วันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2554 เวลา 10.00 น. คุณพ่อสุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ หัวหน้าเขต 1 เป็นประธานในพิธีโปรดศีลกำลังให้กับนักเรียนโรงเรียนในเขต 1 จำนวน 166 คน วัดเซนต์หลุยส์ สาทร กรุงเทพฯ ร่วมกับคุณพ่อจินตศักดิ์ ยุชัยสิทธิ์กุล จิตตาภิบาล  คุณพ่อสุทธิ ปุคละนันท์ คุณพ่อวินัย ฤทธิบุญไชย โดยมีพ่อแม่ บรรดาญาติพี่น้อง มาร่วมชื่นชมยินดีในโอกาสที่บุตรหลานได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับจะได้ร่วมกันสนับสนุน ส่งเสริม ให้ บรรดาลูกหลานได้เข้มแข็ง มั่นคง ยืนหยัดในความเชื่อ โดยมีองค์พระจิตเจ้าที่พวกเขาได้รับในวันนี้ เป็นผู้นำทางชีวิต

โอกาสนี้ มีนักเรียนคาทอลิก ในโรงเรียนที่เข้าร่วมจำนวน 18 โรงเรียน ดังนี้

โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา 3 คน โรงเรียนกุหลาบวิทยา 10 คน โรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษา 2 คน  โรงเรียนเซนต์ไมเกิ้ล 2 คนโรงเรียนเซนต์ราฟาแอล 2 คน โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ สีสม 6 คน โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม 30 คน โรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ 17 คน โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ 16 คน โรงเรียนเซนต์โยเซฟ บางนา 5 คน โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ทิพวัล 5 คน โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ 11 คน โรงเรียนมหาไถ่ศึกษา 6 คน  โรงเรียนลาซาล 23 คน โรงเรียนวาสุเทวี 1 คน โรงเรียนพระแม่มารีสาทร 5 คน โรงเรียนพระหฤทัยพัฒนเวศฆ์ 19 คน โรงเรียนพระมหาไถ่ ร่วมฤดี มีนบุรี 2 คน และ นายณัฐพล เลิศคัมภีร์็ศีล สัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์ 1 คน รวมทั้งสิ้น 166 คน

คุณพ่อสุรสิทธิ์ ได้กล่าวให้ข้อคิดในบทเทศน์ว่า : วันนี้พ่อคิดถึงวันที่พ่อได้รับศีลกำลัง คุณพ่อผู้ให้การอบรมบอกพ่อว่าให้พ่อทำตัวดี ๆ จะมีพระสังฆราชตบหน้าเบา ๆ ครั้งเดียว  วันนี้พ่อเองก็กำลังคิดว่าจะตบอย่างไร ( หากว่าเกิดตบแรง ๆ ) พ่อก็คิดว่า ในฐานะที่เราเป็นทหารโดยมีองค์พระจิตเจ้า เราก็คงจะต่อสู้ได้ ความเข้มแข็งของพระจิตเจ้าที่เราได้รับจากพระเจ้า พระจิตจะทำให้เราเข้าใจความจริงได้ เป็นสิ่งจำเป็นเพราะผู้คนสมัยนี้ แยกแยะไมออกว่า อะไรคือจริง อะไรคือเท็จ พระคุณของพระจิตข้อที่ 3 คือ ความคิดอ่าน ความคิดอ่านคือวิจารณาณ การตัดสินใจ เราจะแยกแยะออกว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรจริง อะไรคือเท็จ อะไรมีค่า และอะไรไร้ค่า ถ้าเราแยกได้ชีวิตของเราจะเดินหน้า

ความจริงสอนเราว่า เราไม่ใ่ช่ผู้วิเศษ เราไม่ใช่เจ้าชาย เจ้าหญิง หรือซุปเปอร์แมน เราเป็นมนุษย์ เราก็ลืมเป็น เจ็บเป็น อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในชีวิตของเรา หากเราไปเคลิบเคลิ้มกับสิ่งที่เพ้อฝัน เราก็ต้องแพ้การผจญ หากเราแยกแยะได้ เราจะมีจิตใจที่แที่ยงตรง เราจะปฏิบัติได้ด้วยใจที่เข้มแข็ง

