![]() |
|
|
|
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|||
![]() |
![]() |
![]() |
||||
|
|
|
|
![]() |
![]() |
วันพฤหัสบดีที่ 1กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา09.30-12.00น. คุณพ่อสมกียรติ บุญอนันตบุตร ผู้ช่วยพระสังฆราชฝ่ายงานธรรมทูต อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จัดโครงการอบรมคอร์สอัลฟ่า ครั้งที่ 1 โดยมีสมาชิกที่มาเข้าร่วมอบรมครั้งนี้ 3 ส่วน คือ จากองค์กรคริสตชนฆราวาส จากแผนกสนับสนุนงานธรรมทูต (กลุ่มอาสาสมัครประกาศข่าวดีตามวัด) แผนกศาสนสัมพันธ์และคริสตศาสนจักรสัมพันธ์ จำนวนเข้าร่วมอบรมโครงการนี้จำนวน 31 คน โดยในเวลา 09.30น. เริ่มลงทะเบียน จากนั้นคุณพ่อสมเกียรติ บุญอนันตบุตรกล่าวต้อนรับและเปิดการอบรมและพูดถึงอัลฟ่าสำหรับเราคริสตชน พระศาสนจักรของ เราคาทอลิกตั้งแต่เริ่มแรกเป็นการนำเอาหลักสูตรจากคริสตจักรchrist church มาปรับและจะทำให้ทุกคนได้ทำภารกิจประกาศข่าวดี อัลฟ่านี้ไม่ได้ปิดกั้นสำหรับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เปิดสำหรับทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป้นกลุ่มใดก็ตาม ถามว่าจะได้รับอะไรสำหรับสมาชิกของพระศาสนจักร ก็คงจะบอกว่าสิ่งแรกก็คือช่วยให้บุคคลที่อยู่ในพระศาสนจักรตื่นตัวและรื้อฟื้นตัวเองก่อนให้ความสำคัญและความเข้าใจว่าเราได้รับเรียกและได้รับเลือกสำหรับภารกิจที่สำคัญ บางครั้งเรายังจะไม่ได้มองเรื่องนี้ ที่ช่วยเรามากก็คือให้เขาถึงบุคคลนอกพระศาสนจักร เพราะเมื่อเราตื่นตัวแล้วเป็นโอกาสให้เราสามารถมองถึงบุคคลนอกพระศาสนจักร และทำให้เราเข้าใจ นั่นแปลว่าเป็นโอกาสสำหรับเรา นอกนั้นเป็นการเตรียมกลุ่มคริสตชนพื้นฐานของเราในวัดด้วยทำให้วัดของเราทำงานมากขึ้น เพราะฉะนั้นอัลฟ่ายังมีบทบาท |
![]() |
![]() |
|||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
นอกจากนั้นยังช่วยเกิดพลังในการร่วมมือของพระศาสนจักรอย่างเข้มข้น ถ้าบุคคลที่เข้าในสัมผัสในบรรยากาศของกระบวนการอันนี้แล้วก็เป็นการตื่นตัวตัวเองแบบนี้ แน่นอนผลของมันคือทำให้เกิดน้ำหนึ่งใจเดียวกันสำหรับคริสตชน และสร้างมิตรภาพที่เติบโตได้ คิดว่าถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นสำหรับสมาชิกพระศาสนจักรก็จะทำให้เห็นถึงภาพของพระศาสนจักรที่เติบโต ไม่ใช่เติบโตในเฉพาะตัวเราเท่านั้น แต่ยังเติบโตในสังคมด้วย แล้วอัลฟ่านี้จะทำอย่างไร อัลฟ่านี้เป็นแนวทางเป็นระบบวิธีการ เพราะฉะนั้นผู้ที่อยู่ในกระบวนการนี้สิ่งแรกก็คือจะต้องเริ่มต้นจากตนเอง และต้องเป็นไปตามกระบวนการนี้ เพราะว่าบางทีเราเอาความคิดเห็นของเราฝ่ายเดียวเข้ามาไม่ได้ เพราะเราต้องให้เห็นกระบวนการ กระบวนการนี้ได้ถูกกลั่นกรองได้ถูกไตร่ตรองทำให้เห็นว่าการที่เราไปตามกระบวนการนี้ไม่ใช่ว่าเราต้องซื่อสัตย์ต่อกระบวนการ แต่มันเป็นความหมายของคำสอนที่บังเกิดขึ้นและสิ่งที่เป็นกระบวนการได้เติบโตมาอย่างต่อเนี่อง อันนี้จำ เป็น |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
![]() |
![]() |
||||
ที่สุดแล้วการผ่านกระบวนการนี้แล้วเราทุกคนจะสามารถนำเอาเรื่องราวเหล่านี้กลับไปในชุมชนของตนเองและทำให้ชุมชนนั้นได้เกิดผลเป็นพลังของชุมชนและเราสามารถที่จะใช้กระบวนการนี้ในชุมชนของเรา สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จักพระเยซูและสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกของเราแล้วแต่อาจจะยังไม่เข้มข้น เราก็สามารถทุกคนก็สามารถ และโครงการนี้จะเป็นตัวส่งเสริม ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องอาศัยคนที่ผ่านกระบวนการและคนที่เข้าใจกระบวนการพร้อมที่จะอุทิศตน เพราะฉะนั้นจึงเป็นผลประโยชน์สำหรับเรา ในเวลา 10.00น. โดยคุณพ่อได้แนะนำ วิทยากรทั้ง 2 ท่าน คือคุณ นันทนัช อาสาสมัครที่เข้มข้นมากๆ เป็นสมาชิกของโบสถ์ที่แองกรีกันตรงหัวถนนคอนแวนต์ และคุณมาโนช จากคริสตจักรแองกรีกัน ต่อจากนั้นได้เชิญคุณนันทนัช วิทยากร มาเริ่มต้นบรรยายและพูดในหัวข้อ พระเยซูเป็นใคร จากนั้นแล้วในเวลา
11.00น.-12.00น. เป็นการแบ่งกลุ่มเพื่อแบ่งกันกันและกัน และรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน |
![]() |