ภาพ / ข่าว : แผนกวิถีชุมชนวัด

Share |

          เมื่อวันที่ 6 - 7 สิงหาคม 2011 แผนกวิถีชุมชนวัด ฝ่ายงานอภิบาล อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ ฯ โดยคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช ผู้จัดการแผนกวิถีชุมชนวัด คุณพ่อถนอมศักดิ์ เลื่อนประไพ ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกวิถีชุมชนวัด ร่วมกับแผนกองค์กรคริสตชนฆราวาส โดยคุณพ่ออภิเดช สุภาจักร์ ผู้จัดการ แผนก ได้จัดการอบรมสร้างความเข้าใจจิตตารมณ์ “วิถีชุมชนวัด” รุ่น 3 ณ บ้านผู้หว่าน สามพราน โดยมีคุณพ่อปิยะชาติ มะกรครรภ์  คุณพ่อเชษฐา ไชยเดช และซิสเตอร์สุวรรณี พันธ์วิไล ซิสเตอร์กัลยา ตรีโสภาและคุณสุพรรณี บุญยะรัตน์ เป็นวิทยากร และในโอกาสนี้ได้เชิญคุณ ผู้เคยอบรมโครงการพัฒนาผู้นำ มาช่วยในการฝึกอบรมด้วย จำนวน 2 ท่านคือ คุณกาญจนา  ศิริถนอมวงศ์ และคุณสมใจ พนาภาส มาจากวัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ บางสะแก

มีผู้สนใจมาเข้าร่วมรับการอบรมจำนวน 34 ท่าน มาจากวัดต่างๆดังนี้

คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ 14 ท่าน
คณะธิดาพระราชินีมาเรียผู้นิรมล 3 ท่าน
วัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด (บางสะแก)  3 ท่าน
แผนกองค์กรคริสตชนฆราววาส 2 ท่าน
วัดเซนต์หลุยส์ 2  ท่าน
วัดราชินีแห่งสันติสุข (101)  2 ท่าน
วัดพระบิดาเจ้า 2  ท่าน
วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ (ลาดพร้าว) 4 ท่าน
วัดพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์  1 ท่าน
แผนกองค์กรฆราวาส (ระดับชาติ) 1 ท่าน

          เริ่มต้นด้วยวจนพิธีกรรมเปิดการอบรมโดยคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช จากนั้นเริ่มกิจกรรมที่ 1โดยคุณพ่อปิยะชาติ มะกรครรภ์ ได้มาปูพื้นฐานความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับวิถีชุมชนวัด ประวัติความเป็นมานับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา คริสตชนทั่วทั้งทวีปเอเชียเริ่มคุ้นเคยกับคำว่า “B.E.C.” ซึ่งย่อมาจากคำว่า “Basic Ecclesial Communities” หรืออีกคำหนึ่งที่เรียกว่า SCCs ซึ่งย่อมาจากคำว่า “Small Christian Communities” คำทั้งสองดังกล่าว หากจะแปลเป็นภาษาไทยก็น่าจะแปลว่า “ชุมชนคริสตชนพื้นฐาน” และ “ชุมชนคริสตชนย่อย”

          คำทั้งสองคำดังกล่าวข้างต้น ถือเป็นผลตามมาจากการประชุมของสหพันธ์สภาพระสังฆราชแห่งเอเชียที่เมืองบันดุงในปี ค.ศ. 1990 ที่ต้องการจะฟื้นฟูวัดทุกๆวัดในทวีปเอเชียให้เป็นวัดที่สมาชิกทุกคนในวัดร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งในส่วนของ พระสงฆ์ นักบวช และสัตบุรุษที่เป็นฆราวาส แบบที่เรียกว่า “วัดที่ทุกคนมีส่วนร่วม” (New way of being Church)

          ทั้งนี้โดยอาศัย “พระวาจาของพระเจ้า” ที่แสดงชีวิตขององค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพ เข้ามาประทับอยู่และมีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกทุกๆคนในชุมชนวัด ผ่านทางพระคัมภีร์ที่อ่าน และโดยเฉพาะผ่านทางศีลมหาสนิทที่พวกเขาเข้าไปรับในพิธีบูชาขอบพระคุณ การมีประสบการณ์ชีวิตกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพดังกล่าวใน “ชุมชนคริสตชนพื้นฐาน” และ “ชุมชนคริสตชนย่อย” นี้ จะขับเคลื่อนสมาชิกแต่ละคนให้ก้าวออกไปประกาศข่าวดีและแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อในชีวิตของตนให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้างในทุกซอกทุกมุมของชุมชนที่เขาอาศัยอยู่ ทั้งกับผู้ที่เป็นคริสตชนด้วยกันและกับผู้นับถือศาสนาอื่นๆที่แตกต่างกันอีกด้วย

          จากนั้นช่วงเวลา 17.00น.เป็นพิธีมิสซาโดยคุณพ่อปิยะชาติ มะกรครรภ์ เป็นประธาน และิเทศน์ให้ข้อคิดว่าพี่น้องที่รักในวันนี้เราฉลองพระเยซูเจ้าทรงประจักษ์พระวรกายกับบรรดาอัครสาวกทั้ง 3 ซึ่งการประจักษ์ของพระองค์ก็มีความหมายมาก พวกเขาได้เห็นจากที่พระเยซูเจ้าสอนมานาน ในความคิดของเขาคือพระเยซูเจ้าคือผู้ศักดิ์สิทธิ์เป็นประกาศกเหมือนกับเป็นผู้ที่ได้รับอำนาจจากพระเป็นเจ้า แต่ว่าวันนี้พวกเขาได้เห็นสภาพของพระเยซูเจ้าจริงๆพระองค์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเป็นบุตรของพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงเลือกชาวอิสราเอลเป็นอัครสาวกเพื่อให้เป็นคนกลางและนำความรักของพระเป็นเจ้าไปสู่ผู้คนในโลก และสำหรับเราคริสตชนได้รับเลือกจากพระให้มาเป็นคริสตชนได้รับสิทธิพิเศษและได้รับมอบหมายคือการทำให้พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้

          เวลา19.00น.เป็นการศึกษาเอกสารเรื่องการขุดสมบัติ โดยทีมงานจากวัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด บางสะแก การขุดสมบัติของการแบ่งปันพระวรสาร  ก็คือเมื่อเราอ่านพระวรสารแล้ว ให้เราเงียบอยู่กับพระวาจานั้น และให้เราหยิบถ้อยคำหรือวลีสั้น ๆ จากบทอ่าน และสงบนิ่งอยู่กับคำ หรือวลีนั้นสักครู่ และนี่คือแหล่งซึ่งเรา “กำลังขุดสมบัติ” ถ้อยคำต่าง ๆ หรือวลีสั้น ๆ ที่กลุ่ม “กำลังหยิบขึ้นมา” นั้นเปรียบเหมือนอัญมณีล้ำค่า หรือ “ เพชร ” ที่ซ่อนเร้นอยู่ในบทอ่าน

          วันที่สองของการอบรมเริ่มต้นด้วยการแบ่งปันพระวาจาเป็นกลุ่มย่อย และหลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วเริ่มต้นการเงียบและการแบ่งปันโดยซิสเตอร์กัลยา และครูสุพรรณี และช่วงสุดท้ายของการอบรมคือกิจกรรมที่ 6 กลุ่มคริสตชนย่อยแนวทางสู่การเป็นพระศาสนจักรที่มีส่วนร่วม เริ่มวิถีชุมชนวัดอย่างดี

          และปิดท้ายด้วยพิธีบูชาขอบพระคุณโดยคุณพ่อปิยะชาติ มะกรครรภ์ และในช่วงเทศน์นั้น เป็นการสอดแทรกนำเอาภาพและการแสดงบทบาทสมมุติบองกลุ่มคริสตตชน 3 กลุ่ม โดยมีกลุ่มเยาวชน กลุ่มซิสเตอร์ และกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งแต่ละกลุ่มก็พูดคุยและแบ่งปันอยู่กับกลุ่มของตนเองไม่สนใจผู้อื่น และการนำวิถีชุมชนวัดเข้ามาช่วยก็เพื่อเราทั้งหลายถูกเรียกและถูกส่งไปเพื่อสร้างเอกภาพ และมีการพระวรสารจากนักบุญเปาโลถึงชาวโคโลสี 3 :12-15 “ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่รักของพระองค์ จงเห็นอกเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความพากเพียรอดทนเป็นเสมือนเครื่องประดับตน จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกันหากมีเรื่องผิดใจกันก็จงยกโทษกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยแก่เขาอย่างนั้นเถิด แต่สิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งใดคือ ความรักซึ่งรวมเราไว้เป็นหนึี่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ขอให้สันติสุขของพระคริสตเจ้าครอบครองดวงใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียนท่านทั้งหลายให้รวมเป็นกายเดียวกันก็เพื่อจะได้บรรลุถึงสันติสุขนี้เอง จงระลึกถึงพระคุณนี้เถิด” เพื่อเป็นข้อคิดให้กับผู้เข้าอบรมทุกท่าน และเงียบเพื่อให้พระวาจานั้นซึมซับเข้าไปในหัวใจได้อย่างดี