ความเข้มแข็งไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ คนที่โต ๆ อาจเป็นคนที่อ่อนแอก็ได้ สิ่งต่าง ๆที่เกิดขึี้นหากเรามีจิตใจที่เข้มแข็ง อะไรก็ตามในโลก เราก็สามารถเอาชนะได้ พ่อขอยกตัวอย่าง นักบุญคนหนึ่ง อายุ 11 ขวบ นักบุญคนนี้ชื่อ มารีอา กอแร็ตตี นักบุญได้ต่อสู้ และปฏิเสธต่อการประจญล่อลวง ไม่ยอมให้ตกในบาป  ไม่ยอมทำบาป แม้ชีวิตจะถูกแทงตาย เธอยอมตายดีกว่าทำบาป เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า  ก่อนตาย เธอยังขอพบชายหนุ่มที่ฆ่าเธอ เพื่อให้อภัย ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งจึงทำให้เกิดคุณค่าที่แท้จริง

เรื่องราวของดาวิด ผู้อาสาต่อสู้กับชาวฟิลิสเตียก็เช่นกัน เพราะดาวิดเชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยเขา เขามีเพียงหนังสติ๊กกับลูกหิน ก็สามารถต่อสู้เอาชนะได้ เราทุกคนที่รับศีลกำลังในวันนี้ สามารถยืนขึ้นดำรงตนต่อสู้กับความไม่ดีต่าง ๆ ขอพระจิตเจ้าช่วย แต่หากเราไม่นำเอาองค์พระจิตเจ้าที่เราได้รับ ไม่ยอมทำอะไรเพื่อให้เกิดประโยชน์กับชีวิต พระคุณของพระจิตเจ้าก็เปล่าประโยชน์ เราไม่อาจมีชีวิตที่เข้มแข็งได้ เรากำลังเชิญพระจิตเจ้ามาอยู่ในตัวของเรา มาอยู่ในใจของเรา ให้เรามีความรัก  และความเข้มแข็ง ต่อสู้ได้ทุกอย่าง แม้ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อเราัรับศีลกำลัง เราเป็นทหารของพระเจ้า เราจะดำเนินชีวิตด้วยความเข็มแข็ง และีชีวิตของเราจะได้เกิดคุณค่าที่แท้จริง

ก่อนจบ ตัวแทนนักเรียนกล่าวขอบคุณ คุณพ่อพูดปิดท้ายได้อย่างน่าประทับใจว่า “ พ่อรู้สีกเป็นเกียติที่ได้รับการเชิญให้มาเป็นประธานในพิธีมิสซา โปรดศีลกำลังให้กับพวกเธอ พ่ออยากจะบอกว่า “พวกเธอเป็นแำก้วตา ดวงใจของพ่อแม่ และพวกเธอก็ยังเป็นแก้วตา ดวงใจของพระศาสนจักรอีกด้วย” อยากให้พวกเธอได้ตั้งใจตั้งแต่บัดนี้ และที่สำคัญ พ่อคิดว่า บุคคลที่ได้รับการเลือกให้มาเป็นพ่อแม่ทูลหัว ก็ได้รับการเลือกสรรมาแล้วเป็นพิเศษ สามารถเป็นแบบฉบับให้กับพวกเธอ พ่ออยากให้พ่อแม่ทูลหัวได้สอบถามกับลูก ๆว่า แก้บาปรับศีลบ้างหรือไม่ พ่อคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพ่อแม่ทูลหัวด้วย

หลังจากที่พระสงฆ์อวยพร ปิดพิธีได้ถ่ายรูปร่วมกันของแต่ละโรงเรียน ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความชื่นชมยินดี

( สำหรับรูปภาพที่ทางแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศได้ถ่ายไว้ จะจัดส่งให้กับคุณพ่อจินตศักดิ์ สามารถติดต่อไปที่คุณพ่อได้เลยครับ )