FABIO ENG

FABIO THAI

รายงานโดย....เซอร์ซีริล เปลี่ยนบำรุง เลขาธิการ สหพันธ์ ฯ

สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทยจัดฟื้นฟูชีวิตนักบวชเนื่องในโอกาสฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหาร และวันนักบวชสากล2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี

เมื่อวันเสาร์ที่ 30 มกราคม 2010/2553 ภราดาศิริชัย ฟอนซีกา ประธานสหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทยพร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสหพันธ์ ฯ จัดวันฟื้นฟูชีวิตนักบวช เนื่องในโอกาสฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหารและวันนักบวชสากล วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ตามที่สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ทรงมีพระดำริให้จัดขึ้น เพื่อให้นักบวชชายหญิงได้ร่วมกันรื้อฟื้นคำปฏิญาณ ที่ถวายแด่พระเจ้าพร้อม ๆ กัน

การฟื้นฟูชีวิตนักบวชในวันนี้จัดขึ้น ณ อาคารมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศ ไทย ซอยทองหล่อ 25 ถนนสุขุมวิท 55 กรุงเทพมหานคร   โดยนักบวชหญิง-ชายเข้าร่วมงานทั้งหมด 48 คน จาก 12 คณะ กิจกรรมแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การบรรยายพิเศษหัวข้อ “The Relationship Between Ancient and New Charism in the Church Today” (ความสัมพันธ์หนึ่งเดียวระหว่างพระพรพิเศษดั้งเดิม   และพระพรพิเศษรูปแบบ ใหม่) โดยวิทยากรจากกรุงโรม Fr. Fabio Ciardi, OMI คุณพ่อได้นำเสนอความคิดเห็นดังนี้ “พระพรพิเศษของคณะนักบวชต่างๆ ในอดีตได้กลายเป็นของขวัญจากพระจิตเจ้าประทานแก่พระศาสนจักร  และทำให้ธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้าและความรอดของพระองค์ประทับอยู่และเกิดผลในโลก อาทิ การภาวนาของคณะเบเนดิกติน (การสวดทำวัตร บทอ่าน และเล็คซีโอ ดีวีนา) การสวดสายประคำแบบของคณะโดมินิกัน การเดินรูป 14 ภาค   จากคณะฟรังซิสกัน ฯลฯ หรือการทำงานด้านการศึกษา และงานเมตตาสงเคราะห์ต่าง ๆ ที่พระศาสนจักรได้รับจากการอุทิศชีวิตของผู้ก่อตั้งคณะนักบวชทั้งหลาย”

“ในปัจจุบัน พระจิตเจ้ายังคงประทานพระพรพิเศษใหม่ ๆ ซึ่งเกิดขึ้นรอบตัวเรา องค์กรฆราวาสแพร่ธรรมใหม่ ๆ เช่น คณะโฟโคลาเร คณะเทเรเซียน ฯลฯ ก็เป็นพระพรจากพระจิตเจ้าผ่านทางผู้แทนคณะเช่นกัน   และพระพรพิเศษของแต่ละคณะแสดงออกถึงด้านหนึ่งของพระวรสาร เพื่อรับใช้พันธกิจของพระศาสนจักรเหมือนคณะนักบวชต่าง ๆ คณะเหล่านี้เป็นคณะฆราวาส และแม้ว่าอาจมีสมาชิกที่ถวายตนแด่พระเจ้า สมาชิกส่วนใหญ่ยังเป็นฆราวาส วิธีการปฏิบัติตรงข้ามกับคณะนักบวช ไม่มีการรับเจิมพิเศษ

ในคณะเหล่านี้ เน้นถึงการเจิมและความเป็นสงฆ์แห่งศีลล้างบาป ในเวลาเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้กระแสเรียกต่าง ๆ     ในพระศาสนจักรพบกันได้  และร่วมในความสนิทสัมพันธ์หนึ่งเดียว เหมือนเป็นภาพจำลองของพระศาสนจักร  ถึงแม้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่  เป็นฆราวาส ยังต้อนรับกระแสเรียกอื่น ๆ ของประชากรของพระเจ้า มีพระสงฆ์   พระสังฆราช และนักบวชชาย-หญิง   เป็นสมาชิกของคณะใหม่เหล่านี้    โดยไม่ต้องสละกระแส เรียกเฉพาะของตน”

