ภาพ / ข่าว : นิพัฒน์ สิริพรรณยศ อาสาสมัครช่วยงานแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

ประมวลภาพฉลองวัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด หัวตะเข้ และต้อนรับพระธาตุหัวใจ น.คามิลโล

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2013 วัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด หัวตะเข้ ร่วมกับ คณะคามิลเลียนแห่งประเทศไทย ได้ร่วมจัดงานยิ่งใหญ่ 4 งาน ได้แก่

ฉลองวัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด หัวตะเข้

ต้อนรับพระธาตุหัวใจ นักบุญคามิลโล มาเยือนประเทศไทย

ฉลองปิด 60 ปี เริ่มงานธรรมทูตในประเทศไทย (1952 – 2012)

และเปิด “สี่ศตวรรษแห่งการมรณกรรมนักบุญคามิลโล ปีแห่งพระพร” 400 ปี (1614 – 2014)
โดยพิธีในวันนี้ เริ่มจาก

เวลา 09.30 น. บรรดาพระสงฆ์ คณะนักบวชคามิลเลียน คณะครูและนักเรียน สัตบุรุษ ได้ร่วมกันต้อนรับพระธาตุหัวใจ นักบุญคามิลโล โดยแห่จากหน้าวัดไปยังปะรำพิธีบริเวณซ้ายมือของวัด

เวลา 09.45 น. พระอัครสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ประธานในพิธีมาถึงยังบริเวณวัด โดยวงดุริยางค์โรงเรียนร่วมบรรเลงเพลงต้อนรับพระคุณเจ้า จากนั้น พระคุณเจ้าได้สวดภาวนาต่อศีลมหาสนิทในวัด และเคารพพระธาตุหัวใจ นักบุญคามิลโล
 

เวลา 10.00 น. วจนพิธีกรรม “แม่พระความรอดของคนไข้” โดย พระสงฆ์คณะคามิลเลียน

เวลา 10.30 น. พิธีมิสซาขอบพระคุณ โดย พระอัครสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พร้อมด้วย พระสังฆราชกิตติคุณ ยอแซฟ สังวาลย์ ศุระศรางค์ คุณพ่อ เปาโล เชิดชัย เลิศจิตรเลขา อธิการเจ้าคณะ คุณพ่อ ร็อค ไพรัช ศรีประเสริฐ และพระสงฆ์คณะคามิลเลียนและอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จำนวนมาก

พระคุณเจ้า เกรียงศักดิ์ ได้เทศน์แบ่งปันว่า

“พี่น้องที่รักในพระคริสตเจ้า วันนี้พวกเราทุกคนชื่นชมยินดีมาร่วมฉลองวัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด ที่หัวตะเข้นี้ ร่วมใจกับสัตบุรุษในชุมชนความเชื่อนี้ และก็ร่วมใจกับบรรดาผู้เจ็บไข้ได้ป่วยทุกคนทั่วโลกในประเทศไทย โดยเฉพาะในอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ นี้ด้วย เพราะวันนี้ พระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ประกาศให้วันนี้เป็นวันผู้ป่วยสากล วันที่คริสตชนทุกคนจะให้ความเอาใจใส่ดูแลชีวิต อภิบาลผู้เจ็บไข้ได้ป่วย ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ไร้ที่พึ่ง มองเห็นพระพักตร์พระเยซูเจ้าในตัวพี่น้องผู้ประสบความเจ็บไข้ได้ป่วยในเวลานี้ นำพระวาจาของพระคริสตเจ้าที่ว่า  สิ่งใดที่ท่านทำต่อพี่น้องเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต่ำต้อย ท่านทำต่อเราพระเยซูคริสตเจ้า ที่พ่อพูดถึงเรื่องความสนใจและความเอาใจใส่อภิบาลผู้ป่วยในวันฉลองแม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ด ก็เพราะว่าพระสันตะปาปาได้ประกาศให้วันผู้ป่วยสากลนั้น คือ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ของทุกปี วันฉลองแม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ด

และในทันที ที่พ่อต้องเตรียมบทเทศน์ของวันนี้ พ่อก็จะเปิดหนังสือ ไบเบิ้ล ไดอารี่เป็นอันดับแรก เพื่อจะดูสิว่า พระวาจาพระเจ้าในพระวรสารวันที่ 11 กุมภานี้ พูดถึงเรื่องอะไร แม้ว่าจะเป็นบทอ่านประจำเทศกาลธรรมดา พระวรสารนักบุญมาระโกในวันนั้นก็พูดว่า “ เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือ ผู้คนบริเวณนั้นต่างก็รีบมาหานำคนเจ็บป่วยนอนบนแคร่แล้วมาเฝ้าพระองค์ แม้ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ใด ในหมู่บ้าน ในเมือง ในชนบท เขาก็นำผู้เจ็บป่วยมาวางตามลานสาธารณะ ทูลขอพระองค์ให้เขาสัมผัสเพียงชายฉลองพระองค์เท่านั้น และทุกคนที่สัมผัสแล้วก็หายจากโรคภัยต่างๆ ” พี่น้องที่รัก เราจะเห็นชัดเจนว่า องค์พระอาจารย์เจ้าของเราทรงให้ความสำคัญต่อการดูแลรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยทุพพลาภาพเสมอ ในการประกอบพันธกิจของพระองค์ และนั่นก็ยังได้การรำพึงพระวรสารประจำวันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ที่เป็นวันนี้ เป็นบทอ่านของวันเสาร์หลังพุธรับเถ้า ซึ่งเข้าอยู่ในเทศกาลมหาพรตแล้ว พระวรสารในวันนี้แม้จะเป็นเหตุการณ์การเรียกเลวีคนเก็บภาษีให้มาเป็นอัครสาวก แต่ในพระวรสารประจำวันนี้ ก็เป็นบุคคลที่ป่วยด้วย “ พระเยซูเจ้ากล่าวว่า คนสบายดีไม่ต้องการหมอแต่คนป่วยต้องการ เราพระเยซูไม่ได้มาตามหาคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้กลับใจ ” การรักษาพยาบาลผู้ป่วยของพระเยซูเจ้าไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การรักษาพยาบาลฝ่ายกายเท่านั้น แต่ลึกลงไปถึงจิตใจและจิตวิญญาณของผู้ป่วยด้วย และส่วนลึกสุดแห่งจิตใจผู้คนนี่แหละที่ได้รับการอภิบาลรักษาแล้ว โทษสาทางกายของเราก็จะได้รับผลการเยียวยารักษาไปด้วย นี่คือการเยียวยารักษาจนถึงรากเหง้าของความเป็นคนเลยทีเดียว ในโอกาสวันผู้ป่วยสากลของทุกปี สมเด็จพระปาปา ด้วยความห่วงใยและเอาใจใส่ต่อผู้ป่วยเช่นเดียวกับองค์พระอาจารย์เจ้าของเราก็ได้ทรงมอบสารวันผู้ป่วยสากลให้แก่พระศาสนจักรและแก่สังคมโลกด้วย

และพ่อก็เชื่อว่า พี่น้องทุกคนคงจะได้ทราบข่าวอันทำให้ทั่วโลกต้องตะลึงไปแล้ว เรื่องการตัดสินพระทัยสละตำแหน่งประมุขของพระศาสนจักรสากล และในฐานะพระอัครสังฆราชแห่งกรุงโรมของพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 พระองค์ท่านได้ไตร่ตรองต่อหน้าพระเจ้า พระชันษาของพระองค์เพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหาด้านพลานามัย สุขภาพ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มความสามารถ ความป่วยไข้เป็นเหตุผลสำคัญ และเป็นที่น่าสังเกตก็คือ พระสันตะปาปา ทรงประกาศการตัดสินใจครั้งนี้ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาอันเป็นวันผู้ป่วยสากลด้วย ขอให้เราทุกคนภาวนาเพื่อพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ผู้เป็นบิดาที่รักยิ่งของพวกเราทุกคนเป็นพิเศษและเสมอไป

