โดย...ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

Share |

ประมวลภาพแผนกวิถีชุมชนวัดอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ อบรมผู้นำ ครั้งที่ 1

          เมื่อวันที่ 7-8 พฤษภาคม  2011  แผนกวิถีชุมชนวัด ฝ่ายงานอภิบาล อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ ฯ โดยคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช ผู้จัดการแผนกวิถีชุมชนวัด   คุณพ่อถนอมศักดิ์ เลื่อนประไพ ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกวิถีชุมชนวัด ร่วมกับแผนกองค์กรคริสตชนฆราวาส  โดยคุณพ่ออภิเดช สุภาจักร์  ผู้จัดการ แผนก ได้จัดโครงการพัฒนาผู้นำ 1 ณ บ้านผู้หว่าน สามพราน โดยมีคุณพ่อปิยะชาติ มะกรครรภ์  คุณพ่อเชษฐา ไชยเดช  คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์ คุณพ่อประเสริฐ โลหะวิริยะศิริและซิสเตอร์สุวรรณี พันธ์วิไล เป็นวิทยากร   มีผู้เข้าร่วม โครงการพัฒนาผู้นำ 1 นี้จำนวน 39 คน

ผู้เข้าอบรมโครงการพัฒนาผู้นำ มาจากวัดต่างๆดังนี้

วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน  1 ท่าน
 วัดธรรมาสน์นักบุญเปโตร บางเชือกหนัง 3 ท่าน
 วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต 2 ท่าน
 วัดเซนต์จอห์น 1  ท่าน
 วัดราชินีแห่งสันติสุข วัดซอย 101  1 ท่าน
 วัดพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ 1 ท่าน
 วัดนักบุญเปโตร  6 ท่าน
 วัดอัครเทวดามีคาแอล สะพานใหม่ 1 ท่าน
 วัดแม่พระฟาติมา ดินแดง 3 ท่าน
 แผนกเยาวชน อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ 1 ท่าน
 วัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด บางสะแก 3 ท่าน
 วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ ลาดพร้าว 3 ท่าน
วัดนักบุญยวงบัปติสตา เจ้าเจ็ด  3 ท่าน
วัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด หัวตะเข้ 4 ท่าน
 วัดนักบุญหลุยส์มารีฯ บางแค  2 ท่าน
วัดเซนต์ร็อค ท่าไข่  4 ท่าน

รวม 39 คน

          วันแรกของการพัฒนาผู้นำนั้น เริ่มต้นด้วยวจนพิธีกรรมเปิดการอบรมโดยคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช จากนั้นคุณพ่อได้กล่าวต้อนรับ และเชิญคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์ วิทยากร มาบรรยายเกี่ยวกับพระคัมภีร์กับชีวิต คุณพ่อบรรยายได้อย่างน่าสนใจ    สนุกสนานและเข้าใจง่าย ทำให้ผู้มาร่วมฟังในเช้าวันนี้มีแต่รอยยิ้ม หลังจากนั้นผู้แทนกล่าวขอบคุณคุณพ่อและมอบของที่ระลึุกให้กับคุณพ่อโอกาสนี้

          ช่วงที่สอง คุณพ่อปิยะชาติ มะกรครรภ์ เป็นวิทยากร คุณพ่อได้มาบรรยายในการทำความเข้าใจเอกสาร AsIPA ชุด B  หัวข้อ “การแสดงออกที่เป็นรูปธรรมของพระศาสนจักร” และเกี่ยวกับเครื่องหมายสี่ประการของชุมชนคริสตชนย่อย   คุณพ่อได้เน้นเรื่องการออกไปเป็นผู้นำ มี 4ประการ คือ

          1.สมาชิกของชุมชนคริสตชนย่อยเป็นเพื่อนบ้านกัน และสาเหตุที่จะต้องเป็นเพื่อนบ้านก็คือเพื่อที่จะได้รับรู้และเข้าใจในปัญหาของกันและกันเพื่อแก้ไขและเสริมสร้างให้ชุมชนนั้นมีความเข้าใจและเกิดชุมชนคริสตชนที่เข้มแข็ง

