุรสสุวรรณ นางสาวชูศรี มธุรสสุวรรณ นายวชิรวิชญ์ มธุรสสุวรรณ ซิสเตอร์บังอร มธุรสสุวรรณ คุณพ่อสมหมาย มธุรสสุวรรณ ซิสเตอร์สมลักษณ์ มธุรสสุวรรณ นายสมพงษ์ มธุรสสุวรรณ
 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

บทสัมภาษณ์ คุณแม่อันนา สุวรรณี มธุรสสุวรรณ
ที่เคยสัมภาษณ์ลงสารอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ปี 2010 ฉบับเดือนสิงหาคม

คำแม่สอน พรแม่ให้

             อาแหมะ เป็นคำเรียก แม่ ภาษาจีนที่ลูก ๆ 12 คนในครอบครัวมธุรสสุวรรณ แสดงถึงความรักความผูกพันและความห่วงใยในครอบครัว    อาแหมะ อันนา สุวรรรณี มธุรสสุวรรณ ผู้สูงอายุอารมณ์ดี วัย 81 ปี ถ่ายทอดคุณธรรมคำสอนด้วยแบบอย่างชีวิต กับลูก ๆ ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม กล่าวถึงลูก ๆว่า “ความภูมิใจในชีวิตของอาแหมะก็คือ การมีลูก ๆ นี่แหล่ะ” อาแหมะใช้เวลา 81 ปี สอนลูกด้วยคำสอนที่เรียบง่าย “ให้รักกันและกัน” “ ขยัน” และหมั่นทำแต่ความดี

             ชีวิตในวัยเด็กของอาแหมะ อยู่ในครอบครัวชาวจีน มีพี่น้อง 8 คน เป็นลูกคนโต  เรียนจบชั้น ป.4 หาเลี้ยงชีวิตด้วยการค้าขาย หลังจากแต่งงานกับเปาโล เป็งเฮง แซ่ฮ้อ  เปลี่ยนวิถีชีวิตจากค้าขาย มาประกอบอาชีพทำนา ปลูกผัก  อยู่แถวคลอง 12  พร้อมๆ กับ เลี้ยงดูลูกจำนวน 12 คน ( ชาย 5 คน หญิง 7 คน ) การมีลูกมากไม่ได้รู้สึกว่า เป็นอุปสรรคในชีวิตแต่อย่างไร ตรงกันข้ามกลับมองว่า “ลูกที่พระเจ้าประทานให้นั้นคือพระพรของชีวิต” การเลี้ยงลูกก็ตามแบบชาวนาทั่วไป เลี้ยงไก่ ปลูกผักไว้กิน ลูก ๆ แต่ละคนมีหน้าที่ของตัวเอง พี่ช่วยดูแลน้อง และดูแลกันและกัน แม้จะจบเพียง ป.4 แต่ อาแหมะกับมองว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง จึงส่งเสริมลูกทุกคนให้ได้รับการศึกษาสูง ๆ และเพียรสอนลูกทุกคนว่า ให้เป็นคนดี  เพื่อจะได้มีงานทำที่ดี เพราะอาชีพชาวนา รายได้ไม่แน่นอน และไม่อยากให้ลำบากเหมือนแม่  ที่ผ่านมาในชีวิตก็มีความทุกข์ใจอยู่ไม่น้อยเมื่อคิดอยู่ว่า ไหนจะส่งลูกเรียน ไหนจะเรื่องการกินการอยู่  แต่ด้วยความเป็นคริสตัง ก็เชื่อในพระ สวดภาวนา ดำเนินชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไป และก็อาศัยความอดทนรอคอยใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท

             ในบทบาทแม่ อาแหมะก็ทำหน้าที่ไม่เป็นรองใคร ตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ ก็พาไปวัด และรวมกันภาวนาค่ำ โดยมอบหมายให้ลูกแต่ละคนทำหน้าที่เป็นผู้นำสวด คอยส่งเสริมและสนับสนุนลูกทุกคนสวดภาวนาร่วมกันภายในบ้าน จนถึงวันนี้พระก็ได้เลือกลูกชายของอาแหมะให้เป็นพระสงฆ์ ( คุณพ่อสมหมาย มธุรสสุวรรณ ) เป็นซิสเตอร์จำนวน 2 ท่าน ( ซิสเตอร์บังอร และ ซิสเตอร์สมรัก มธุรสสุวรรณ) ครูคำสอน ( คุณครูทัศนีย์) รวมถึงอาชีพอื่น ๆ อีกมากมาย  ซึ่งทุกวันนี้ อาแหมะ ก็อาศัยเวลาช่วงที่ว่าง นั่งสวดสายประคำ จำนวน 2 สาย สายแรกสวดขอบคุณพระที่ช่วยเหลือเราทุกวัน ให้เรามีวันนี้ และอีกสายสวดให้พลมารี รวมถึงสวดบทภาวนาต่าง ๆ จนทำให้ทุกวันนี้ชีวิตไม่เหงา ที่สำคัญมีสุขภาพดีไม่มีโรคภัยทุกวันนี้ ก็เพราะมีงานบ้าน ( เป็นยาอายุวัฒนะ ) ให้ทำทุกวัน

             อาแหมะไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรเป็นพิเศษในการสอนการใช้ชีวิตให้กับลูก ๆ    แต่เพราะการกระทำที่เป็นตัวอย่างดี รวมถึงคำพูดตักเตือนสั่งสอนที่สอนให้เป็นคนดี ทำความดีทุก ๆ วัน ผสมผสานกับคำภาวนา ในแบบฉบับของอาแหมะ ทุกวันนี้ลูกหลานของอาแหมะ ได้มีการงานทำที่ดี และเมื่อมีโอกาสเป็นต้นในวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ ลูก ๆ ของอาแหมะ ก็จะเลือกวันนี้มาหาแม่ ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ ให้ความร่มเย็น และแปรเปลี่ยนคำสอน เป็นคำพรที่ให้กับลูก ๆ ของอาแหมะทุกคน

             อาแหมะปิดท้ายการให้สัมภาษณ์ว่า “อยากให้ลูก ๆ ทุกคนได้คิดถึงแม่  ไปขอบคุณแม่ที่เลี้ยงดูเรามา ให้ความรักกับท่าน แม้จะบอกว่าไม่เคยเหงา แต่ก็รอคอย” อยากให้เดือนสิงหาคม เป็นเดือนที่มีความหมาย  แม่คิดถึงเราทุกวัน เราคิดถึงแม่ทุกวันบ้างหรือเปล่า