สารวันผู้ป่วยสากลของพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 ในปีนี้ ในหัวข้อที่ว่า “ พวกท่านจงไปและทำเช่นเดียวกัน ” อันเป็นข้อความจากพระวรสารเรื่องชาวสะมาเรียผู้มีใจเมตตา สะท้อนให้เห็นกิจการและพันธกิจเพื่ออภิบาลผู้ป่วย ผู้ประสบความทุกข์ยาก อันเนื่องมาจากสุขภาพ  เป็นงานอภิบาลของพระศาสนจักรเสมอมาและเรื่องเล่าชาวสะมาเรียผู้มีใจเมตตานั้นสะท้อนให้เราเห็นทั้งกิจการและคำพูดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเมตตาต่อคนต่อพี่น้องเพื่อนมนุษย์ที่เจ็บป่วยของพระศาสนจักรเสมอ ไม่ว่าจะเนื่องมาจากเหตุใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนี้ เป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกทำร้ายและถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย ไม่มีผู้ใดเหลียวแลให้การช่วยเหลือ พระสันตะปาปาได้ทรงสรุปและเน้นโดยใช้ตอนปลายของพระวรสารตอนดังกล่าวเป็นพิเศษที่ว่า พวกท่านจงไปและทำเช่นเดียวกัน นี่คือคำสั่งปฏิบัติการที่พระเยซูเจ้าประทานแก่พวกเราวันนี้เป็นพิเศษ ให้พวกเราทุกคนไปและทำแบบเดียวกันกับชาวสะมาเรียผ็มีใจเมตตาคนนั้นได้กระทำ ชาวสะมาเรียคนนั้นได้ทำอะไร ก่อนทีเดียว เขาได้มีความรักเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ของเขาที่ประสบชะตากรรม ถูกโจรทำร้าย และไม่มีใครช่วยเหลือ และแม้ว่าคนๆนั้นจะไม่ใช่ชาวสะมาเรียเช่นเดียวกับเขา แต่ว่าเป็นชาวยิว อันเป็นคู่อริทางชนชาติของชาวสะมาเรีย เขาก็มองโพ้นไปกว่าเชื้อชาติอคติและความเชื่อถือทางศาสนา เขามองลึกลงไปถึงเนื้อแท้ความเป็นมนุษย์อันเป็นแก่นคำสอนและข่าวดีที่พระเยซูคริสตเจ้าผู้เล่านิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้ทรงนำมาให้ นั่นคือมนุษย์ทุกคนเป็นพี่น้องกันเพราะเราเป็นลูกของพระบิดาองค์เดียวกัน พระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าองค์ความรัก พระสันตะปาปา ทรงเชิญชวนพวกเราทุกคนให้ยึดเอาชาวสะมาเรียผู้มีใจเมตตาผู้นี้ซึ่งหมายถึงพระเยซูฌจ้าองค์พระอาจารย์เจ้าของเราซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องนี้เป็นแบบอย่างการหยิบยื่น การช่วยให้ความช่วยเหลือแก่ทุกคนที่อยู่ในวงการสุขภาพความเจ็บไข้ได้ป่วยและผู้ประสบความทุกข์ยาก และชาวสะมาเรียผู้มีใจเมตตานี้ พระเยซูเจ้าทั้งวาจาและการกระทำของพระองค์เผยแสดงให้เราเข้าใจถึงความรักอันลึกซึ้งที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประสบความเจ็บไข้ได้ป่วยและได้รับความทุกข์ทรมาน นี่คือทัศนคติและการประพฤติปฏิบัติที่ศิษย์แท้ของพระเยซูทุกคนจะต้องนำไปปฏิบัติต่อผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ที่รอคอยช่วยเหลือที่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครเหลียวแล จากนิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้ เราคริสตชนทุกคนจะเข้าใจถึงความรักอันไร้ขอบเขตของพระเยซูคริสตเจ้า เราจะมีสำนึกและเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจการความรักเมตตาช่วยคนอื่นให้สัมผัสและเอาใจใส่สนอกสนใจอยู่ใกล้ชิดกับผู้ต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาผู้นั้นประสบบาดแผลทางกายและทางใจเนื่องศักยภาพที่จะรับแบบนี้ได้ ไม่ได้มาจากความพยายามของเราฝ่ายเดียว ก่อนอื่นหมดทีเดียว ก่อเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ที่เรามีต่อพระเยซูคริสตเจ้าในความเชื่อ จากรากความสัมพันธ์ที่ว่านี้ ก็จะเกิดสำนึกในคริสตชนทุกคนให้พวกเขาทุกคนกลายเป็นชาวสะมาเรียผู้มีใจเมตตา ผู้ที่จะหยุดกิจการทุกอย่างที่ตนเองกำลังกระทำอยู่เมื่อประสบกับพี่น้องเพื่อนมนุษย์ที่ต้องการความช่วยเหลือและกิจเมตตาสงเคราะห์จากตน เป็นคนที่มีสำนึกมีความรู้สึกไวต่อความทุกข์ภัยของผู้อื่น ปรารถนาจะเป็นพระหัตถ์อันทรงพระเมตตาของพระเจ้าแก่ทุกคน

