ภาพ / ข่าว : แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

ประมวลภาพวันพฤหัสฯศักดิ์สิทธิ์พิธีระลึกถึงการตั้งศีลมหาสนิทและพิธีล้างเท้าอัครสาวก อาสนวิหารอัสสัมชัญ

วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ 5 เมษายน 2555 เวลา 19.00 น. คุณพ่อสุรสิทธิ์ ชุ่มศรีัพันธุ์ เจ้าอาวาสอาสนวิหารอัสสัมชัญ เป็นประธานในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ พิธีล้างเท้าอัครสาวก และเฝ้าศีลมหาสนิท ท่ามกลางบรรยากาศของการเตรียมเข้าสู่ค่ำคืนพระมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า

ก่อนจะถึงพิธีล้างเท้า คุณพ่อได้ให้ิข้ิอคิดในบทเทศน์ว่า “คุณค่าของความรู้สึกไม่มีอะไรมาวัดได้ เทียบได้ บางครั้งเราเองมองข้ามคุณค่าของความรู้สึกกับผู้ตอบสนองคำพููดของเรา” คำพูด กิจการที่ถูกต้อง อาจสร้างควาามรู้สึกไม่ถูกต้องก็ได้ ต้องมีกิจการที่ถูกต้อง ถ้าเราได้ให้คุณค่าความสำคัญต่อความรู้สึก เวลาที่เราไปรับบริการจากที่ต่าง  ๆไม่ว่าจะเป็นบริษัทก็ดี เครื่องบินก็ดี ร้านอาหาร หรือ แม้แต่โรงแรม จะมีคนเอาอกเอาใจลูกค้า เพื่อให้เรามีความรู้สึกที่ดี มีคนพูดว่า “ผู้คนอาจลืมสิ่งที่ท่านพูด สิ่งที่ท่านทำ แต่ไม่ลืมสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกได้”

เราอาจมีสำนวนคำพูดที่เลอเลิศ ทำกิจการยิ่งใหญ่แต่ผู้คนไม่สนใจ อาจชื่นชมเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่เมื่อเราเกิดความรู้สึกเลวร้าย หรือ ดี ก็ตาม เราจะจดจำไว้ เราจะพูดจะทำอะไรจะวิเศษแค่ไหน ต้องให้ความรู้สึกกับผู้อื่นก่อนเสมอ  เราต้องทำสิ่งที่เกิดจากหัวใจ ที่แสดงออกมาได้ พวกกิจการทางสายตา การกระทำ คำพูด ถ้าเขารู้สึกเดี๊ยวนั้นก็ไม่มีอะไรแลกกับคุรค่านั้นได้

เวลาเรามาวัดมารับศีลมหาสนิท เราก็กระทำจนกลายเป็นความคุ้นเคย จนบางทีเราก็ทำแต่ขาดความรู้สึก ความเชื่อที่ปฏิบัติด้วยหัวใจ ทำด้วยความรู้สึกต้องสร้างความรู้สึกและน้อมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ถ้าหัวใจเราเฉื่ยชา เวลาเรารับศีลมหาสนิท สิ่งนั้นก็ไม่บังเกิดผล เราต้องตอบสนองทั้งครบ คืนนี้เมื่อเราให้ความสำคัญและเมื่อพี่น้องรับศีลมหาสนิทในวันนี้ อาจจะแตกต่างกับวันอื่น ๆ

ศีลมหาสนิทเป็นรักแท้ที่พระเยซูเจ้าให้กับเรา  พ่อจำคำพูดของพระสงฆ์คนหนึ่งที่บอกว่า “
มนุษย์เราไม่ได้ดำรงชีวิตด้วยขนมปังแต่ดำรงชีวิตด้วยดอกกุหลาบ” สิ่งที่มนุษย์เราทำเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ จริงใจ เผื่อแผ่ให้คนอื่นได้ เราพากเพียรมารับทุกอาทิตย์ เรารู้ว่าใครรักเรา นั้นดีมาก แต่ความรู้สึกที่เรารักใครนั้น รู้สึกได้มากกว่า เพราะการที่ไดุ้ถูกรัก

จากนั้นคุณพ่อ ได้ทำการล้างเท้าให้กับตัวแทนสัตบุรุษ การล้างเท้า เป็นหน้าที่ของคนใช้หรือทาสผู้ต่ำต้อย พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าอัครสาวกแสดงว่าทรงยอมรับตำแหน่งคนใช้ดุจ เดียวกับพระมารดาของพระองค์ที่กล่าวกับเทวดาคาเบรียลว่า “ข้าฯคือคนใช้ของพระเจ้า” ท่านทั้งสองได้ทำหน้าที่ “คนใช้” อย่างครบครันโดยการน้อมรับคำสั่งจากพระเจ้าตราบจนสิ้นชีวิต คนใช้ที่ดีและ ซื่อสัตย์ เท่านั้นที่จะได้รับรางวัลจากพระเจ้า

หลังรับศีลแล้วคุณพ่อได้นำศีลมหาสนิท มายังพลับพลาที่เตรียมไว้ เพื่อให้เราได้รำพึงไตร่ตรองชีวิตไปพร้อม ๆ กับพระเยซู เพื่อก้าวเข้าสุ่ปัสกาไปพร้อมๆ ๆ กับพระองค์  บทเพลงรำพึงต่าง ๆ ทำให้ได้มีโอกาสทบทวนถึงชีึวิต “ในพระมหาทรมาน ที่พระองค์ยอมเสียสละพระองค์เพื่อช่วยเราคนบาป เมื่อพระองค์เสด็จมาในโลกนี้เพื่อพิสูจน์ว่า พระเป็นเจ้าทรงรักเรามากสักเพียงใด ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสอน ส่องสว่างและความหมายจากดวงพระหฤทัยของพระองค์ เป็นความจริงที่ทำให้เราเข้าใจถึงกิจการทั้งหมดที่พระองค์ทรงกระทำและบัญญัติเอกที่พระองค์บอกเราเสมอ พระบัญญัติแห่งความรัก รักพระเป็นเจ้า และรักเพื่อนมนุษย์”

ในค่ำคืนนี้ สัตบุรุษหลายคนใช้เวลากับการรำพึง ตู้ศีลไม่เงียบเหงาเหมือนทุกครั้ง แต่พระแท่นวางเปล่า กางเขนถูกคลุมด้วยผ้า และเมื่อเฝ้าศีลเสร็จแล้ว ทุกคนก็ออกจากวัดแบบเงียบ ๆ และพรุ่งนี้วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ จะมีพิธีเดินรูปเวลา 14.00 น. และ นมัสการกางเขนเวลา 15.00 น.