ภาพ / ข่าว : คุณนิพัทธ์ สิริพรรณยศ อาสาสมัครช่วยงานแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

             วันเสาร์ที่ 19 มกราคม 2013 อาสนวิหารอัสสัมชัญ ได้จัดงานฉลอง 50 ปี ชีวิตสงฆ์ พระสังฆราช ยอแซฟ สังวาลย์ ศุระศรางค์ และฉลอง 25 ปี ชีวิตสงฆ์ คุณพ่อ ยอห์น บัปติสต์ พิพัฒน์ รุ่งเรืองกนกกุล

             เวลา 17.00 น. พิธีมิสซาขอบพระคุณ โอกาสสุวรรณสมโภชและหิรัญสมโภชแห่งชีวิตสงฆ์ โดย พระสังฆราช ยอแซฟ สังวาลย์ ศุระศรางค์ พร้อมด้วย คุณพ่อ ยอห์น บัปติสต์ พิพัฒน์ รุ่งเรืองกนกกุล คุณพ่อ ยอแซฟ วินัย เปลี่ยนบำรุง เจ้าคณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ คุณพ่อ ยอแซฟ วุฒิเลิศ แห้ล้อม อุปสังฆราช คุณพ่อ ยอแซฟ จำเนียร กิจเจริญ และพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง

             คุณพ่อ พิพัฒน์ ได้เทศน์ให้ข้อคิดว่า“เราฉลองการรับใช้ของพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้ามารับขอบเขตอันจำกัดของมนุษย์เพื่อให้มนุษย์ได้รู้จักขอบเขตอันไม่กำจัดของพระเจ้า คือ รักอันไม่มีสิ้นสุดของพระเจ้าที่สื่อออกมาผ่านทางการเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสตเจ้า และทำให้เราได้มีโอกาสสัมผัสกับพระเจ้า ผู้มีความรักอันไม่มีขอบเขต และการเฉลิมฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้ายังคงมีบรรยากาศที่ทำให้พวกเราคิดถึงได้ว่า พระเป็นเจ้าสัมผัสกับพวกเราอย่างไร พระพรของพระองค์มาสู่กับพวกเรามาถึงพวกเราได้อย่างไรในพระกรุณาและพระเมตตาของพระเจ้า และจากสภาพมนุษย์ของพระองค์ จากสภาพของมนุษย์อันอ่อนแออันจำกัดของพวกเรากลับแปรเปลี่ยนเป็นความรักอันไม่มีขอบเขตได้ผ่านทางการดำเนินชีวิตของพวกเราในพระพรที่เราได้รับ พระคัมภีร์ในวันนี้ ทั้ง 3 บท อธิบายความชีวิตของคริสตชน ชีวิตของพวกเราที่ได้รับพระพรอย่างชัดเจนทีเดียว