วันนี้ เป็นวันฉลองแม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ด ฉลองแม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ด ในชีวิตของแม่พระเองก็มีประสบการณ์จากเหตุการณ์ของพระนาง ที่แสดงเห็นถึงความรักเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ซึ่งแม้จะไม่ใช่คนเจ็บป่วยโดยตรงแต่มีสภาพที่มีครรภ์และต้องการการอภิบาลดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดจนถึงเวลาที่ท่านยอห์น บัปติสต์ คลอด เหตุการณ์ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเหตุการณ์ที่แม่พระเสด็จไปเยี่ยมนักบุญเอลีซาเบธ ญาติของพระนาง เมื่อแม่พระทราบจากทูตสวรรค์ว่า นางเอลีซาเบธ ญาติของพระนางมีครรภ์ พระนางไม่ได้ห่วงกังวลปัญหาความทุกข์ลำบากของพระนางเองก่อน พระนางเองก็ทรงอยู่ในสภาพมีครรภ์เช่นเดียวกัน พระนางได้ออกเดินทางไปเยี่ยมไปให้ความช่วยเหลือไปรับใช้ในยามที่พี่น้องเพื่อนมนุษย์ต้องการความช่วยเหลือ แม้ว่าการเดินทางสมัยนั้นจะเต็มไปด้วยความยากลำบากและอันตรายก็ตาม คริสตชนศิษย์พระคริสตเจ้าก็เช่นเดียวกัน เมื่อเราได้ตอบรับความรักของพระเจ้าแล้วได้จัดให้พระเจ้ามาเป็นอันดับแรกในชีวิตของเรา สิ่งถัดไปที่คริสตชนปฏิบัติ คือ ความรักต่อพี่น้องเพื่อนมนุษย์ เหมือนยังกับที่แม่พระได้ปฏิบัติทันที หลังจากที่พระนางได้ตอบรับรักพระเจ้าแล้ว

และเหตุการณ์ที่แม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ดหล่ะ เกี่ยวข้องกับวันผู้ป่วยสากลนี้อย่างไร พี่น้องลองพิจารณาประเด็นนี้ จากคำถามที่พ่อจะถามต่อไปนี้ “ วัดคาทอลิกใดในโลกที่เป็นวัดขนาดใหญ่รองลงมาจากพระมหาวิหารนักบุญเปโตร ที่กรุงโรม ” มีคนเคยค้นหาคำตอบเรื่องนี้จากหนังสือที่รวมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับพระศาสนจักรคาทอลิกแต่เป็นข้อมูลที่ค่อนข้างจะเก่านิดหน่อย ปี 1982 อาจจะเป็น้อมูลที่ยังไม่ได้อัพเดตและเป็นปัจจุบันเท่าใดนัก และคำตอบ ณ เวลานั้น ก็คือ วัดนักบุญปีโอ ที่ 10 ที่ลูร์ดนี่แหละ อันเป็นวัดที่อยู่ใต้ดินได้รับการยกถวายแด่พระเจ้าในวันที่ 25 มีนาคม 1958 โอกาสฉลอง 100 ปี การประจักษ์มาของแม่พระให้แก่แบร์นาแด็ต ซูบีรูส์ เด็กหญิงผู้อายุ 14 ปีคนนั้น แม่พระประจักษ์ให้เธอเห็นมากกว่า 14 ครั้งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคมที่ถ้ำมัสซาเบียล เป็นเมืองเล็กๆที่ลูร์ด ในประเทศฝรั่งเศสตอนใต้ แม่พระประจักษ์มาเพื่อบอกกับแบร์นาแด็ตในช่วงปลายของการประจักษ์ว่า ฉันคือผู้ปฎิสนธิอันนิรมลทิน ตั้งแต่นั้นมา เมืองลูร์ดได้กลายเป็นหนึ่งในสักการสถานของแม่พระที่มีชื่อเสียงเลืองลือไปทั่วโลก 100 ปีหลังจากการประจักษ์มาของแม่พระให้แก่แบร์นาแด็ตที่ถ้ำมัสซาเบียลนั้น พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 ได้นิพนธสมณสาร ชื่อว่า การแสวงบุญที่ลูร์ด เพื่อเชิญชวนผู้คนทั่วโลกให้มาที่ลูร์ด มาเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี การการประจักษ์ของแม่พระให้แก่แบร์นาแด็ตเห็นในปี ค.ศ. 1958 พระองค์ท่านได้ระบุคำเชิญชวนผู้ป่วยและคนยากคนจนเป็นพิเศษในพระสมณสารฉบับนั้นว่า พวกท่านจงไปพบแม่พระเถิด ท่านผู้ถูกเบียดเบียนจากโรคร้ายโรคภัยไข้เจ็บ ประสบความยากจน ผู้ที่ไม่สามารถปกป้องตนเองได้ และการต่อสู้กับความยากลำบากของชีวิตและไม่ได้รับความสนใจจากผู้อื่น พวกท่านจงไปพบแม่พระ ท่านผู้เป็นที่รักยิ่งผู้พิการคนเจ็บป่วย ลูร์ดยินดีต้อนรับและให้เกียรติแก่ทุกท่าน จงไปพบแม่พระเถิด และรับพระพรแห่งสันติสุขในจิตใจ พละกำลังการต่อสู้แห่งชีวิต และความชื่นชมยินดีในการพลีถวายความทุกข์ยากของท่านแด่พระเจ้า