           2.ชุมชนคริสตชนย่อยทำให้การแบ่งปันพระวรสารเป็นพื้นฐานของการประชุม   โดยการนำพระวาจามามีส่วนร่วมในกิจกรรมนั้นๆ ให้พระคัมภีร์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งอาจมีในใช้การแบ่งปันพระวรสาร 7 ขั้นตอนหรือ lectiodivina รวมไปถึงGroup   Response และAmos Programmes โดยการแบ่งปันพระวรสารนั้นมำให้พระคริสตเจ้าประทับอยู่ท่ามกลางเรา   และทำให้เรากลายเป็นสาวกของพระคริสตเจ้า และได้ให้การบำรุงทางจิตวิญญาณแก่กลุ่ม

          3. การแสดงออกและกระทำสิ่งต่างๆร่วมกันของชุมชนคริสตชนย่อยออกมาจากความเชื่อ สำหรับข้อนี้คุณพ่อกล่าวว่า  ผู้นำที่จะออกไปนำผู้อื่นนั้นจะต้องมีความเชื่อ  เป็นแบบอย่างที่ดี

          4.ชุมชนคริสตชนย่อย ต้องเชื่อมเข้ากับพระศาสนจักรสากล  ในหัวข้อนี้คือ ความเป็นหนึ่งเดียวกับบรรดาคริสตชนอื่นๆ

          และในช่วงเย็นเวลา17.00น.เป็นพิธีมิสซา โดยคุณพ่อเชษฐา ไชยเดชเป็นประธาน คุณพ่อได้เทศน์ว่า  ดูเหมือนว่าพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้จากหนังสือกิจกรารอัครสาวก คงจะเป็นบทสรุปสิ่งที่เราได้ฟังพระเจ้าผ่านทางคุณพ่อทั้งหลายที่ได้มาพูดคุยกับเรา แบ่งปันกับเราสิ่งที่อัครสาวกได้พูดไม่เป็นการสมควรที่เราจะทิ้งการประกาศพระวจนของพระ เจ้าไปเพื่อแจกจ่ายอาหาร    ดูเหมือนว่าอัครสาวกต้องเลือกและเลือกที่จะยึดมั่นพระวาจาของพระเจ้าให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งในการประกาศพระวาจาของพระเจ้าแต่ในขณะ เดียวกัน ท่านก็ไม่ได้ละเลยกิจการของความรักและความเมตตาจึงได้แต่งตั้งสังฆานุกรมาช่วยงาน 7 คน จริงๆทุกคำถาม ทุกๆปัญหาในชีวิตมีคำตอบเสมอ และคำตอบอยู่ที่เราได้ยึดสิ่งที่อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คำตอบของอัครสาวกชัดเจน ยึดพระเยซู  ยึดพระวาจาของพระองค์ และก็ต้องออกไปแบ่งปันความรัก แต่ถ้าไม่มีเวลาก็หาคนอื่นช่วยและเราก็พบว่า

          ในกลุ่มวิถีชุมชนวัดของเรา มีทั้งผู้นำ มีทั้งคนประสานงาน มีทั้งคนที่ไปเชิญคนอื่นมา มีทั้งคนไปเยี่ยม มีทั้งคนช่วยหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ซึ่งทุกๆ  งานสำคัญ แต่สุดท้ายหัวใจคือพระวาจาของพระเจ้า

          พ่อชอบคำพูดของคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตต้า บุญราศี คุณแม่ถูกมองว่าเป็นนักสังคมสงเคราะห์ แต่คุณแม่บอกว่าดิฉันไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์แต่ดิฉันเป็นผู้นำความรักของพระเจ้าไปสู่บรรดาผู้ยากจน เมื่อเช้ามีเณรเล็กมาลาพ่อ  พ่อบอกกับเณรเล็กซึ่งจะเป็นพระสงฆ์ในอนาคต ว่าสิ่งแรกที่เณรจะต้องเป็นคือเป็นผู้อภิบาล คือเป็นผู้นำความรักของพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่น และจากนั้นถ้าเณรจะต้องทำงานด้วยความรักต่อคนอื่นด้วยงานเมตตาสงเคราะห์ก็จะต้องเป็นผู้ที่ทำงานสังคมสงเคราะห์ที่เป็นนักอภิบาล   แต่อย่ากลับกันเด็ดขาด อย่าเป็นผู้บริหารที่ อภิบาลภายหลัง อย่าเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่จะอภิบาลภายหลัง

          เพราะฉะนั้นให้เราลำดับความสำคัญ พ่อก็เชื่อว่าผู้นำวิถีชุมชนวัดก็แบบเกียวกัน การเป็นผู้นำก็คือการนำความรักของพระคริสตเจ้าในรูปแบบวิถีชุมชนวัดไปสู่พี่น้องของเรา

