พระคุณเจ้า เกรียงศักดิ์ ได้เทศน์ให้ข้อคิดว่า

“วันฉลองระลึกถึงนักบุญยอแซฟ ผู้ใช้แรงงาน อันเป็นองค์อุปถัมภ์ชุมชนความเชื่อตรอกจันทน์แห่งนี้ เป็นมรดกตกทอดกันมากว่า 50 ปีแล้ว ในช่วงสงครามเย็น ระหว่างโลกสังคมนิยมคอมมิวนิสต์กับโลกเสรีนิยมตะวันตก สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 เป็นผู้ประกาศในระลึกการฉลองดังกล่าวนี้ เกิดในปี 1955 ซึ่งเป็นระยะเวลา 8 ปีก่อนที่วัดตรอกจันทน์แห่งนี้จะสร้างเสร็จ ถ้าจะอนุมานเอาเอง พ่อคิดว่า คงเป็นความปรารถนาของมิสซังกรุงเทพฯ ในเวลานั้นที่จะสนองต่อการประกาศวันฉลองนักบุญยอแซฟของพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12ซึ่งเวลานั้นเขาเรียกว่า วันฉลองนักบุญยอแซฟ กรรมกร มิสซังกรุงเทพฯได้ร่วมใจถวายนามชื่อนักบุญยอแซฟ กรรมกร ให้วัดที่สร้างใหม่หลังนี้

และทำไมพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 จึงตั้งวันฉลองนี้ขึ้น พระสันตะปาปา ปีโอ 12 ต้องการสวนกระแสค่านิยมคอมมิวนิสต์ซึ่งเน้นการบังคับใช้แรงงานผู้คนเพื่อพัฒนาสังคม แน่นอนว่า การใช้แรงงานเป็นสิ่งที่ดี การงานของมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่ดี เป็นการร่วมพันธกิจกับพระเจ้าในการสร้างสรรค์และพัฒนาโลก แต่ภาพคอมมิวนิสต์ในกรุงมอสโคว์ และเมื่องโฮจิมินห์ ถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์ในช่วงนั้น ได้แสดงขบวนพาเหรดกองทหาร พร้อมทั้งรถถัง และแสนยานุภาพทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆอย่างยิ่งใหญ่เพื่อข่มขู่โลกตะวันตกถึงพลังอำนาจของทหารในค่ายคอมมิวนิสต์ พระสันตะปาปา ปีโอที่ 12 ทรงประสงค์จะเน้นถึงการเคารพถึงศักดิ์ศรีของแต่ละปัจเจกบุคคลเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าแรงงานและในอุดมคติแบบคริสตชน โดยทรงยกเอาพันธกิจนักบุญยอแซฟขึ้นมาเป็นตัวอย่างของผู้ใช้แรงงานที่มีศักดิ์ศรีที่มีสำนึกรับผิดชอบอย่างแท้จริง

แม้ว่าในปัจจุบันนี้ ประเทศในค่ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ได้ล่มสลายไปเป็นจำนวนมากแล้ว แต่การฉลองนักบุญยอแซฟ ผู้ใช้แรงงานยังคงอยู่เพื่อเป็นประจักษ์พยานยืนยันคุณค่าของแรงงานในมุมมองที่แตกต่างจากอุดมคติแบบคอมมิวนิสต์
 

วันฉลองวันนี้เป็นการปลุกสำนึกพวกเราคริสตชนในการประกอบการงานอาชีพต่างๆ ซึ่งจะต้องทำให้ผู้คนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดี กิจการงานต้องดำเนินไป เป็นไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรมจริยธรรม และเป็นแบบมืออาชีพด้วย ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดในการการดำเนินการ รวมทั้งแนวทางปฎิบัติและในเรื่องการใช้แรงงานด้วย สำหรับเราคริสตชนเราจะต้องเป็นประจักษ์พยานในด้านการงานและด้านการใช้แรงงานด้วย คนอื่นจะต้องสามารถเห็นถึงผลงานที่มีคุณภาพจากน้ำมือเราคริสตชนในฐานะผู้ใช้แรงงานคนหนึ่ง และผู้คนจะต้องสามารถชื่นชมกับการเคารพศักดิ์ศรีการใช้แรงงานของผู้ประกอบกิจการคาทอลิกทั้งต่อคนงานภายใต้สังกัดความรับผิดชอบรวมถึงการร่วมสำนึกรับผิดชอบต่อผลที่จะก่อเกิดกับต่อสังคมในด้านต่างๆ คริสตชนทั้งผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการจะต้องสำนึกรับผิดชอบต่องานของตนต่อผู้จ้างและแรงงาน รวมทั้งรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมและความดีต่อสังคมส่วนรวมด้วย การทำงานและการประกอบกิจการจะต้องเป็นโอกาสที่คริสตชนเป็นแสงสว่างส่องโลกในมิติด้านแรงงานนี้ด้วย คริสตชนจะต้องทำให้จิตตารมย์ของพระคริสตเจ้าและคำสอนของพระองค์ปรากฎในสายตาของสังคมและผู้นับถือศาสนาอื่น ทำให้เขาเหล่านั้นสามารถพบพระคริสตเจ้าในแวดวงการงานอาชีพได้ไม่ว่าเราจะประกอบกิจการใด กิจการนั้นๆ เราสามารถเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูเจ้าให้แก่ผู้อื่น และสามารถรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านทางกิจการนั้นได้

มีนักเขียนมีชื่อคนหนึ่ง ชาร์ล็อต สแลนดาเลอร์ ได้เขียนไว้เกี่ยวกับทัศนคติของบุคคลสำคัญที่มีต่องาน เขาเขียนไว้ยกตัวอย่างบางประการ ได้ดังนี้

ประการแรก บุคคลผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากเป็นคนทุ่มเทในการทำงานหนัก

ประการที่สอง แรงจูงใจในการทำงานของเขาไม่ใช่เพียงเพื่อเงิน แรงจูงใจของพวกเขาส่วนใหญ่ก็เพื่อทำให้ความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมาหรือไม่ก็เป็นการทำงานเพื่อให้โลกเป็นสังคมที่น่าอยู่มากขึ้น

ในการกระทำของพวกเขาเหล่านั้นเตือนใจเราคริสตชนให้ระลึกว่า งานสร้างสรรค์โลกพิภพและขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเช่นเดียวกันเป็นเพราะความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษยชาติ ดังนั้น พี่น้องที่รัก แรงจูงใจและทัศนคติของเราคริสตชนคาทอลิกที่มีต่อการงานคืออะไร พระเยซูเจ้าเองเคยเป็นผู้ใช้แรงงานมาก่อน และงานที่พระองค์ได้ทรงทำก่อนหน้าพันธกิจการเผยแผ่พระอาณาจักรพระเจ้าและการกอบกู้มนุษยชาติให้รอดพ้นนั้น คงเป็นงานอันเดียวกับยอแซฟ บิดาเลี้ยงของท่านที่ทำมาก่อน คือ การเป็นช่างไม้ ดังที่ชาวนาซาเรธในพระวรสารวันนี้ ขนามนามพระองค์ว่า ลูกช่างไม้