ภาพ / ฝ่ายสังคม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

Share |

          เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม 2010 / 2553 พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พระอัครสังฆราชอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เป็นประธานในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณโอกาสฉลองวัดเซนต์โธมัส ซอยนาคสุวรรณ   ร่วมกับคุณพ่อปิยะ   โรจนะมารีวงศ์ คุณพ่อประวิทย์ พงษ์วิรัชไชย พร้อมด้วยพระสงฆ์และบรรดาพี่น้องสัตบุรุษจำนวนมาก

          นักบุญโทมัส อัครธรรมทูต โทมัส ในภาษาอารามัยหมายความว่า “คู่แฝด” และด้วยเหตุนี้เองที่นักบุญ ยอห์น อัครธรรมทูต เรียกท่านเป็นภาษากรีกว่า “ดิดิม” ( ยน 11:16 ; 20:24 )

          ผู้นิพนธ์พระวรสาร 3 ท่านแรกคือ นักบุญมัทธิว, นักบุญมาระโก, และนักบุญลูกา พอใจที่จะนั บนักบุญโทมัสให้อยู่ในจำนวนอัครธรรมทูตสิบสององค์ ( มธ 10: 3 ; กจ 1:13 ) ตรงข้ามกับนักบุญยอห์นซึ่งพระวรสารของท่านจะออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปคือ การที่มนุษย์จะยอมรับรู้หรือว่าจะไม่ยอมรับข่าวสารของพระคริสตเจ้า ดังนั้นดูเหมือนว่านักบุญยอห์นจะให้ความสำคัญมากในพระวรสารของท่านที่จะแสดงให้เห็นถึงปฎิกิริยาที่บรรดาอัครธรรมทูตได้แสดงออกในชีวิตประจำวัน โดยนัยนี้นักบุญยอห์นจึงถือว่านักบุญโทมัสเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการเป็นคนเชื่อยากของบรรดาอัครธรรมทูต คือนั กบุญโทมัสสามารถเล็งเห็นความยากลำบากและภัยอันตรายที่จะเดินทางมุ่งหน้าไปสู่กรุงเยรูซาเลม โดยที่ท่านไม่เข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของการเดินทางนี้ ( ยน 11:16 ) และอาจจะเป็นเพราะความจริงใจของท่านที่ท่านเองไม่รู้สึกจะมีความกระตือรือร้นในทรรศนะต่างๆ ที่พระเยซูเจ้าได้ทรงแสดงให้เห็นในสุนทรพจน์ระหว่างการรับประทานอาหารค่ำครั้งสุดท้าย ( ยน 14:1-6 )

          ดังนั้นหลังจากที่พระเยซูเจ้าได้เสด็จกลับคืนชีพแล้ว ท่านก็อยากจะทดลองดูว่า พระองค์ทรงเป็น พระคริสตเจ้าจริงๆ หรือเปล่า โดยอาศัยการสัมผัสพระองค์ ทั้งๆ ที่เวลานั้นต้องอาศัยความเชื่อในการรู้จักพระเยซูคริสตเจ้าผู้เสด็จกลับคืนชีพแล้ว ( ยน 20:24-29 ) แต่ว่าไม่กี่วันให้หลังขณะที่ท่านได้อยู่พร้อมๆ กับบรรดาอัครธรรมทูตองค์อื่นๆ ท่านเหล่านี้ได้รู้จักพระคริสตเจ้าผู้ได้กลับคืนชีพแล้ว ส่วนท่านเองเพิ่งจะสามารถรู้จักพระองค์ แต่ท่านก็ได้ยืนยันความเชื่อที่น่าทึ่งมาก“องค์พระเจ้าของข้าพเจ้า  และพระเผู้ป็นเจ้าของข้าพเจ้า ( ยน 20:28 )

          ในชีวิตของนักบุญโทมัสเปรียบเสมือนการเดินทางที่ยาวนานที่ผ่านจากความจริงใจตามประสามนุษย์ ไปสู่ความรู้ในพระจิตเจ้า เราไม่รู้ถึงสภาพแวดล้อมของงานธรรมทูตของท่านหลังจากที่ บรรดาอัครธรรมทูตได้ทรงรับพระจิตแล้ว  น่าจะเป็นไปได้ที่ท่านได้เดินทางข้ามพรมแดนของอาณาจักรโรมันมุ่งหน้าไปสู่เปอร์เซียและอินเดีย  แต่ว่าธรรมประเพณีในสมัยกลางมักจะยกพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ส่วนใดส่วนหนึ่งให้กับอัครธรรมทูตองค์ใดองค์หนึ่ง อันเป็นการเสี่ยงต่อการที่จะบิดเบือนไปจากความเป็นจริง อย่างไรก็ตามบรรดาอัครธรรมทูตมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการแพร่ธรรมไปทั่วทุกมุมโลก เพราะว่าได้รับคำสั่งจากพระเยซูเจ้า

คำภาวนาทูลขอและข้อปฏิบัติ
 
1. ให้เราได้แสดงออกซึ่งความเชื่อของเราในองค์พระคริสตเจ้าโดยกล่าวว่า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
     และพระเจ้าของข้าพเจ้า”
2. ในท่ามกลางความชื่นชมยินดี และ ในการทดลองก็ขอให้เราได้กล่าว เช่นเดียวกันว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
     และพระเจ้าของข้าพเจ้า”
3. ให้เรากล่าวสำหรับคนที่ไม่เชื่อเช่นเดียวกันว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า”
4. ให้เราประกาศพระวรสารด้วยคำกล่าวอันเดียวกันนี้ว่า  “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า”