คุณพ่อตั้งข้อสังเกตและกระตุ้นให้บรรดานักบวชมีทัศนคติใหม่และต้อนรับองค์กรฆราวาสแพร่ธรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างชีวิตจิตและงานแพร่ธรรมของนักบวช “ถ้าพระพรพิเศษของเราเป็นของประทานสำหรับผู้อื่น พระพรพิเศษอื่นๆแม้แต่ขององค์กรแพร่ธรรมของพระศาสนจักรก็เป็นของประทานสำหรับเราด้วย

ในอดีต คณะนักบวชได้ก่อกำเนิดและหล่อเลี้ยงชีวิตของคณะฆราวาส แต่ปัจจุบันนี้องค์กรแพร่ธรรมของ พระศาสนจักรซึ่งประกอบด้วยฆราวาสเป็นส่วนใหญ่ กลับเป็นสถานที่หล่อเลี้ยงชีวิตของนักบวชชาย-หญิง ด้วยพระพรพิเศษและความสามารถในการสนองตอบความต้องการของพระศาสนจักร จากความสัมพันธ์นี้ นักบวชชาย-หญิงรับความช่วยเหลือเพื่อภารกิจและชีวิตฝ่ายจิตของตน”

คุณพ่อเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการรู้จักซึ่งกันและกัน    และการเสวนาบนพื้นฐานแห่งความเคารพและความไว้ใจต่อกันเพื่อการทำงานแพร่พระวรสารจะได้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น   “องค์กรแพร่ธรรมของพระศาสนจักรสามารถเรียนรู้ความ เป็นพยานที่น่าชื่นชมยินดีและสัตย์ซื่อของคณะนักบวช ซึ่งมีสมบัติฝ่ายจิตอันล้ำค่าและงานอภิบาลที่หลากหลาย  องค์กรแพร่ธรรมของพระศาสนจักรต้องการเห็นนักบวชมีอัตลักษณ์ชัดเจน ในกระแสเรียกและพระพรพิเศษของตน    ฆราวาสต้องการการเป็นพยานของนักบวชซึ่งสำแดงให้เห็นคุณค่าสูงสุดของพระเจ้า องค์กรแพร่ธรรมของพระศาสนจักรรับประ โยชน์จากมิตรภาพฝ่ายจิตกับนักบวชและคำสอนของบรรดานักบุญ      พวกเขาประทับใจขุมทรัพย์แห่งปรีชาญาณและประสบการณ์ที่คณะนักบวชได้รวบรวมจากประวัติศาสตร์ของตน สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นพื้นฐานของความร่วมมือฉันพี่น้อง   และเป็นความร่วมมือที่บัง เกิดผล”

หลังการบรรยาย นักบวชได้ร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหารและการรื้อฟื้นคำปฏิญาณตน 3 ประการ (ความยากจน ความบริสุทธิ์ และความนอบน้อมเชื่อฟัง) โดย คุณพ่อวสันต์ พิรุฬห์วงศ์ อธิการเจ้าคณะสติกมาติน เป็นประธาน พร้อมกับพระสงฆ์นักบวชที่มาร่วมงาน

ขอคำภาวนาจากท่านผู้อ่านทุกท่าน เพื่อบรรดานักบวชทั้งหลายจะได้มีความซื่อสัตย์ต่อคำปฏิญาณที่ถวายแด่พระเจ้าทุก ๆ วัน เพื่อพวกเขาจะสามารถอุทิศตนอย่างแท้จริงสำหรับงานรับใช้พระคริสตเจ้าและพระศาสนจักรของพระองค์ทุกรูปแบบ   โดย  เฉพาะการรับใช้ผู้ยากไร้ที่สุดของสังคม