             ในบทอ่านแรกประกาศกอิสยาห์พูดถึงพันธสัญญาของพระเจ้ากับเรามนุษย์ พูดถึงความผูกพัน ความมีปฎิสัมพันธ์ของพระเจ้ากับมนุษย์ผ่านทางชนชาติอิสราเอล และก็ยกระดับความผูกพันธ์ของมนุษย์ให้เป็นพันธสัญญาของพระเจ้ากับมนุษย์ พวกเราก็โชคดีที่ได้รับพระพรประการนี้ ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับพระเป็นเจ้านั้นสูงส่งและมีคุณค่า เป็นความภูมิใจที่ทำให้เราได้รับ เป็นเกียรติอันสูงส่งที่พวกเราได้รับ เราจึงต้องให้คุณค่าให้ความหมายพันธสัญญานี้ และพระเป็นเจ้าก็ทรงใส่ใจดูแลให้พันธสัญญานี้สัมฤทธิ์ผลโดยอาศัยพระพรทุกประการกับพวกเราอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การที่ประกาศกอิสยาห์ใช้คำว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าเปรียบเทียบเสมือน คู่สมรส และเป็นความชัดเจนที่ทำให้พวกเราเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า จะต้องซื่อสัตย์ จะต้องสัมพันธ์ จะต้องรัก จะต้องใส่ใจ จะต้องดูแลซึ่งกันและกันอย่างไร ความสำคัญในรูปแบบของคู่สมรสอธิบายความชัดเจน แม้แต่มาจากพื้นฐานที่แตกต่างกัน แต่เมื่อตกลงปลงใจแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันเป็นการแบ่งปันชีวิตของกันและกัน เช่นเดียวกันพระเป็นเจ้าแบ่งปันชีวิตของพระองค์กับเรามนุษย์และรวมเป็นหนึ่งเดียวกันให้เป็นความรักที่สูงส่ง และคู่สมรสนี้ก็ย่อมอาศัยความซื่อสัตย์ ความไว้วางใจ และก็จะมีคุณค่าที่เกิดขึ้นที่ให้แก่กันและกัน และสิ่งที่พวกเราปฏิบัติต่อกันนั้น นักบุญเปาโลบอกว่า เป็นพระจิตเจ้าที่ประทานให้กับพวกเรา พวกเรามีสิ่งที่ดีแตกต่างกัน บางพูดเก่ง บางทำงานเก่ง บางร้องเพลงเก่ง มีพระพรที่แตกต่างกันจากพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน จากพระเป็นเจ้าองค์เดียวกันที่ให้พวกเราอย่างแตกต่างกันเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมประโยคนี้เราขาดไม่ได้ พระพรที่พวกเราแต่ละคนได้รับที่แตกต่างกันเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเพื่อประโยชน์ของทุกคน

พี่น้องที่รัก ความดีจะมากจะน้อยอยู่ที่เรา เป็นประโยชน์นอกจากเพื่อตัวเราแล้วที่จะก้าวหน้าสู่ศักดิ์สิทธิ์จะได้ใกล้ชิดกับพระเป็นเจ้า ความดีของเราความสามารถของเราต้องแบ่งปันช่วยเหลือให้คนอื่นรอบข้างให้ได้ถึงพระเป็นเจ้าได้ถึงความสุขได้ถึงความดีและเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักร พระพรจึงเกิดประโยชน์ พระพรจึงบรรลุเป้าหมาย แต่ถ้ามีเก็บไว้ไม่ใช้ไม่แบ่งปัน พระพรก็ไม่เกิดประโยชน์ และแม้แต่สิ่งที่อาจจะดูกำกึ่งไม่รู้ว่าเป็นพระพรรึป่าวของความไม่ดีของคนข้างๆ ของความใจร้ายใจดำ ขี้โกรธโมโหง่าย จะเป็นพระพรมั๊ย อาจจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้พระพรของพระเจ้าเกิดผลเมื่อเราอดทนได้ เมื่อเราผ่านความยากลำบากได้ นั้นจะเป็นภาพของพระพรที่เกิดผลในชีวิต และในพระพรเหล่านี้ ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าได้ใช้พระพรของพระองค์ที่ได้รับจากพระบิดา พันธกิจที่พระเยซูเจ้าได้รับจากพระบิดามาแบ่งปันเรามนุษย์ เริ่มในอัศจรรย์แรกที่เมืองคานาในงานเลี้ยงสมรส พระเยซูเจ้าได้แบ่งปันพระพรของพระองค์ แบ่งปันสิ่งที่พระองค์เป็นสิ่งที่พระองค์มี คือ พระเมตตา ได้ทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น เป็นภาพให้เราเห็นว่า พระองค์ทรงเมตตา น้ำเป็นเหล้าองุ่นที่เป็นเครื่องมือที่ทำให้เราเข้าใจว่า พระเป็นเจ้าใส่ใจ สนใจและอยากช่วย พันธกิจที่สำคัญของพระองค์ ก็คือ ช่วยให้งานเลี้ยงสัมฤทธิ์ผล ช่วยให้เขาได้รับความดี ช่วยให้เขาได้บรรลุการสรรเสริญพระเป็นเจ้า เรื่องการเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นในงานเลี้ยงนั้น เพื่อแบ่งปันสิ่งที่พระองค์มี แบ่งปันที่สิ่งที่พระองค์เป็น คือ พระบุตรของพระเจ้า พระผู้เมตตาให้พระพรของพระองค์สู่ทุกคนในงานเลี้ยง สู่พวกเราให้รับรู้เรื่องงานเลี้ยงนั้น เพื่อที่จะต้องเลียนแบบพระองค์ เพราะฉะนั้น พระพรที่ได้รับมาเป็นใครไม่ว่า พระพรมีเพื่อทุกคนมีไว้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพราะไม่ผิดอะไรที่จะบอกว่าเราในฐานะสงฆ์ผู้รับใช้ของพระเจ้ารับใช้พี่น้องผู้เป็นลูกของพระเจ้า

             ตลอด 25 ปีที่ผ่านมาโดยส่วนตัว เมื่อมาถึงปีการฉลองก็จะคิดถึงสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานให้กับชีวิตก็อยากสรุปมี 2 คำ ที่รู้ว่า มีความหมายและอธิบายความอย่างอื่นได้หมดนั่นคือการเรียกของพระเจ้า ไม่ใช่เฉพาะพ่อคนเดียวแต่พวกเราทุกคนที่พระเป็นเจ้าทรงเรียกในรูปของเฉพาะเจาะจงแตกต่างไป พระเยซูเจ้าใช้คำว่า “ตามเรามา” คำนี้ง่ายมากสั้นๆแต่ยาก ในการปฏิบัติตามพระองค์ หมายถึง เลียนชีวิตของพระองค์ ในความดีของพระองค์ ในความเมตตาของพระองค์ ในความเสียสละของพระองค์ที่จะฝึกฝนให้ศักดิ์สิทธิ์ให้มีความใกล้ชิดกับพระเจ้า พวกเราทุกคนได้รับคำนี้ ตามเรามา เป็นผู้มีความเชื่อ เป็นคริสตชน เป็นสงฆ์ของพระเจ้า พยายามจนถึงที่สุดที่จะมีชีวิตเลียนแบบพระองค์ในทุกๆกรณี ในความเสียสละของพระเยซูเจ้า ในความพากเพียรของพระเยซูเจ้า ในความเมตตา ในความใจดี ใจกว้างของพระเยซูเจ้า และเราจะรู้ว่าผู้ที่เรียกเรานั้นเป็นอย่างไร เพื่อเราจะได้ทำเหมือนประโยคที่สอง คำที่สองของพระเยซูเจ้า “ไปและประกาศให้ทุกคนมาเป็นศิษย์ของเรา” ทีนี้เมื่อเรารู้แล้วว่า พระเยซูเจ้าเป็นอย่างไร เป็นใคร  เราจะได้ไปบอกไปพูดอย่างถูกต้องให้คนอื่นเขารู้จักพระเยซูเจ้า เพื่อผู้ที่รับข่าว เพื่อผู้ที่รับสารจะได้เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า เพราะฉะนั้น พันธกิจที่ได้รับนี้ยากเหมือนกัน ยิ่งใหญ่ แต่มีความหมายสำหรับพ่อ สำหรับทุกๆคน สำหรับสงฆ์ทุกคน สำหรับพี่น้องทุกคน ที่เราต้องทำหน้าที่สงฆ์เพื่อป่าวประกาศเรื่องของพระเยซูเจ้าให้ทุกคนได้ฟังให้มาเป็นศิษย์ของพระองค์ พี่น้องพวกเราเฉลิมฉลองพระคุณพระพรของพระเจ้าในชีวิตของพวกเราได้เสมอทุกๆวัน ขอขอบคุณพระพรที่พระเจ้าให้พวกเราที่แตกต่างกันนั้นสนับสนุนเกื้อกูลกันและกันหรือไม่ นี่คือจุดมุ่งหมายในการขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงเมตตาช่วยพวกเราในทุกกรณี จึงขอเชิญพี่น้องร่วมโมทนาคุณพระเจ้าเสมอสำหรับพระพรที่ให้เราอย่างแตกต่างกันงดงามอยู่เสมอ แต่พวกเราต้องใช้ให้เกิดประโยชน์

             อยากจะขอปิดท้ายการแบ่งปันในวันนี้ที่พระคุณเจ้า สังวาลย์ ได้บอกตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วว่าขอให้พ่อได้แบ่งปันก็กราบขอบพระคุณพระคุณเจ้าที่ให้เกียรติและยินดีรับ และก็อีกจะบอก อยากจะถือโอกาสนี้แบ่งปันกับพี่น้องแม้ว่าพ่อจะไม่ใช่เป็นนักเขียนที่เก่ง ไม่ใช่นักเทศน์ที่ดี ก็จะโปรโมตที่สุด ก็ได้เห็นถึงการแบ่งปันของพี่น้องที่เป็นนักเขียนที่ใช้นามปากกา “ราฟาเอล” และปีนี้ได้รับการแบ่งปันจากหนังสือเล่มนี้ และแบ่งปันทุกอย่างในตอนต้นๆได้เขียนเอาไว้ในหนังสือความรักล้นหลาม และมีบรรทัดหนึ่งเมื่อได้อ่านแล้วมีความรู้สึกว่าท่านได้สรุปหน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายไว้ในประโยคนี้ ในฐานะที่พ่อเองเป็นผู้อ่านพ่อก็ตีความดังนี้ว่า “ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดของชีวิต จะเป็นหน้าที่การงาน จะเป็นชีวิต จะเป็นด้านฝ่ายจิตวิญญาณ ฝ่ายกาย ความรับผิดชอบต่างๆ ให้ขอบคุณพระเป็นเจ้าที่เมตตาและก็ใช้คำว่าพระเมตตามาสู่พวกเราอย่างสม่ำเสมอ อย่างพอดิบพอดี อย่างทันท่วงที ” เราได้รับการแบ่งปันจากพ่อแห่งแผ่นดินที่ว่าต้องใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เราได้รับการแบ่งปันจากพี่น้องท่านนี้ที่ได้เห็นพระพรของพระเจ้าที่มาถึงพวกเราอย่างพอดิบพอดี อย่างทันท่วงที พี่น้อง พ่อเชื่อว่า พระพรมาถึงชีวิตของเราอย่างพอดิบพอดี อย่างทันท่วงที งั้นพวกเรามีหน้าที่ต้องใช้พระพรเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเราเองและประโยชน์ส่วนรวมและต่อพระศาสนจักรด้วย ”

หลังบทภาวนาหลังรับศีล ผู้อำนวยการสภาภิบาลกล่าวคุณพระคุณเจ้า สังวาลย์ และคุณพ่อ พิพัฒน์ จากนั้น ได้มอบของที่ระลึก
ต่อมา คุณพ่อ พิพัฒน์ ได้กล่าวความในใจ

