ประมวลภาพพิธีมิสซาปลงศพมารดาคุณพ่อชวลิต กิจเจริญ

          วันศุกร์ที่ 8 เมษายน 2011 เวลา10.30น. คุณพ่อชวลิต กิจเจริญ เป็นประธานในพิธีมิสซาปลงศพซาบีนา สร้อย กิจเจริญ มารดาร่วมกับพระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบูญชู พระสังฆราชกิตติคุณ พระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พระอัครสังฆราชอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ พระสังฆราชยอแซฟ สังวาลย์ ศุระศรางค์ พระสังฆราช กิตติคุณ พระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ คุณพ่อจำเนียร กิจเจริญ คุณพ่อวีรศักดิ์ วนาโรจน์สุวิช พร้อมด้วยคณะสงฆ์ประมาณ 120 องค์ ที่พร้อมใจกันมาร่วมหลังสัมมนาพระสงฆ์เมื่อวันที่ 5-8 เมษายน ที่บ้านผู้หว่าน เสร็จสิ้น และ นักบวชชาย หญิง บรรดาญาติพี่น้อง สัตบุรุษมาร่วมอาลัยรักเป็นครั้งสุดท้ายกว่า 2000 คน ณ วัดนักบุญเปโตร สามพราน

          คุณพ่อชวลิต เทศน์ให้ข้อคิดในวันนี้ว่ามีคุณแม่คนหนึ่งยืนอยู่ขณะที่ลูกนอนหมอบราบ ในขณะที่ลูกบวชเป็นพระสงฆ์และขณะนี้พระสงฆ์คนนั้นก็ยืนอยู่ต่อหน้าแม่ที่กำลังนอนอยู่ และคนนั้นก็คือคุณแม่สร้อย กิจเจริญ ระยะเวลา 38 ปีผ่านไป คุณพ่อชวลิต กิจเจริญ ยืนอยู่ต่อหน้าโลงศพของแม่

          ถ้าครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์พระเป็นเจ้าจะส่งพ่อแม่มาเพื่อให้กำเนิดลูก กระแสเรียกเป็นสิ่งที่ประเสริฐ เป็นสิ่งที่พระเป็นเจ้ามอบให้ผู้รับกระแสเรียก ภายในครอบครัว แม้เป็นส่วนที่เล็กที่สุดของสังคม แต่เป็นที่มาของกระแสเรียก การเป็นนักบวช เมื่อพ่อแม่ให้กำเนิดมาพ่อแม่ต้องในหารศึกษา และต้องให้ความเชื่อ สอนให้ลูกรู้จักความเชื่อ  เพราะความเชื่อเป็นบ่อเกิดของกระแสเรียกของนักบวชหรือพระสงฆ์ กระแสเรียกเป็นสิ่งประเสริฐ และจะต้องรักษาไว้ตลอดชีวิต “ท่านคือสงฆ์นิรันดร” กระแสเรียกเป็นของประทานจากพระเจ้า และพระสงฆ์คนที่ได้รับเลือกเป็นพระสหายของพระองค์

          เมื่อคนในครอบครัวเสียชีวิตลง เป็นความเศร้าโศก แต่ต้องมีความหวังที่จะกลับคืนชีพ พระเยซูตรัสว่า เราอยู่ที่นั่นเมื่อท่านโดดเดี่ยว เราอยู่ที่นั่นเมื่อเจ้าทนทุกข์ทรมาน เราอยู่ที่นั่นเมื่อเจ้าเรียกหาเรา และ เราอยู่ที่นั่นเมื่อมีสมาชิกในครอบครัวหรือคนที่เจ้ารักเสียชีวิต พระมอบให้เราเสมอ และพร้อมที่จะตามพระองค์ไปจนถึงที่สุด ถ้าเปรียบเราเป็นเด็กเป็นต้นไม้ไม่แข็งแรงนัก เราโตกลายเป็นผู้ใหญ่ และสามารถผ่านอุปสรรคและเมื่อเข้าสู่วัยอาวุโสผ่านร้อนผ่านหนาว แต่ต้นไม่กว่าจะโต ซึ่งเปรียบได้กับเด็กๆที่ต้องการการได้รับการดูแลจากพระเจ้า กระแสเรียกเป็นสิ่งประเสริฐ กระแสเรียกเป็นสิ่งที่ท้าทาย และนอกเหนือปัญญามนุษย์จะเข้าใจได้ 

          โอกาสนี้ที่ทุกคนมาร่วมทุกข์ร่วมสุขของคุณแม่สร้อยในโอกาสสุดท้ายบุคคลที่ตอบรับกระแสเรียกที่ดีที่สุดนั่นคือแม่พระ เมื่อแม่พระได้รับกระแสเรียก พระนางได้ตอบรับกระแสเรียก ข้าแต่พระแม่มารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ขอพระแม่โอบอุ้มบิดามารดาของนักบวชชายหญิง พระสงฆ์ โดยเฉพาะซาบีนา สร้อย ลูกวอนขอทั้งนี้อาศัยพระบารมีพระคริสตเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลายตลอดนิรันดร

          ช่วงท้ายพิธีมิสซาปลาศพ คุณพ่อชวลิต กิจเจริญ ได้กล่าวขอบคุณ พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู พระสังฆราชยอแซฟสังวาลย์ ศุระศรางค์ พระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ คุณแม่เชลียง เวชยันต์ แมร์ไอรีน ชำนาญธรรม คณะพลมารีที่ได้ร่วมสวดภาวนาให้กับซาบีนาสร้อยตั้งแต่เมื่อเริ่มป่วย ขอบคุณพระสงฆ์ นักบวชทุกท่านที่มาร่วมส่งซาบีนาสร้อย เป็นครั้งสุดท้าย และหลังจากนั้นคุณพ่อชวลิต กิจเจริญ ได้มอบเงินทำบุญที่ทางเจ้าภาพตั้งใจจะนำมาสร้า่งวัดที่สังฆมณฑลเชียงใหม่ ให้กับพระสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์ ในโอกาสนี้ หลังจากนั้นแล้วเคลื่อนศพไปยังสุสานวัดนักบุญเปโตร

และหลังจากทำพิธีเสกหลุมเสร็จแล้ว คุณพ่อชวลิต ได้กล่าวว่าคุณแม่อายุ 95 ปี ขณะที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ถ้าท่านได้ล่วงเกินพี่น้องทุกท่านทางครอบครัวก็ต้องของโทษแทนคุณแม่ด้วย