ภาพ / ข่าว : นิพัฒน์ สิริพรรณยศ อาสาสมัครช่วยงานแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2013 คุณพ่อ วินเซนต์ เอกพงษ์ พงษ์สูงเนิน เจ้าอาวาสวัดนักบุญมาร์โก ได้จัดงานฉลองวัดประจำปี 2013 โดยได้เรียนเชิญ คุณพ่อ ยอแซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม อุปสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

ในช่วงเช้า คุณพ่อ วุฒิเลิศ ได้มาถึงวัด จากนั้น คุณพ่อ อาดรีอาโน เปโลซิน ว่าที่เจ้าอาวาสวัดองค์ใหม่ได้ทักทายคุณพ่อ เอกพงษ์ และพี่น้องสัตบุรุษ

เวลา 10.30 น. พิธีบูชาขอบพระคุณ โอกาสฉลองวัดนักบุญมาร์โก โดย คุณพ่อ ยอแซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม อุปสังฆราช พร้อมด้วย คุณพ่อ เปาโล สมพร เส็งเจริญ คุณพ่อ เปโตร ประเสริฐ ตรรกเวศม์ และคุณพ่อจำนวนหนึ่ง

คุณพ่อ วุฒิเลิศ ได้เทศน์ ให้ข้อคิดว่า

“วันนี้ เรามาฉลองนักบุญมาระโก ท่านเป็นใคร แน่นอนเป็นมนุษย์ธรรมดาที่เกิดมาเมื่อ 2000 ปีที่แล้วสมัยพระเยซูเจ้า แล้วทำไมเรามาฉลองเพราะเราให้วัดของเรามีองค์อุปถัมภ์ นามชื่อ นักบุญมาระโก เมื่อพูดถึงมาระโก เราก็คุ้นเคยกันในบริบทของพระวรสาร แน่นอนท่านเป็นผู้นิพนธ์ ผู้เขียนพระวรสาร 1 ใน 4  แน่นอนท่านเป็นคนที่มีความรู้จึงเขียนพระวรสารได้ และจากการติดตามเปโตร และเปาโล ท่านก็ได้รู้ถึงพระเยซูเจ้า
สิ่งสำคัญที่จะให้ดู คือ ชีวิตของท่านนักบุญมาระโก ท่านเป็นศิษย์ของเปาโล ศิษย์ของอัครสาวกและศิษย์ของพระเยซูเจ้า เป็นคนที่รู้จักพระเยซู เป็นคนที่มีความเชื่อ ความวางใจ ความรักในพระเยซู มาระโกก็เป็นคนหนึ่งที่มีชีวิต และก็ดูเหมือนว่ามีชีวิตของการเป็นศิษย์ที่เข้มข้นด้วยการออกไปเทศน์ ออกไปประกาศ ออกไปยืนยันถึงองค์พระเยซูเจ้าและความรักของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์นั้น ท่านเป็นแบบอย่างของความเชื่อของการเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า คือ มาระโกมีความเชื่อเลื่อมใสศรัทธาในพระเยซูเจ้าและในคำสอนของพระองค์แม้จะไม่ได้พบกันบ่อยนัก สิ่งที่ศิษย์แสดงออกก็คือ ท่านมีความกล้าหาญที่จะยืนยันถึงองค์พระเยซูเจ้า สิ่งที่พระเยซูเจ้าทำ

ในฐานะที่ท่านเป็นศิษย์ในพระศาสนจักรเริ่มแรก เมื่อพระเยซูเจ้าถูกตัดสินประหารสิ้นพระชนม์ในข้อหาเป็นกบฎ จึงทำให้โรมันไล่ล่าศิษย์ของพระเยซูแต่ท่านก็ไม่กลัวความตายพร้อมที่จะยืนยันประกาศความรักของพระเยซูเจ้าในชีวิตของท่าน

