ภาพ / ข่าว นิพัทธ์ สิริพรรณยศ  อาสาสมัครช่วยงานแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

          วันอังคารที่ 1 มกราคม 2013 คุณพ่อ ฟรังซิสเซเวียร์ สมชาย อัญชลีพรสันต์ เจ้าอาวาสวัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า ได้จัดงานฉลองวัดประจำปี 2013 โดยได้เรียนเชิญ คุณพ่อ ยอแซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม อุปสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เป็นประธานในวันนี้

          เวลา 09.45 น. คุณพ่อวุฒิเลิศ ถึงบริเวณวัด บรรดาพระสงฆ์ สัตบุรุษ ให้การต้อนรับ

          เวลา 10.30 น. พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ โอกาสสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีของพระเป็นเจ้าและวันขึ้นปีใหม่ โดย คุณพ่อ ยอแซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม อุปสังฆราช คุณพ่อ ยอแซฟ จำเนียร กิจเจริญ คุณพ่อ เดลาดิโอ เบร์ตุชอ คณะธรรมทูตแห่งมารีนิรมล และบรรดาพระสงฆ์

          คุณพ่อ วุฒิเลิศ ได้เทศน์ให้ข้อคิดว่า“ พี่น้อง บทบาทและหน้าที่ของแม่พระทั้งหมด พระศาสนจักรยืนยันและประกาศความเชื่อโดยไม่ลังเลเลยว่า แม่พระเป็นมารดา เป็นพระชนนีของพระเป็นเจ้าที่เป็นความยิ่งใหญ่ ความยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่อยู่ตรงเป็นมารดา แต่อยู่ตรงพระเป็นเจ้าทรงรักเราและโปรดให้เรามีแม่พระเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าและก็มีความศักดิ์สิทธิ์มากในบรรดามนุษย์ทั้งหลาย

          และวันนี้ พระวรสารพูดถึงคนเลี้ยงแกะ พ่อจะขอพูดนิดนึง พระเยซูเจ้าบังเกิดมา ณ ท้องทุ่ง ที่เบธเลแฮม คนเลี้ยงแกะหามรุ่งหามค่ำในทะเลทรายตรงนั้นเพื่อเลี้ยงแกะต้องทรมาน คนเลี้ยงแกะเขาเป็นใคร เขาเป็นชาวบ้านธรรมดา มีอาชีพเป็นกรรมกร ต้องทำงานหนัก ไม่มีความรู้ใดๆ ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยด้วย เป็นคนที่ต้องดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบากตามมาตรฐานสิ่งที่อยู่ภายนอกนั้น และสิ่งสำคัญต่อมาก็คือ เขาเป็นมนุษย์เป็นประชาชนกลุ่มแรกที่พระเจ้าทรงแจ้งให้เขาทราบข่าวดีแห่งความรอด ข่าวดีแห่งความรอด คือ การประสูติมาของพระผู้ไถ่ และตรงนี้เอง ถามว่า ทำไมพระเป็นเจ้าไม่เลือกคนนี้คนนั้น ไม่เลือกกษัติรย์องค์นี้กษัตริย์องค์นั้น แต่พระองค์เลือกคนเลี้ยงแกะ มีความหมาย มีนัยสำคัญก็คือ เป็นพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าที่ต้องการแสดงถึงความรักที่มีมนุษย์จริงๆ การเสด็จมาของพระองค์นั้นมาช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก คนที่กำลังทุกข์ทรมาน คนที่กำลังประสบปัญหา และโดยเฉพาะคนบาป เพื่อเขาจะกลับใจ เพื่อเขาจะดำเนินชีวิตและพ้นจากความยากลำบากนั้นก็เป็นธรรมเนียมสมัยโบราณใช่มั๊ยว่า คนที่มีความยากลำบาก สาเหตุคือ มีบาป และ ณ ตรงนี้เป็นพระเยซูเป็นพระองค์ที่บังเกิดมาที่ทำให้เขาพ้นจากความยากลำบากตรงนี้ คือ ให้เขาพ้นจากบาปนั้นเอง นี่เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ความรักของพระเป็นเจ้าจึงชี้ชัดและเด่นในการบังเกิดมาในโลกนี้ในฐานะคนยากคนจน คนที่พยายามที่จะได้ความช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้าเป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์เป็นบุตรแห่งพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่าจะส่งผู้หนึ่งมากอบกู้ และพระองค์ก็มาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่แสดงที่แสดงออกว่าทำไมพระเป็นเจ้าจึงเลือกคนเลี้ยงแกะ

และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ ขณะที่เขาเลี้ยงแกะอย่างหนาวเหน็บอยู่นั้น เทวดาได้ประจักษ์มาและก็บอกว่าจะมีผู้ทรงสรรพานุภาพช่วยให้รอดบังเกิดมาให้ท่านไปและแล้วจะพบท่านพันผ้านอนในรางหญ้า นี่เป็นพระวรสารก่อนหน้าที่เราจะฟังเมื่อกี้นี้ เราจึงเข้าใจว่า ข่าวดีที่เขาได้รับนี่คือข่าวดีเกี่ยวกับพระผู้ไถ่ คือ พระเยซูเจ้า และข่าวดีนี้เอง ทำให้คนเลี้ยงแกะเหล่านั้นชื่นชมยินดี และเมื่อเขามีความชื่นชมยินดีแล้ว สิ่งที่ตามมา ก็คือ เขาเกิดความสุขใจ เกิดความปิติ และความสุขใจความปิติที่เขามีนั้น หลังจากที่เขาไปพบและเห็นจริงๆตามที่เทวดาบอก เขาเก็บไว้กับตัวเองไม่ได้ เขาต้องนำข่าวดีนี้ไปแจ้งไปบอกกับคนอื่นๆด้วย เพื่อที่จะได้รับความปลื้มปิติความสุขเช่นเดียวกับเขา พี่น้อง พ่ออยากจะบอกว่า อันนี้เป็นหน้าที่ของเราทุกๆคน ที่เราได้รับข่าวดีจากพระเป็นเจ้า เราเรียนรู้ เราเข้าใจ เราฟัง เราประพฤติปฏิบัติตามพระวรสาร เรามีหน้าที่ที่ต้องออกไปประกาศ การประกาศ การแจ้งให้คนอื่นทราบข่าวดีนั้น ก็ได้วิเคราะห์กันมาหลายครั้งหลายหน เขาบอกว่าสิ่งที่เกิดผลมากที่สุด คือ แบบอย่าง การมีชีวิตเป็นแบบอย่างของบรรดาฆราวาส ของครอบครัวคริสตชน ของผู้เป็นคาทอลิกอยู่ในที่ทำงานอยู่ในที่ไหนก็ตาม เป็นแบบอย่างที่ดี และเมื่อคนอื่นเห็น เขาก็จะรู้จักพระเยซูเจ้า เหมือนคนเลี้ยงแกะนั้นได้นำข่าวดีนี้ไปแจ้ง เพราะฉะนั้น พี่น้อง เราลองหลับตานึกสิว่า เราเคยป็นคนเลี้ยงแกะ ตัวอย่างของเราได้เคยทำให้มีใครมารู้จักพระเยซูเจ้ารู้จักความรอดบ้างมั๊ย อันนี้เป็นสิ่งที่ฝากไว้ให้เราไปคิดต่อ

และในวันนี้เนื่องจากเป็นวันปีใหม่ ก็อยากจะพูดถึงปีใหม่สักเล็กน้อย ความจริงแล้วปีใหม่เป้นสิ่งที่มนุษย์ตั้งขึ้นมาเป็นช่วงเวลาก็ว่าไป และก็จัดสรรบอกว่าเป็นปีใหม่ และมีการเฉลิมฉลองและใช้โอกาสนี้เพื่อจะได้เตือนใจ สอนใจ เชื้อเชิญ อวยพรซึ่งกันและกันให้ได้ดิบได้ดีกันต่างๆ ความจริงแล้วอยากจะบอกว่าปีใหม่ เราต้องเป็นคนเดิมที่ดีกว่า คนเดิมคือเราไม่ใช่คนอื่นแล้ว แต่ที่สำคัญคือ เมื่อปีใหม่แล้วเราต้องเป็นคนเดิมที่ดีกว่าเก่า ปีที่แล้วเราเป็นอย่างไงเรามีข้อบกพร่องอะไรต่างๆเนี่ยนะ เราต้องเป็นคนเดิมที่ดีกว่าปีที่แล้ว อะไรที่เราต้องคิดพิจารณาเปลี่ยนแปลงแก้ไขเราก็ต้องทำ นี่คือสิ่งที่อยากจะบอก สรุปก็คือ เราต้องทำดีกว่าเดิม คนที่จะต้องเป็นคนเดิมที่ดีกว่าเก่า ก็คือ จะต้องทำดีกว่าเดิม

เมื่อเราก้าวมาสู่ปีใหม่แล้ว อยากจะถามว่า พี่น้องก้าวมาสู่ปีใหม่แล้วในใจมีความสุขหรือไม่ มีความปิติยินดีมั๊ย ถ้ามีความสุขความปิติยินดี แสดงว่ายอดแล้ว หมายความว่า เราได้เข้าสู่ปีใหม่ ก็เป็นผู้ที่มีความสุขเพราะเราได้ทำดีมา เราได้ทำสิ่งที่ดี เรามีข้อตั้งใจที่ดี เรามีสิ่งที่เราจะหวังในสิ่งที่ดีเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเกิดว่า มาบัดนี้ ยังหงุดหงิดอยู่เลย ยังเป็นทุกข์อยู่แล้ว ยังกังวลอยู่เลย จิตใจไม่สงบ ต้องคิดแล้วว่า ทำไม แน่นอนที่สุดเพราะว่าเราข้ามปีเก่ามาสู่ปีใหม่โดยที่ไม่ได้ทิ้งสิ่งที่ไม่ดี เมื่อคืนมีมิสซา และพ่อก็บอกว่า ให้เราก้าวเข้าสู่ปีใหม่ด้วยการทำจิตใจให้สดใส ปลื้มปิติยินดีนั้นคือเราต้องรู้จักล้างใจของเราให้พ้นไปจากอคติต่างๆ พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ต่างๆให้ได้มากที่สุด ต้องล้างใจให้สะอาดเพื่อสู่ปีใหม่อย่างดีและคนที่มีจิตใจสะอาดก็จะมีสติ มีข้อตั้งใจที่ดีก็จะมีความมั่นใจในการเจริญชีวิต เพราะฉะนั้น พี่น้องถามว่า เวลานี้ เรายังรู้สึกอย่างไง มีสุขมั๊ย มีทุกข์มั๊ย ถ้าเรามีความทุกข์อยู่ทำอย่างไง แน่นอนที่พ่อบอกตะกี๊เนี่ย ต้องตั้งสติและทำดี ทำดีก็คือ ล้างใจเราให้สะอาดและพยายามลดทิฐิ ลดเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่ดีในชีวิตตัดมันออกไป สำคัญก็คือ พี่น้องต้องให้อภัย ต้องยกโทษ และในวันนี้ โอกาสที่เรามาร่วมฉลองแม่พระ พระชนนีของพระเจ้า โอกาสที่เรามาพบปะกันคนรู้จักมักคุ้นหรือพี่น้องที่มาจากวัดต่างๆ บรรดาคุณพ่อ ก็ขอให้เราพบปะกันด้วยความสุข ด้วยความรัก ด้วยความเอาใจใส่ ด้วยการดำเนินชีวิตที่ภาคภูมิใจในฐานะที่เรามีแม่พระเป็นแม่ของเราด้วย ไม่ใช่เป็นแม่พระเจ้าแต่เป็นแม่ของเราด้วยในสวรรค์ และก็มีเพื่อนพี่น้องของเราที่ต้องอยู่ด้วยกันด้วยความรัก ด้วยความจริงใจและตรงนั้นเองจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราก้าวหน้าไปอย่างมั่นใจว่าเราจะมีความสุขที่แท้จริงในชีวิตของเรายิ่งวันยิ่งมากขึ้น ”

หลังจากบทภาวนาหลังรับศีล คุณพ่อ วุฒิเลิศ ได้อวยพรแก่พี่น้องสัตบุรุษ

และตัวแทนสภาภิบาลได้กล่าวขอบคุณและร่วมอวยพรปีใหม่แก่ประธานในพิธี จากนั้น คุณพ่อ วุฒิเลิศ กล่าวตอบ
ต่อมา เป็นการเทิดเกียรติพระนางมารีย์พระชนนีของพระเป็นเจ้า เริ่มจากถวายกำยาน แห่รอบวัด ถวายกำยานอีกครั้ง สวดภาวนา และถวายช่อดอกไม้

บรรยากาศในวันนี้ ทางวัดได้มีสิ่งปลูกสร้างใหม่ คือ ศาลาอเนกประสงค์ ถึงแม้ว่ายังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่วันนี้ก็สามารถใช้งานได้ และเนื่องจากในวันนี้เป็นวันหยุด ทำให้มีบรรดาพี่น้องสัตบุรุษมาร่วมเป็นจำนวนมาก