          คุณพ่อกล่าวว่าพ่อจะขอแบ่งปันเพียงเท่านี้และต่อจากนั้นให้พี่น้องเงียบสักครู่หนึ่ง   และเราได้ฟังพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้อะไรที่ประทับใจที่สุดและเก็บไว้ในใจขอบคุณพระองค์ และสิ่งไหนที่เราคิดว่าเรากลับไปแล้วเราจะทำ  จากพระวาจาของพระองค์ในช่วงเงียบตรงนี้เพื่อเราจะทำได้อย่างดี

          หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วในเวลา19.30น. รวมตัวกันและรับฟังชีวิตจิตผู้นำวิถีชุมชุนวัด   จากคุณพ่อประเสริฐ โลหะวิริยะศิริ คุณพ่อได้สอนให้ ลดตัวตน (รูปแบบหนึ่งของจิตภาวนา)1.นั่งยึดอกหลังตรง 2.ตั้งจิตอธิษฐานวอนขอพระจิต     3.กล่าวบทแมนตรา เช่นของทางพุทธก็จะ้เป็น หายใจเข้าพุทธ หายใจออก โธ แต่วำหรับเราก็อาจจะเป็น หายใจเข้า เย หายใจออก ซู ก็ได้ ฯลฯ 4.ระยะเวลาในการฝึก เช้า-เย็น ครั้งละ 20-30 นาที 5.การมอบบุญ  6.โมทนาคุณพระ

          คุณพ่อยังได้พูดถึง ชีวิตฝ่ายจิตที่เป็นอันตรายคือ1.ไม่เห็นคุณค่าและความสวยงามของร่างกาย 2.ไม่เห็นคุณค่าของประวัติศาสตร์ของโลกว่าเป็นประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้น(จากบาป) -มองข้ามความอ่อนแอและขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์และตกอยู่ในหลุมพรางของความเป็นเลิศ -เน้นความบาปและความบกพร่องในการกระทำมากกว่าการตระหนักรู้ถึงความบาปและความบกพร่องภายในใจ และความสัมพันธ์กับผู้อื่นและสังคม 3. ยากที่จะยอมรับตัวเองในแง่ของบูรณาการ(ร่างกาย วิญญาณและจิตใจ)  4. มักจะคิดว่าเราสามารถแลกความรักของพระด้วยการทำความดี ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบอย่างเคร่งครัด5. แยกชีวิตออกเป็นส่วนๆ   ศาสนากับโลกวัตถุ กายกับใจ ฯลฯ หลังจากนั้นผู้แทนกล่าวขอบคุณและมอบของที่ระลึกให้กับคุณพ่อ

          จากนั้นคุณพ่อปิืยะชาติ ได้มามอบหมายกิจกรรมในค่ำคืนวันนี้ โดยให้ทุกคน แบ่งกลุ่มตามพระวาจาที่ได้รับ   และแบ่งเป็นฝั่งของเอกสารชุด A และเอกสารชุด B และให้ผู้นำฝึกและผลัดกันนำเสนอ สำหรับวันพรุ่งนี้และให้แต่ละกลุ่มได้commentในการ Present ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนจะภาวนาก่อนนอนร่วมกัน กิจกรรมวันนี้เป็นไปอย่างเข้มข้น

      เช้าวันที่สอง (8 พฤษภาคม) เริ่มต้นด้วยการแบ่งปันพระวาจา ในเวลาเช้า06.15น. ผู้นำทุกท่านแจ่มใสพร้อมที่จะแบ่งปันพระวาจากัน และรำพึง พร้อมทั้งแบ่งปันสิ่งที่ได้รับในวันนี้ จากนั้นเป็นพิธีมิสซาโดยคุณพ่อปิยะชาติ มะกรครรภ์   คุณพ่อได้เทศน์ว่าพี่น้องที่รัก วันนี้เราได้ฟังพระวรสาร เป็นเรื่องหลังจากที่พระเยซูเจ้าไำด้กลับคืนชีพแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงเป็นต้นองค์พระเยซู เจ้าเองและบรรดาสาวกก็เปลี่ยนแปลงในเรื่องความกล้าหาญและความมั่นใจในองค์พระเยซูเจ้ามีมากขึ้น ในพระวรสารวันนี้เป็นการเดินทางไปเอมมาอุส เรื่องนี้ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปิน หรือผู้ที่ไม่เชื่อในพระเป็นเจ้า   เรื่องเอมมาอุสนี้ทำให้หลายคนมีมุมมองที่จเข้าใจในพระเยซูมากมาย พ่อเชื่อว่าสำหรับพวกเราแต่ละคนเมื่อเช้า้เราได้อ่านพระวาจา และหลายๆกลุ่ม ได้แบ่งปัน สิ่งที่สำคัญคือว่าเมื่อเราแบ่งปันพระวาจาในสิ่งที่เราอ่านร่วมกัน และได้ฟังอีกครั้งในมิสซาและมันมีความหมายอย่างมากมายสำหรับเรา

      พระวาจาของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ทำงานในตัวเราได้ แต่ละคนก็ประทับใจ มีคำที่สะกิดใจ พ่ออยากจะชี้ให้เห็นว่าศิษย์สองคนกำลัง  เดินทางไปเอมมาอุส สิ่งที่น่าสังเกต คือระหว่างเดินทางกลับ เขาไม่คุยกันในเรื่องสัพเพเหระ มีศิษย์หลายคนบอกว่าพระเยซูเจ้ากลับคืนชีพ และหลายคนก็ไม่เชื่อ พระเยซูเจ้าเลือกที่จะมาหา 2 คนนี้ และ2คนนี้คุยกันเรื่องพระคัมภีร์ และคุยกับพระเยซูเจ้า ศิษย์สองคนนี้พูดในเรื่องที่พระเยซูเจ้ารู้อยู่แล้ว

      เราใช้พระวาจาของพระเจ้าเป็นเครื่องนำทางของเรา เราอ่านพระคัมภีร์ ศึกษาและแบ่งปันสม่ำเสมอ หลายครั้งเราไม่ได้เร่่าร้อน คนที่จะพบพระเยซุเจ้า และดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซูเจ้า และเพียงแค่มีพระเยซูเจ้า หลายคนอาจจะไม่ได้่พบพระเยซูเจ้า เพราะฉะนั้นพระเยซูเจ้าเตือนเราในวันนี้ บางทีพระเยซูเจ้าอาจมาในรูปที่เรามองไม่เห็น และจิตตารมณ์ของเราวิถีชุมชนวัดคือเราเป็นพี่น้องกันการที่เราได้รู้จักพระคัมภีร์มากกว่าคนอื่น

การที่เราได้รับการยกย่องจากคนอื่นว่าเป็นผู้นำ มันไม่ได้ทำให้เราอยู่ในโลกของความเป็นจริง เหมือนศิษย์สองคนพูดเหมือนกับพระเยซูเจ้าไม่รู้เรื่องนั่นเป็นเหตุให้เขาจำพระองค์ไม่ได้ถ้าเราให้เกียรติกันและกัน เราก็จะจำพระเยซูเจ้าได้ ในบุคคลที่เราพบ พระเยซูเจ้าเป็นแบบอย่างให้กับเราในวันนี้และเคารพต่อกันและกัน ทุกคนเป็นผู้ร่วมงานของเรา ทุกคนเป็นพระเยซูเจ้าที่เดินทางไปกับเรา ขอพระเยซุเจ้่าอวยพรพี่น้องทุกท่าน

          จากนั้นหลังรับประทานอาหารแล้วเป็นกิจกรรมฝึกปฏิบัติ โดยมีซิสเตอร์ สุวรรณี พันธ์วิไล เป็นวิทยากรให้คำแนะนำ และเข้ากลุ่มและผลัดกันฝึกเป็นผู้นำ โดยแต่ละกลุ่ม ได้ตั้งตั้งนำเสนออย่างดี ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีคุณพ่อและซิสเตอร์เข้ารับฟังด้วย

          และสุดท้ายได้เชิญคุณพ่อประเสริฐ พร้อมด้วยซิสเตอร์ ได้พูดถึงกิจกรรมการแบ่งกลุ่ม และการที่ได้เข้าร่วมและรับฟังกลุ่มต่างๆ นั้น ถือว่าดีเกิดนความคาดหมาย    และช่วงท้ายคุณพ่อประเสริฐ และคุณพ่อปิยะชาติ  อวยพรปิดการประชุม และคุณพ่อเชษฐา กล่าวขอบคุณ และถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน ก่อนรับประทานอาหารและเดินทางโดยสวัสดิภาพ

          สำหรับการจัดอบรมโครงการพัฒนาผู้นำนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น      และความพร้่อมของศูนย์ฝึกอบรมงานอภิบาล บ้านผู้หว่าน