และคนๆหนึ่งได้ตอบรับคำเชิญของพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 และก็เป็นหนึ่งในจำนวนผู้คน 6 ล้านกว่าคนที่ได้ไปที่เมืองลูร์ดใน ค.ศ. 1958 นั้น เขาเล่าว่า “ ผมได้เห็นฝูงชนมากมายหลายพันหลายหมื่นคน บางก็นั่งรถเข็น บางก็เดิน ทุกคนต่างก็แห่ตามๆกันไป ในขบวนแห่ผู้ป่วยประจำวัน รับพรจากศีลมหาสนิทในรัศมีทองคำ เขาเล่าต่อว่า ผมได้อ่านรายงานที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับอัศจรรย์ผู้ที่หายป่วยจากสำนักการแพทย์ที่นั้น ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ร่วมในขบวนแห่พร้อมกับคนป่วยนับ 1000 เหล่านั้น ที่ถือเทียนจุดในมือ ขับร้องเพลงลูร์ด สรรเสริญพระเจ้า และแม่พระเป็นภาษาต่างๆ 10 กว่าภาษา ในใจของผมเต็มตื้นไปด้วยความอิ่มเอิบที่ได้สัมผัสการประทับอยู่ของพระแม่มารีย์ในวันนั้น พระแม่ได้เชิญชวนชาวโลกผ่านทางนักบุญแบร์นาแด็ตให้ทำการพลีกรรม ใช้โทษบาป ยกถวายความทุกข์ทรมานของพวกเราร่วมกับพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระนาง ผมได้เห็นและได้เชื่อว่า พระเจ้าได้เข้ามามีบทบาทอย่างแท้จริงในเหตุการณ์การประจักษ์มาของแม่พระในครั้งนั้น และได้มอบสารยืนยันว่า แม่พระคือผู้ปฎิสนธิอันนิรมลทิน ดังกล่าวแล้วมอบให้แก่แบร์นาเด็ตที่ถ้ำในริมฝั่งแม่น้ำเครฟ ”

วันที่ 15 พฤษภาคม ในปี 1981 พระสันตะปาปาอีกพระองค์หนึ่งได้ตรัสผ่านเทปบันทึกเสียงด้วยน้ำเสียงของคนป่วยจากเตียงคนป่วยในโรงพยาบาลที่กรุงโรม ตรัสกับผู้คนว่า แสนห้าหมื่นคนที่มาชุมนุมในลานมหาวิทยานักบุญเปโตร 4 วันหลังจากที่พระองค์ถูกยิง พระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 ผู้เจ็บป่วยอยู่ในขนาดนั้น ตรัสกับผู้เจ็บป่วยทั้งหลายว่า บัดนี้ พ่อก็ป่วยอย่างพวกเขา และพ่อขอพูดกับผู้เจ็บป่วยทั้งหลายเพื่อบรรเทาใจและให้ความหวังว่า พ่อสุขใจในความเจ็บป่วยและความทุกข์ทรมานนี้ พ่อจะก้าวผ่านความทุกข์ทรมานทั้งหมดนี้เพื่อพวกท่านที่กำลังเจ็บป่วยอยู่  พ่อก็เติมเต็มพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าในส่วนที่ยังขาดอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานทั้งหมดของพ่อที่พ่อกำลังประสบอยู่ขณะนี้ ผ่านทางพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกายของพระเยซูเจ้า ความทุกข์ทรมานที่พ่อน้อมรับเข้ามีส่วนร่วมในพระทรมานของพระคริสตเจ้า การกระทำดังนี้จะก่อเกิดผลดีอย่างแน่นอนในการทำให้แผนการแห่งความรอดพ้นของพระเจ้าสำเร็จไป

นักบุญแบร์นาแด็ต ผู้ได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในปี 1933 คงเห็นด้วยกับพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ดังกล่าวมานี้อย่างแน่นอน เธอเกิดวันที่ 7 มกราคม 1844 ที่เมืองลูร์ด จากครอบครัวคริสตชน ครอบครัวของเธอประสบปัญหาหนักเพราะความยากจนและงานหนักที่จะสามารถมีชีวิตได้สมศักดิ์ศรี ในปี 1958 ครอบครัวของเธอต้องย้ายไปอาศัยอยู่ในคุกเก่าที่ทางการไม่ใช้แล้วด้วยความจีของญาติคนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แบร์นาแด็ตเจ็บป่วยเรื่อยมา เธอเคยป่วยเป็นอหิวาเป็นโรคหอบหืดและร่างกายมีอาการทรุดโทรมต่อเนื่องเรื่อยๆ เพราะโรคหอบหืดนั้น เนื่องจากได้รับความหนาวเย็นและเปียกชื้นจากคุกเก่าซึ่งใช้เป็นที่อาศัยของครอบครัวเนื่องจากความจำเป็นชีวิตบังคับที่ต้องไปอาศัยที่นั้น ในช่วงชีวิตของการถวายตัวเป็นนักบวช เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ไม่ห่างไกลจากลูร์ดมากนัก แต่ในช่วงปีต่อมา เธอก็เจ็บป่วยมาโดยตลอด และทนทุกข์ทรมานเนื่องจากโรค ครั้งหนึ่งเธออยู่บนเตียงด้วยความเจ็บป่วย เธอกล่าวกับซิสเตอร์คนหนึ่งที่กำลังพยาบาลเธอว่า “ จงเรียกหาเถิด ” ซิสเตอร์คนนั้นก็ถามเธอว่า “ เรียกหาอะไรรึ ” “ เรียกหาความป่วยไข้ ” แบร์นาแด็ตตอบ และตลอดชีวิตของเธอที่เหลือนั้น เธอได้น้อมรับความเจ็บไข้ได้ป่วยทั้งหมดด้วยความเต็มใจยกถวายแด่พระเจ้าเพื่อชดเชยใช้โทษบาปและเพื่อความรอดพ้นของวิญญาณเพื่อนมนุษย์ นอกเหนือไปจากความทุกข์ทรมานของการป่วยไข้ทางกายแล้ว เธอยังได้น้อมรับความทุกข์ทรมานอันมีสาเหตุมาจากฝูงชนจำนวนมากรบกวนเพราะอยากจะพบเห็นเธอเพราะคำร่ำลือและข่าวที่กระจายออกไปเกี่ยวกับการประจักษ์ที่ลูร์ด ท่าทีของพระศาสนจักรเองที่ไม่ยอมรับรู้ที่ประจักษ์ดังกล่าวนั้นไปตอนต้น ตั้งแต่ตอนที่เธอยังอายุน้อยอยู่ แม้ว่าเธอจะไม่เคยแสดงความคิดโอ้อวด ถือว่าเธอคนเป็นคนสำคัญอย่างใดเลย แต่ก็ยังมีการร่ำลือแบบผิดๆไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับประจักษ์นั้นในหมู่บ้านของเธอ เธอปฎิเสธไม่ยอมรับเงินที่มีผู้อื่นมอบให้ และตลอดเวลาก็วางตัวอดทนขั้นวีรกรรมในการยอมรับการเจ็บใข้ได้ป่วยตลอดเวลานั้น 2 ปี ภายหลังการประจักษ์ เธอต้องลาจากลูร์ด เมืองที่เธอรักอย่างมาก รวมทั้งถ้ำมัสซาเบียลที่แม่พระประจักษ์มาด้วย เธอไปถวายตัวในคณะอารามซิสเตอร์นอเตอร์ดาม เดอ เนเวอร์ ต้องจากครอบครัวของเธอ เธอไม่เคยออกจากอารามเลย และไม่ได้มีส่วนร่วมทั้งสิ้นในการเสกถวายพระมหาวิหารใหม่ที่ลูร์ดแด่พระเจ้า ในปี ค.ศ. 1876 และทั้งหมดนั้น มาจากการตัดสินใจของเธอเองที่จะไม่กลับไป เป็นการตัดสินใจที่เป็นอิสระจากทุกสิ่ง ไม่ยึดติดกับสิ่งใด ไม่ครอบครองเป็นเจ้าของ และการตัดสินใจตัดสละดังกล่าวก็เรียกร้องความเสียสละอย่างมากจากเธอด้วย ในห้องพักของเธอในอาราม เธอกล่าวถ้อยคำที่ทำให้เราเข้าใจว่า เธอต้องเสียสละเพียงใดในเรื่องนี้ เธอกล่าวว่า โอ้ ถ้าดิฉันจะสามารถไปอยู่ที่นั้นเพียงเพื่อถวายเกียรติแด่แม่พระ ถ้ามันจะเป็นไปได้ โดยที่ไม่มีใครเห็นดิฉัน และด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงตัดสินใจไม่ไปที่นั้นอีก นอกจากนี้ ยังมีซิสเตอร์ที่นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไรบางคนในอารามอิจฉาเธอและก็ล้อเลียนเธอด้วยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนกับการประจักษ์ของแม่พระนั้นเป็นเรื่องที่กุขึ้นมา ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น และรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมพระแม่มารีย์จึงไม่เลือกผู้ประจักษ์มากับบุคคลชั้นสูงในสังคมแทนที่จะมาประจักษ์กับคนที่ต่ำต้อยเช่นเธอ แต่แบร์นาแด็ตได้รับความบรรเทาใจจากถ้อยคำของพระแม่มารีย์ที่ตรัสกับเธอเป็นส่วนตัวในการประจักษ์ครั้งแรกว่า ขอเธอจงช่วยฉันหน่อย โดยการมาที่ถ้ำนี้เป็นระยะเวลา 15 วัน ฉันไม่สัญญากับเธอนะว่า จะปล่อยให้เธอมีความสุขในโลกนี้ แต่สำหรับชีวิตในโลกหน้าฉันสัญญา แบร์นาแด็ตอายุ 35 ปี เมื่อสิ้นชีวิตในปี 1879 และเธอได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 11 ในปี 1933 ไม่ใช่เพราะว่า เธอได้เห็นการประจักษ์ของแม่พระ แต่เป็นเพราะว่าเธอได้น้อมรับกางเขนด้วยวีรกรรมด้วยความศักดิ์สิทธิ์แบบนักบุญด้วยความชื่นชมยินดี แน่นอนว่า สตรีสาวผู้น่าประทับใจผู้นี้ ต้องถือว่าเป็นสตรีผู้มีวีรกรรมโดดเด่นที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 19 เลยทีเดียว และที่สำคัญก็คือ เธอสามารถสอนพวกเราได้ว่าจะต้องเจริญชีวิตอย่างไรในองค์พระคริสตเจ้า ในปี 1923 ขณะที่พระสันตะปาปา ประกาศสมณกฤษฎีกาที่กล่าวความศักดิ์สิทธิ์ของเธอขั้นวีรกรรม พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 11 สรุปรวบยอดชีวิตของเธอ ไว้ว่า แบร์นาแด็ตได้ซื่อสัตย์ต่อพันธกิจที่เธอได้รับจนถึงที่สุด เธอเป็นคนสุภาพในเกียรติมงคลของเธอที่เธอได้รับ และเป็นคนเข้มแข็งเมื่อเธอถูกทดลอง แล้วใครจะคิดว่า ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่ชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงหรอกหรือ

พี่น้องที่รักในพระคริสตเจ้าทุกคน โอกาสที่เราร่วมใจมาฉลองแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด หัวตะเข้วันนี้และยังเป็นวันระลึกถึงวันผู้ป่วยสากล วันที่คริสตชนทุกคนร่วมใจต้อนรับคำเชิญของพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 ให้พวกเราทุกคนเลียนแบบพระเยซูเจ้า ชาวสะมาเรียผู้มีใจเมตตาคนนั้น โดยเราจะมองเพื่อนมนุษย์ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วย ผู้รอคอยความช่วยเหลือ ผู้อภืบาลทางจิตใจ การรักษาพยาบาลฝ่ายกายด้วยความรักเมตตา ความรักเมตตาที่มีกล่าวไว้ในบทอ่านที่ 2 วันนี้ว่า เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้กิจการที่เหลืออื่นๆที่เราจะกระทำนั้นมีคุณค่า ปฏิบัติความรักตามแบบชาวสะมาเรียผู้มีใจเมตตาคนนั้น คือ พระเยซูเจ้าอาจารย์เจ้าของเรา และไม่ใช่ปฏิบัติแค่วันระลึกถึงผู้ป่วยสากลเท่านั้น แต่ว่าทุกวันกับทุกคนในชีวิตประจำวันของเรา วันนี้เรายังได้รับฟังแบบอย่างชีวิตของท่านนักบุญแบร์นาแด็ต ซูบีรูส์ ซึ่งมีความอดทนต่อความเจ็บป่วยขั้นวีรกรรม และเป็นพิเศษวันนี้ ที่ทางวัดได้ร่วมมือกับทางคณะนักบวชคามิลเลียน อัญเชิญพระธาตุหัวใจของนักบุญคามิลโล ผู้อุทิศชีวิตเพื่อผู้ป่วย รัก รับใช้ อภิบาลดูแลผู้เจ็บไข้ได้ป่วยทุกคนตลอดชีวิตของท่าน ขอให้แบบอย่างเหล่านี้ช่วยให้พวกเราฟันฝ่าอุปสรรคในชีวิตในเรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วย และให้พวกเราทุกคนพร้อมจะเปิดใจให้ความรักความเมตตาเอาใจใส่อภิบาลดูแลผู้เจ็บไข้ได้ป่วยรอบข้างไม่ว่าจะเป็นบุคคลในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านใกล้เรือนข้างของเรา ให้ความรักความเมตตาของพระเจ้าผ่านทางชีวิตและการกระทำของเราไปสัมผัสผู้ป่วยทุกคนเพื่อเขาจะได้เชื่อในความรักของพระองค์เสมอแม้ในยามเจ็บป่วยและวาระสุดท้ายของชีวิต ให้เราร่วมภาวนาให้ผู้ป่วยทุกคนและรวมทั้งผู้ดูแลอภิบาลผู้ป่วยเหล่านั้นด้วย อาแมน ”

หลังบทภาวนาหลังรับศีล พระคุณเจ้า เกรียงศักดิ์ ได้อวยพรอย่างสง่า

จากนั้น
ทางคณะคามิลเลียนได้มอบของที่ระลึกแก่พระคุณเจ้าทั้ง 2 และคุณพ่อ เชิดชัย เลิศจิตรเลขา  อธิการเจ้าคณะ ได้กล่าวฉลองปิด 60 ปี เริ่มงานธรรมทูตในประเทศไทย และเปิด “สี่ศตวรรษแห่งการมรณกรรมนักบุญคามิลโล ปีแห่งพระพร” และกล่าวขอบคุณ ประธานในพิธีด้วย

จากนั้น ตัวแทนสภาภิบาลได้กล่าวคำนับพระคุณเจ้า มอบของที่ระลึก จากนั้น พระคุณเจ้าได้กล่าวให้โอวาท
ต่อมา เป็นการเทิดเกียรตินักบุญคามิลโล พระคุณเจ้าได้ถวายกำยานแด่พระธาตุหัวใจ นักบุญคามิลโล และสวดบทภาวนาสี่ศตวรรษแห่งการมรณกรรมนักบุญคามิลโลต่อพระธาตุหัวใจของท่านนักบุญคามิลโล
จากนั้น เป็นการเทิดเกียรติแม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ด เริ่มจากถวายกำยาน แห่รอบวัด ถวายกำยานอีกครั้ง สวดภาวนา และถวายช่อดอกไม้

หลังจากพิธีมิสซา สัตบุรุษได้ร่วมเคารพพระธาตุหัวใจที่แบ่งออกมาโดยการจูบ และสวดภาวนาต่อหน้าพระธาตุหัวใจ

รรยากาศในวันนี้ มีสัตบุรษมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ และยังเป็นการตอนรับพระธาตุหัวใจนักบุญคามิลโลของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการอีกด้วย ซึ่งพระธาตุหัวใจนี้ได้เยือนประเทศไทยมาตั้งแต่ วันที่ 21 มกราคม จนถึง 17 กุมภาพันธ์ 2013 และพระธาตุหัวใจนี้จะเดินทางไปเยือนที่ประเทศฟิลิปปินส์ต่อไป