มาถึงชีวิตของเราหลังจากที่เราเห็นภาพกว้างๆเกี่ยวกับชีวิตของท่านมาระโกแล้ว และเราก็มาดูชีวิตของเรา พวกเราทุกคนเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า เราก็เช่นกัน เราต้องเลียนแบบอย่างองวค์พระเยซูเจ้า เลียนแบบอย่างที่พระองค์กระทำเหมือนกับที่ท่านนักบุญมาระโกได้กระทำมาแล้ว นั่นคือ เลียนแบบอย่างท่านนักบุญมาระโกในแง่มุมของความเชื่อในพระเป็นเจ้า ความเชื่อในพระเยซูเจ้า ความเชื่อไม่ได้หยุดที่เราเชื่ออะไร เช่น เราสามารถท่องบทข้าพเจ้าเชื่อ นั้นเป็นความรู้ในสมอง สิ่งสำคัญต่อมาก็คือ ความเชื่อที่แท้จริง นั่นคือ เชื่ออย่างไร ในปีแห่งความเชื่อ รณรงค์ให้เราเชื่ออย่างไร เพราะฉะนั้น ตอนที่เราอธิบายถึงความเชื่อ ให้เราพูดครอบคลุมไปถึงเชื่อ เลื่อมใส และศรัทธา 3 คำต้องไปด้วยกัน นี่คือ ความเชื่อที่แท้จริง นี่คือความเชื่อที่ท่านนักบุญมาระโกได้ทำ

การเป็นคริสตชนที่แท้จริง จึงต้องทำให้เชื่ออย่างไรไปปรากฏเด่นชัดในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ที่บ้าน ที่ทำงาน ยกตัวอย่างง่ายๆ คำว่า เชื่ออย่างไรในพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้าสอนให้เราให้อภัยแก่กันและกัน ยกโทษกัน อย่าโกรธ อย่าเกลียด เพราะฉะนั้น ถ้าเราเลื่อมใสศรัทธาในพระเป็นเจ้า เราก็จะไม่โกรธ ไม่พยาบาท อาฆาตมาดร้ายกัน

การที่คนหนึ่งมีความเชื่อ เลื่อมใส และศรัทธาในใครคนใดคนหนึ่งนั้น ในที่สุดแล้วมันเป็นคำอธิบายว่า นั่นคือคนนั้นกำลังรักเขา คือ ความรักที่แท้จริง เราจะรักใครสักคน เราเชื่อ เลื่อมใส และศรัทธาในคนนั้น สามีภรรยารักกันก็เพราะเชื่อ เลื่อมใส ศรัทธาในคู่ชีวิตของเขา เป็นความรักที่พระเจ้าทรงมอบ เพราะฉะนั้น พี่น้องขอให้เราพยายามทำให้ชีวิตของเรามีเรื่องราวของความเชื่อที่ชัดเจน สำคัญก็คือ เชื่ออย่างไรแสดงออกในชีวิต เพื่อให้เรามีความสุขในฐานะที่เป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้าอย่างแท้จริงในโลกนี้ ในขณะที่เราบอกว่า รักพระเป็นเจ้าและรักเพื่อนพี่น้องของเรา ”

หลังบทภาวนาหลังรับศีล ตัวแทนสภาภิบาลกล่าวขอบคุณประธานในพิธี จากนั้น คุณพ่อ วุฒิเลิศกล่าวตอบ
“ วัดนี้ ไม่ได้ให้คณะธรรมทูตไทยไปเลย แต่ให้คณะธรรมทูตไทยได้มีสถานที่ทำงานและอภิบาลสัตบุรุษแถวนั้นไปด้วย ”

จากนั้น เป็นการเทิดเกียรตินักบุญมาระโก เริ่มด้วยการถวายกำยาน สวดภาวนา และถวายช่อดอกไม้ และพิธีในวันนี้ ยังมีเด็กรับศีลมหาสนิทครั้งแรกจำนวน 2 คน บรรยากาศในวันนี้ สัตบุรุษมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก