โดย...ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

Share |

          วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2011 / 2554 เวลา 15.00น. พระสังฆราชยอแซฟ สังวาลย์ ศุระศรางค์ พระสังฆราชเกียรติคุณเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณโอกาสที่นักเรียนคำสอนภาคฤดูร้อน ในเขต 5 รับศีลกำลังและศีลมหาสนิทครั้งแรก ณ วัดนักบุญเปโตร สามพราน ร่วมกับ คุณพ่อไพริน เกิดสมุทร คุณพ่อชัชวาล ศุภลักษณ์ คุณพ่ออิทธิพล ศรีรัตนะ โดยมีคุณพ่อธีรพล กอบวิทยากุล เป็นผู้ช่วยพิธีกรรม พร้อมด้วยนักเรียนคำสอนภาคฤดูร้อน ในเขต 5 โดยมีนักเรียนรับศีลกำลังจำนวน55คน และนักเรียนรับศีลมหาสนิทจำนวน  101 คน บรรดาพ่อแม่อุปถัมภ์ และบรรดาญาติพี่น้องมาร่วมแสดงความยินดีกับเด็กๆเป็นจำนวนมาก

          พระคุณเจ้าสังวาลย์ เทศน์ให้ข้อคิดกับเด็กๆนักเรียนในวันนี้ว่า ขอต้อนรับเป็นพิเศษสำหรับเด็กๆที่จบค่ายคำสอนภาคฤดูร้อน ที่มารับศีลกำลังในวันนี้ รวมทั้งผู้ใหญ่บางคนด้วย ที่รับศีลกำลังพร้อมกับเด็กๆ เมื่อพูดถึงศีลกำลังก็ทำให้พ่อคิดถึงเหตุการณ์ในสมัยแรกๆ พระศาสนจักรหลังจากที่พระเยซูเจ้าได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว บรรดาอัครสาวกได้ติดตามพระเยซูเจ้าไปเป็นเวลา 3 ปี คือได้ไปเห็นพระองค์ทำอัศจรรย์ให้คนหายป่วย รักษาคนพิการ แม้กระทั่งคนตายกลับเป็นขึ้นมา และในขณะที่อยู่กับพระองค์นั้นก็ได้ฟังพระองค์เทศน์สอนหลายสิ่งหลายอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่พระเยซูเจ้าเน้นย้ำว่าจำเป็นที่พระคริสตเจ้าจะทรมานและสิ้นพระชนม์  แต่เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ววันที่ 3 จะหลับคืนชีพ พระองค์ทำนายไว้อย่างนั้น และเมื่อถึงเวลาพระเยซูเจ้าก็ถูกจับ ไปทรมานและสิ้นพระชนม์จริงๆ และสิ่งที่ตามมาคือวันที่สามพระองค์ได้กลับคืนชีพที่เราฉลองกันไปแล้วในเทศกาลปัสกา

          และเมื่อพระเยซุกลับคืนชีพแล้ว พระองค์อยากให้บรรดาอัครสาวกเอาไปเป็นพยานยืนยัน ถึงข้อความเชื่อข้อนี้ว่า พระคริสตเจ้าแม้ได้สิ้นพระชนม์บนกางเขน แทนเราและได้กลับคืนชีพท่ามกลางพวกเขา เป็นการยืนยันในสิ่งที่เชื่อยาก ในการที่จะบอกว่าคนตายไปแล้วฟื้นคืนชีพ ดังที่โทมัสบอกว่าถ้าถ้าข้าพเจ้าไม่เห็น และไม่ได้เอานิ้วแยงข้าพเจ้าไม่เชื่อ แต่ข้อความเชื่อเรื่องพระเยซูเจ้ากลับคืนชีพ เป็นข้อความเชื่อสำคัญที่สุด เพราะถ้าอัครสาวกไม่เขื่อก็จะไม่กล้าออกไปประกาศ ไม่กล้าที่จะยอมเสียชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อข้้อนี้ และความเชื่อข้อนี้เป้นข้อที่สำคัญ

          นักบุญเปาโลกล่าวว่าถ้าพระเยซูเจ้าไม่กลับคืนชีพ ความเชื่อในศาสนาเราก็ไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีชีวิตหน้า พระเยซูเจ้าไม่กลับคืนชีพเป็นแบบอย่างให้กับเรา เป็นแบบอย่างให้กับเราแล้ว มาเป็นคริสตังก็ไม่มีประโยชน์อะไร แล้ว ไปดำเนินชีวิตเสเพล เกเร แต่เราเชื่อว่าเรามีชีวิตหน้า ชีวิตหน้ารอเราอยู่ และชีวิตหน้าก็มีเงื่อนไขว่าจะดีหรือเลว จะสบายหรือมีความทุกข์ จะอยู่ในสวรรค์หรือนรกสุดแล้วแต่ชีวิตบนแผ่นดินว่าเราใช้ไปอย่างไร ฉะนั้นพระเยซูเจ้าจึงบอกพวกเราว่าให้เราพยายามปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาตามแบบอย่างของพระองค์ พระองค์ได้ปฏิบัติตามสิ่งที่พระบิดาต้องการ และพระเยซูเจ้าอยากให้บรรดาศิษย์ของพระองค์รวมทั้งพวกเราด้วยทุกคนได้ปฏิบัติในสิ่งที่พระเป็นเจ้าพระบิดาต้องการ