             และตามด้วย พระคุณเจ้า สังวาลย์ ได้กล่าวความในใจว่า

             “ดีใจที่ได้กลับมาอยู่ที่นี่บริเวณนี้ ซึ่งผมตอนเป็นพระสงฆ์ใหม่ๆ เป็นเลขาพระสังฆราช ยวง 5 ปี และก็เป็นเจ้าวัด 4 ปี เป็นอุปสังฆราช 4 ปี รวมก็เป็น 10 กว่าปีที่อยู่บริเวณนี้ และแม้แต่เป็นพระสังฆราชที่เชียงใหม่แล้ว ทุกครั้งที่มาจะมาแวะวัดอัสสัมชัญ เพื่อมาขอพรแม่พระที่นี้นะครับ เรามีสุขใจมากที่ได้กลับมา คงไม่พูดอะไรมาก วันนี้คำเดียวที่ต้องบอกคือ ขอบคุณ ขอบคุณพระเจ้ารวบยอดหมดเลยตั้งแต่ให้ผมเป็นคริสตังในครอบครัวที่อบอุ่น มีพี่มีน้องมีพ่อมีแม่ที่ศรัทธา นอกนั้นตลอดเวลาในปีที่ผ่านมาเป็นปีพิเศษสำหรับพ่อ ต้นปี 25 ปี พระสังฆราช ธันวาคม 50 ปี พระสงฆ์ ตลอดปีนี้คิดว่าทำไมพระเจ้าจึงใจดีต่อพ่อ ทำไมพระเจ้าจึงได้รักผมถึงเพียงนี้ตาม motto ของพ่อ และก็เป็นอย่างงั้นนะครับเห็นแจ้งชัดว่าพระเจ้ารักเป็นพิเศษ ตั้งแต่เลือกมาจากเด็กบ้านนอกเลี้ยงควายที่ผักไห่ให้มาเรียนค่อที่เซนต์คาเบรียล บ้านเณรศรีราชา ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับคนบ้านนอกและพระเป็นเจ้าก็จัดวางทุกฝีก้าวเลยเพื่อพ่อจะมาอยู่ตรงนี้ ขณะนี้ เวลานี้นะครับ ฉะนั้น คำแรกขอบคุณพระเจ้าขอบคุณครอบครัวพ่อแม่พี่น้องขอบคุณทุกคนที่มาส่วนส่งเสริมกระแสเรียกขอบคุณทุกคนที่ช่วยพ่อให้บวชเป็นพระสงฆ์และก็เป็นพระสังฆราช และสุดท้ายเลยในวินาทีนี้ ขอบคุณทุกคนที่อยู่ที่นี่นะครับ ที่ต้องขอบคุณเป็นพิเศษก็คือ เจ้าวัดที่จัดงานนี้ให้พ่อ และสภาภิบาลชอบจัดงานใหญ่ๆ จะบอกชื่อทุกคนก็คงไม่ไหว ก็ขอบอกเพียงว่าขอขอบคุณด้วยจริงใจ และแน่นอนนะครับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้แสดงออกกับพระสงฆ์องค์ใดก็ตาม เป็นการแสดงถึงความขอบคุณพระเป็นเจ้าที่ประทานฐานันดรศักดิ์สงฆ์ไว้ให้ ฉะนั้น วันนี้ ที่พี่น้องมาที่นี้ก็ถือว่าไม่ใช่เพื่อพ่อทั้ง 2 แต่ว่าเพื่อพระศาสนจักรโดยส่วนรวม เพื่อขอบคุณพระเจ้าที่ประทานฐานันดรศักดิ์สงฆ์ไว้ให้ เพราะฉะนั้น วันนี้ขอขอบคุณเป็นพิเศษ ขอพระเป็นเจ้าตอบแทนน้ำใจดีทุกท่าน”

             จากนั้น พระคุณเจ้า ได้อวยพรแก่พี่น้องสัตบุรุษ หลังจากพิธีมิสซา ทางวัดได้มีการจัดรับประทานอาหาร (โต๊ะจีน) เพื่อร่วมแสดงความยินดีแก่พระสังฆราชและพระสงฆ์ ในโอกาสโอกาสสุวรรณสมโภชและหิรัญสมโภชแห่งชีวิตสงฆ์

ความสัมพันธ์กับอาสนวิหารอัสสัมชัญ

             พระสังฆราช ยอแซฟ สังวาลย์ ศุระศรางค์ เคยเป็นเจ้าอาวาสอาสนวิหารอัสสัมชัญ ในปี 1979 - 1983 คุณพ่อ ยอห์น บัปติสต์ พิพัฒน์ รุ่งเรืองกนกกุล เป็นสัตบุรุษอาสนวิหารอัสสัมชัญ