รายงานข่าวโดย...ทัศนีย์ มธุรสสุวรรณ  / ภาพข่าวโดย...กมลา สุริยพงศ์ประไพ

 คุณพ่อพิพัฒน์ รุ่งเรืองกนกกุล รองเลขานุการสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย พร้อมกับ ฝ่ายการศึกษากรุงเทพฯ คือคุณภัญญามล กระต่ายแก้ว และคุณพิทยา      ทับทอง ศูนย์คริสตศาสนธรรมกรุงเทพฯ คือคุณครูทัศนีย์ มธุรสสุวรรณ และโรงเรียนนักบุญเปโตร คือคุณครูกมลา สุริยพงศ์ประไพ        เป็นผู้แทนของศาสนาคริสต์คาทอลิก ร่วมเสวนาเรื่อง “การอยู่ร่วมกันอย่างสันติและสมานฉันท์ในสังคมไทยที่มีความหลากหลายศาสนา เมื่อวันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2553 เวลา 14.00 – 17.00 น.     ณ ห้องเกียรตยศ โรงเรียนอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย 

มีผู้เข้าร่วมเสวนา 22 คน จากหน่วยงานต่างๆ ดังนี้

1. ฝ่ายการศึกษาคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

2.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

3.สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย

4. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

5.ผู้แทนสมาคม/ชมรมการศึกษาและศาสนา

6.นักเรียนและคณาจารย์อิสลามศึกษา โรงเรียนอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย

7. นักศึกษาและคณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี

การเสวนาในครั้งนี้ เป็นการระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวชี้วัดของแต่ละศาสนา ในการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและสมานฉันท์ โดยผู้เรียนได้รู้และเข้าใจ ประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของศาสนาอื่น  

ซึ่งในการเสวนาฯ มีผู้ร่วมเสวนา 3 ท่านคือ นายนิติ ฮาซัน ประธานสภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย สว.วรวิทย์ บารุ และ ผศ. ดร.นิภา พงศ์วิรัตน์ คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย    ราชภัฏธนบุรี  สรุปแนวคิดในการเสวนาคร่าวๆ ดังนี้

1.ศาสนาสามารถแก้ไข หล่อหลอม  การสร้างสันติในสังคมได้    

2.ผู้ที่มีความเชื่อ และปฏิบัติศาสนาจะไม่ก่อความรุนแรง หรืออยุติธรรม

3.สาเหตุของปัญหาคือความอยุติธรรม การกดขี่

4.ศาสนาเป็นจิตวิญญาณ ถ้าเราเอื้ออาทร มีไมตรี รัก สามัคคี จะทำให้ความอยุติธรรมลดลง

5.ผู้ที่เป็นครู และ ผู้ให้การอบรมต้องชำระจิตใจของตนก่อน และรักเด็กๆที่มาจากศาสนาต่างๆ เช่น มุสลิม พุทธ คริสต์ อย่างเท่าเทียมกันและเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือกันและกัน

6.ส่งเสริมให้ศาสนิกของแต่ละศาสนา ได้ปฏิบัติในหลักธรรมที่ตนนับถือ และจัดสถานที่สำหรับเขาในการปฏิบัติศาสนกิจ

7.เราต้องชำระจิตใจของเราทุกวัน หากเปรียบเทียบคือถ้าเรารับประทานข้าวแล้วไม่ล้างจาน 1  ปี จะเป็นอย่างไร หาก 50 ปี จะเป็นอย่างไร ดังนั้นเราต้องชำระจิตใจทุกชั่วโมง นาที และวินาที 

8.คุณพ่อพิพัฒน์ รุ่งเรืองกนกกุล ได้กล่าวในการเสวนาว่า ทางศาสนาคริสต์ได้บรรจุหลักศาสนสัมพันธ์ในแผนทิศทางงานอภิบาล ฯ 5 ปี (ปีค.ศ. 2010 -2015) และจัดให้มีการศึกษาหลักศาสนาสัมพันธ์  สร้างเยาวชนให้มีหลักศาสนสัมพันธ์  และศาสนาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสากล