ภารดี เทศชาตรี...

วันอาทิตย์ที่  6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พวกเรานัดรวมตัวกันที่ประตู 10 ชั้น 4 สนามบินสุวรรณภูมิ  ก่อนเดินเรื่องเพื่อออกเดินทางสู่รัฐอิสราเอล บรรยากาศการพบกันเต็มไปด้วยความวุ่นวายแต่อบอุ่นด้วยความสุขใจ ในการเดินทางสู่จุดหมายแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน   เราขึ้นสายการบินอิสราเอล แอร์ไลน์(LY 082) แม้จะดูอึดอัดคับแคบไปบ้างแต่อบอุ่นด้วยความหวังที่กำลังรอให้เราไปสัมผัสอยู่เบื้องหน้า   เราได้ทำความรู้จักกับ คุณนวลฉวี  คู่วิรัตน์ และ คุณเทวี  เหลืองธาดา  ผู้ที่จะดูแลเราตลอดการเดินทางครั้งนี้  

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เวลา 00.40 น. เราทั้งหมดก็พร้อมสำหรับการเดินทาง  เดินทางถึงสนามบินเบ็นกูเรียน(ชื่อสนามบินตั้งเพื่อระลึกถึงนายกรัฐมนตรีคนแรกของอิสราเอล)  ณ กรุงเทลอาวีฟ(เมืองท่า) เวลาประมาณ 07.00 น. ใช้เวลาเดินทางเกือบ 11 ชั่วโมง  เวลาที่อิสราเอลช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง เมื่อถึงสนามบินเราต่างร่วมด้วยช่วยกันคัดเลือกกระเป๋าของกลุ่มเราออกมาวางไว้ ความร่วมมือร่วมใจกันดูน่าประทับใจจริงๆ

เมื่อทุกคนได้สัมภาระครบแล้วเราออกจากสนามบินไปขึ้นรถโค้ช  อากาศค่อนข้างเย็น มีฝนตกลงมาเล็กน้อยต้อนรับพวกเราที่มาเยี่ยมแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประชาชนที่นี่ถือว่าเป็นพระพรของพระ เนื่องจากฝนที่นี่ตกน้อยมากและทำให้ขาดแคลนน้ำจืดในประเทศอิสราเอล   เดินทางเลียบฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เข้าสู่ ทิเบเรียส ด้วยระยะทาง 110 ก.ม. ระหว่างทางไกด์ชาลีได้แนะนำประวัติคร่าวๆ ของอิสราเอลให้เราได้รับทราบ โดยมีคุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร และ คุณพ่อทัศไนย์  คมกฤส   เป็นล่ามผู้ทรงเกียรติแปลเนื้อหาให้เป็นอย่างดี 

- อิสราเอลมีประชากรประมาณ 7.5 ล้านคน และในปี 1948 ได้ตั้งเป็นประเทศอิสราเอล  ประชากรประมาณ 80 % เป็นชาวยิว  20 % เป็นชาวอาหรับ (ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย)   มีประชากรที่เป็นคริสตชนประมาณ 150,000 คน และเป็นคาทอลิกประมาณน้อยกว่า 30,000 คน

- ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายหิน(Rocky  desert)  ไม่ใช่ Sandy desert

- พระสงฆ์ หรือคุณพ่อที่นี่จะเรียกว่า อาบูนะ

- เหตุที่อิสราเอลได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์เพราะว่า   ที่นี่เป็นที่ที่พระเยซูเจ้าบังเกิด เจริญชีวิต และอาศัยอยู่  ทั้งยังเป็นแผ่นดินที่พระทรงมอบให้แก่อับราฮัม อิสอัค ยาโคบ

 อิสราเอลประกอบด้วยศาสนาสำคัญ 3 ศาสนา ได้แก่ ศาสนายิว ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม

- เมืองหลวงของอิสราเอล คือ กรุงเยรูซาเล็มที่นี่เรียกว่า เยรูซาโลฮิม ซึ่งแปลว่า นครแห่งสันติภาพ (แต่มนุษย์ทำให้ขาดสันติภาพ)

- แผ่นดินอิสราเอลแม้จะดูแห้งแล้งแต่ดินที่นี่เป็นดินที่มีแร่ธาตุมากกว่า 1500 ชนิด ซึ่งสามารถปลูกพืชผักได้ดี   และอิสราเอลในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาก

เดินทางถึง เมืองโบราณเซซารียา (Caesarea)    ซึ่งเป็นเมืองที่กษัตริย์เฮโรดสร้างขึ้นเป็นเมืองเล็กๆ   สมัยชาวฟินีเซียขึ้นมาที่ฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยการสร้างตามแบบสถาปัตโรมัน   เป็นเมืองท่าริมทะเลในสมัยโบราณ  (จะมีซากท่าเรือเก่าให้เราเห็น) เซซารียาเป็นชื่อที่กษัตริย์เฮโรดตั้งให้เพื่อเป็นเกียรติแก่จักรพรรดิซีซ่าร์ออกัสตัส และหลังจากที่เฮโรดตายเมืองเซซารียากลับเป็นเมืองที่ปกครองโดยชาวโรมัน และเป็นที่อาศัยของข้าหลวงโรมัน แวะลงชมความงดงามของซากเมืองเซซารียา และท่าเรือเก่าริมทะเลเมดิ เตอร์เรเนียน และเข้าชมเรื่องราวประวัติเมืองเซซารียา ก่อนเดินแวะบันทึกภาพและชมโรงมหรสพโรมันกลางแจ้ง(Roman Amphitheater)ที่อยู่ใกล้ๆท่าเรือของเมืองเซซารียา ซึ่งเป็นอัศจรรย์ทำด้วยหินหันหน้าหาทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ... เซซารียาใหม่เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของบรรดามหาเศรษฐี ซึ่งมีอาชีพประเภทนักการเมือง รัฐบาล และนักธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ .... ผ่านคลองส่งน้ำโบราณ มีลักษณะเหมือนสะพานหินเล็กๆ ด้านล่างเป็นท่อสำหรับส่งน้ำ.... 

แล้วเดินทางต่อสู่  เนินเขาคาร์แมล ชื่อในภาษาฮีบรู อ่านว่า คาแรม แอล (Karem El) ซึ่งหมายถึงสวนองุ่นของพระเจ้า เนื่องจากในสมัยโบราณปกคลุมด้วยสวนองุ่น   มีความ อุดมสมบูรณ์ ชมวัดดาราสมุทร ที่เนินเขาคาร์แมล ณ    ที่นี้เป็นที่ที่ประกาศก เอลียาห์ท้าทายอำนาจประกาศกของพระบาอัล (1พงษ์กษัตริย์ 18) ซึ่งประกาศกเอลียาห์ฆ่าประกาศกของพระบาอัลที่ไม่ยอมกลับใจมาหาพระยาห์เวห์  450 คน    และบน  เทือกเขานี้ มีถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าประกาศกเอลียาห์ได้หลบซ่อนเพื่อหนีพระพิโรธของกษัตริย์อาหับ (1 พงศ์กษัตริย์ 19)  และณ ที่นี่ คณะคาเมไลท์ได้ถือกำเนิด       มาตั้งหลักแหล่งขึ้น ในศตวรรษที่ 13โดยมีประกาศกเอลียาห์เป็นองค์อุปถัมภ์ คณะคาร์แมลจะมีการจัดงานฉลองแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมลและเสื้อจำพวกที่แม่พระทรงมอบให้   ร่วมพิธีบูชามิสซาขอบพระคุณ

รับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ ภัตตาคารอาหารจีน YAN - YAN Chinese Restaurant (Jaffa St. /Down Town/HAIFA)

แวะชม  สถานที่ของบาฮาย วัดของบาฮาย ที่นับถือความว่างเปล่าเป็นพระเจ้า พวกเขาถือว่า ความสุขคือสวรรค์  ความทุกข์คือนรก

เวลา 14.24 น.วันนี้มีฝนตกเล็กน้อย น่าจะเป็นสิ่งที่ชาวอิสราเอลรอคอย  มุ่งหน้าสู่นาซาเร็ธเมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขา    เหนือระดับน้ำทะเล 1,230 ฟุต และเป็นเมืองที่พระเยซูเจ้าเจริญชีวิตในวัยเยาว์ที่นี่ นาซาเร็ธเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักเพราะนาธานาแอลอุทานเมื่อมีคนพูดถึงเยซูชาวนาซาเร็ธว่า “จากนาซาเร็ธ จะมีอะไรดีเล่า”   แวะเข้าชม   วิหารแม่พระรับสารจากเทวทูตสวรรค์ ( Church of the Annunciation) ที่นี่จะมีรูปแม่พระนานาชาติรวมทั้งแม่พระของประเทศไทยด้วย  คุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร เล่า  เรื่องพิธีการหมั้น ขั้นตอนการแต่งงานในสมัยแม่พระกับนักบุญยอแซฟ     ก่อนเดินชมบ้านของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ (House  of  Joseph) บ้านของนักบุญ ยอแซฟ

เวลา 15.03 น. มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านคานา(Cana)ในแคว้นกาลิลี ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเยซู เจ้าทรงทำอัศจรรย์ครั้งแรกด้วยการเปลี่ยนน้ำให้เป็นเห ล้าองุ่นในพิธีแต่งงานที่เมืองนี้ ที่นี่จะมีคู่แต่งงานมารื้อฟื้นชีวิตแต่งงาน   งานแต่งงานที่อิสราเอลในสมัยก่อนจะมีการ เลี้ยงฉลองกัน 6-7 วันโดยเจ้าบ่าวจะแห่ไปตามบ้านต่างๆ  ที่เมืองคานาจะมีวัดที่สร้างขึ้นอยู่บนซากวัดเดิมในสมัยโบราณหลายวัด และมีการใช้โมซาอิคในการประดับตกแต่งภายในวัด  แวะชมภายในถ้ำใต้วัดเก่า มีโอ่งหินโบราณใบโต 1 ใบ น่าจะเป็นโอ่งหินที่ใส่พืชพันธ์ธัญญาหารในสมัยนั้น และสถานที่ที่พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นก็น่าจะอยู่ในบริเวณนี้ด้วย การที่พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นสะท้อน ให้เราเห็นว่าเราควรให้พระองค์เปลี่ยนแปลงเราให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

เข้าพักที่โรงแรมRoyal plaza Hotel  Tiberieas โรงแรมอยู่ในเมืองทิเบเรียส เมืองทิเบเรียสตั้งอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลระดับ 682 ฟุต  เมืองนี้ถูกสร้างในปี ค.ศ. 26 โดยกษัตริย์เฮโรด อากริปปา โดยตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่จักรพรรดิโรมัน ทิเบริอัส   ด้านข้างโรง แรม ติด ทะเลสาบกาลิลี ด้านหลังเป็นภูเขา 

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เวลา 07.50 น. เดินทางออกจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่ ทะเลสาบกาลิลี  ขึ้นเรือที่ฝั่งทิเบเรียส มุ่งสู่ ฝั่งคาฟานาอูม  ทะเลสาปกาลิลี เป็นทะเลสาปน้ำจืด ความยาว 13 ไมล์ กว้าง 7 ไมล์ ลึก 130 – 157 ฟุต ตั้งอยู่ใต้ระดับน้ำทะเล 686 ฟุต   เกิดวิกฤตเพราะน้ำที่ลดลง  เรื่อยๆ และเป็นน้ำจืดจุดเดียวของอิสราเอล ในแต่ละปีน้ำจะลดลงไปถึง 5 เมตร  ณ ที่นี่พระเยซูเจ้าเสด็จไปมาเป็นประจำ  ดำเนินชีวิตอยู่บริเวณนี้มาก่อน บนฝั่งของทะเลสาปกาลิลีนี้ พระองค์ทรงเรียก เปโตร  อันดรูว์ ยากอบ และอัครสาวกอื่นๆ   พวก เราลงเรือ Worship Boat … Sea of Galilee…. ออกสู่กลางทะเลสาปกาลิลี  คุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร   อ่านพระวรสาร    เรื่องพระเยซูเจ้าดำเนินบนผิวน้ำในทะเลสาปกาลิลี  ในขณะที่มีพายุหนัก  สาวกที่อยู่บนเรือกลัว ( มธ.8:23-27)   .....และพระเยซูเจ้าทรงทำให้คลื่นลมนั้นสงบลง ...เปรียบเหมือนตัวเรา  อยู่บนเรือแห่งชีวิต เราต้องไว้วางใจ    และเชื่อในพระเจ้าที่สามารถเข้ามาช่วยให้คลื่นลมในชีวิตของเราสงบลงได้    ร้องเพลงสรรเสริญพระร่วมกัน คุณพ่ออธิบายถึงเรื่องบุญลาภ 8 ประการ (พระโอวาทบนภูเขา)   ที่นี่มีการค้นพบเรือโบราณสมัย 2,000 ปีที่แล้ว   หลังเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับทะเลสาปกาลิลีแล้ว ร่วมกันบันทึกภาพ   ชมทิวทัศน์ทะเลสาปกาลิลี รับอากาศบริสุทธิ์พร้อมรับฟังเพลงจากไกด์เจ้าของเรือ Worship Boat  เนื้อหาเพลงเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าที่เคยดำเนินชีวิต ในแถบนี้ และบทเพลงสรรเสริญพระองค์ ฯลฯ   ก่อนกลับขึ้นฝั่ง และชมพิพิธภัณฑ์เรือโบราณ The Mystery of the 2000 - year – Old Boat… ชมวีดีทัศน์เรื่องราวของทะเลสาปกาลิลี ในอดีตถึงปัจจุบัน

เวลา 09.46 น.  ออกเดินทางสู่ภูเขามหาบุญลาภ (Mount  of  Beatitudes)

บนภูเขามีวัดมหาบุญลาภ 8 ประการ เป็นวัดรูปทรง 8 เหลี่ยมออกแบบโดย อันโตนิโอ ปาลุสซี    ณ   ที่นี่   พระเยซูเจ้าทรงตรัสสอนบรรดาศิษย์เรื่องบุญลาภ       8 ประการ (มธ.5:1-12) ร่วมพิธีบูชามิสซาที่วัดมหาบุญลาภ คุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร สอนเรื่องการเทศน์สอนของอัครสาวกด้วยการยืนสอนด้วยอำนาจจากพระเจ้า   แต่พระเยซูเจ้า ทรงนั่งสอนด้วยอำนาจของพระองค์เอง   พระองค์ทรงช่วยเหลือการเดินทางของเราทุกอย่าง การได้มีโอกาสทำมิสซาและร่วมมิสซาที่นี่  ทำให้เรารู้ว่า พระรักเรามากกว่าที่เราคิด มากกว่าที่เราเชื่อ  จากนั้นแวะชมวัดมหาอำนาจสูงสุดของนักบุญเปโตร (St. Peter Primacy) ซึ่งด้านหลังอยู่ใกล้กับทะเลสาป

เวลา 11.06 น.  มุ่งสู่ทับกา (Tabgha) มาจากภาษากรีก Heptapegon ซึ่งแปลว่า “เจ็ดน้ำพุ” หรือน้ำพุ 7 สาย เป็นที่ที่อุดมสมบูรณ์ และยังถือว่าพระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงฝูงชน 5,000 คน ด้วยขนมปัง 5 ก้อน กับปลา 2 ตัว ที่นี่มีวัดไบแซนติน 2  หลัง ปูพื้นด้วยโมซาอิคเป็นลวดลายตามพระคัมภีร์สวยงาม 

พื้นหน้าแท่นปูด้วยโมซาอิคสีเป็นรูปขนมปัง 4 ก้อน และปลา 2 ตัว ในความหมายที่ว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นนายชุมพาบาลที่ดี พระองค์ทรงเลี้ยงดูประชากรของพระองค์ ให้ เรารู้จักที่จะใจกว้างใส่ใจผู้อื่น    ข้างพระแท่นบนพื้นปูโมซาอิคเป็นรูปนกกระยางคาบปลา ซึ่งถือว่าสวยงามที่สุด แต่เริ่มมีสภาพทรุดโทรม

มุ่งสู่คาเปอรนาอูม (Capernaum) อดีตเคยเป็นทางผ่านไปสู่ดามัสกัสเมืองธุรกิจ  เป็นเมืองที่พระเยซูเจ้ามาสั่งสอนประชาชนและ  ได้ทำอัศจรรย์หลายอย่างที่นี่ และที่นี่ยังเป็นบ้านของนักบุญเปโตร  เป็นที่ที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาแม่ยายของนักบุญเปโตร รักษาบ่าวของนายร้อยและคนง่อยที่ถูกหย่อนลงมาจากหลังคาบ้าน  ฯลฯ

แวะเยี่ยมบริเวณหมู่บ้านที่นักบุญเปโตรเคยอาศัยอยู่  ซึ่งค้นพบในปี 1972  ในบริเวณใกล้ๆ บ้านนักบุญเปโตร พบซากศาลาธรรมที่สร้างโดยนายร้อยที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาบ่าวของเขาให้หาย  และขุดค้นพบบ้านของนักบุญเปโตร กับซากกำแพงวัดที่ สร้างบนสถานที่นั้น เดินชมรอบๆ บริเวณซากเมืองโบราณในหมู่บ้าน และขึ้นไปสวดขอพรในวัดใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นบนวัดซ ากวัดโบราณ   รอบๆ ซากหมู่บ้านเก่า คณะฟรังซิสกันได้สร้างกำแพงไว้เพื่อง่ายต่อการดูแล พระเยซูเจ้าทรงเลือกอัครสาวก 12 คนที่นี่    แวะเดินชื่นชมทัศนียภาพ และบรรยากาศรอบๆ ศาลาธรรม และซากกำแพงเสาหินทรงกลมแบบโรมันในศาลาธรรมของชาวยิว

เวลา 12.05 น.  อาหารกลางวัน  รับประทานอาหารที่ร้านอาหารปลานักบุญเปโตร เราได้ปลานิลทอดรับประทานคนละ 1 ตัว จัดมาพร้อมกับเรนฟรายซ์  และเครื่องเคียงมากมาย

เวลา 13.58 น. มุ่งสู่เขาทาบอ (Tabor) เราร่วมกันสวดสายประคำ 20 เม็ดบนรถ โค้ช เนื่องในวันฉลองแม่พระปฏิสนธินิรมลขึ้นสู่เขาทาทอด้วยการต่อแท๊กซี่ขึ้นไปบน เขาทาบอ  ...พระเยซูเจ้าทรงพานักบุญเปโตร ยากอบและยอห์นขึ้นไปบนภูเขาทาบอ  พระบิดาเจ้าทรงทำให้พระเยซูเจ้ามีพระวรกายสว่างรุ่งโรจน์  มีเมฆปกคลุมและมีเสียงจากเมฆว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังเสียงของพระองค์เถิด”

เข้าสู่ถ้ำในวัดน้อย คุณพ่อทัศไนย   คมกฤส แนะนำภาพบนกำแพงในวัดน้อย วัดน้อยในถ้ำที่ 1 เป็นรูปประกาศกเอลียาห์ กำลังถวายของบูชาของพระเจ้า และมีไฟลงมาจากสวรรค์ แต่ของพระบาอัลไม่มี และวัดน้อยในถ้ำที่ 2 เป็นรูปโมเสส   และรูปนักบุญฟรังซิส กับพระเยซูเจ้า

วัดบนเขาทาทอ (วัดพระเยซูเจ้าแสดงองค์บนยอดเขา) สร้างครอบยอดเขาส่วนที่สูงที่สุด ปิดด้วยกระจก มองเห็นหินบนยอดเขาผ่านกระจกใส  ที่นี่นักบวชฟรังซิสกันเป็นผู้ดูแล เดินชมรอบๆ บริเวณวัด

-โมซาอิคคือการวางเม็ดหินสีต่างๆ ซึ่งเป็นสีธรรมชาติจากหลายแหล่ง ประดับเป็นรูปโดยวาดลายลงบน
ผ้าใส่ปูนและลงเม็ดหินโมซาอิคลงไปตามภาพนั้น

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เวลา 07.50 น. เดินทางออกจากโรงแรม  มุ่งตรงสู่แม่น้ำจอร์แดน    แต่ไม่ใช่ในส่วนที่พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างจากนักบุญยอห์น ส่วนที่พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างอยู่ในเยริโค ซึ่งต้องลงทางใต้ไปอีก การเข้าไปค่อนข้างยาก ในสมัยพระเยซูเจ้าแม่น้ำจอร์แดนใหญ่ กว่านี้และน้ำไหลแรงกว่านี้ มีการเปิดเขื่อนเพื่อเป็นการระบายขยะออกเป็นระยะ เพราะแม่น้ำจอร์แดนปัจจุบันนี้สกปรกมาก สัมผัส แม่น้ำที่กล่าวถึงหลายครั้งในพระคัมภีร์ภาคพระธรรมใหม่   ที่ที่พระเยซูเจ้าข้ามไปมาเป็นประจำ  ระลึกถึงศีลล้างบาป   โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร นำน้ำจากแม่น้ำจอร์แดนเทใส่ศีรษะของเราทีละคน  เหมือนย้อนรอยพระเยซูเจ้า พร้อมกับฟื้นฟูชีวิตคริสตชนของตัวเองไปด้วยในตัว  ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแม่น้ำจอร์แดน....แม่น้ำจอร์แดนเป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากยอดเขาเฮอร์โมน    และไหลลงสู่ทะเลตาย  เชื่อกันว่า ที่ที่พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างนั้นอยู่ทางตะวันออกของเมืองเยริโค การรับพิธีล้างที่แม่น้ำจอร์แดนทำให้แม่น้ำจอร์แดนกลายเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับคริสตชนทุกคน 

เวลา 09.40 น. มุ่งหน้าสู่  กุมราน(Qumran) เป็นถ้ำที่พบพระคัมภีร์ และพระธรรม เก่าบางส่วน ในไหตามถ้ำต่างๆที่คนเลี้ยงแพะคนหนึ่งได้ออกมาตามหาแพะที่หาย ไป เขาได้ขว้างก้อนหินเข้าไปทางรูในถ้ำและได้ยินเสียงของแตก  และพบว่าในไหนั้นมีม้วนหนังสือ 7 ม้วน เดินชมสถานที่ขุดค้นพบและถ้ำตามเขากุมราน คณะของพวกเราโชคดีมาก ที่วันนี้อากาศดีมากๆ ไม่มีแดดเลย

เวลา 10.25 น. เดินทางสู่ Dead sea หรือทะเลตาย ซึ่งต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 400 เมตร ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย แต่มีแร่ธาตุอยู่มากทั้งในน้ำและดิน เป็นจุดต่ำสุดของผิวโลก แล ะเป็นส่วนที่มีดินที่ดีที่สุดในโลกด้วย เปลี่ยนชุดเพื่อลงเล่นน้ำที่ Dead sea ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พอกโคลนทั้งตัว และทดลองเล่นลอยตัวในน้ำกันอย่างสนุกสนานแม้อากาศจะเย็นก็ตาม คลื่นค่อนข้างแรงพอสมควร ลมแรง

เวลา 13.00 น.  อาหารกลางวันเป็นอาหารพื้นเมือง

เวลา 14.00 น. จากนั้นเดินทางมุ่งสู่ภูเขาแห่งการประจญล่อลวง / ภูเขาแห่งการทดลอง (The Mount of Temptation) ในสมัยก่อนใช้การเดินขึ้นเขา แต่ปัจจุบันมีกระเช้าลอยฟ้า( Jericho Cable car)   ส่งขึ้นไป  ที่นี่เป็นที่สำคัญที่ทุกคนต้องแวะก่อนเดินทางเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มแต่ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวเริ่มน้อยลง   ทุกคนสนุกสนานกับการขึ้นกระเช้าลอยฟ้า แม้จะมีเพื่อนในกลุ่ม 1 คน ไม่ได้ร่วมขึ้นไปด้วยเนื่องจากกลัวความสูง   เมื่อเดิ นทางไปถึงยอดเขา เราเดินเท้าต่อขึ้น ไปตามไหล่เขาที่สร้างบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงวัดของนิกายออร์โธดอกซ์ St.George  ชมบรรยากาศในวัด และขอพรด้วยความสำรวม  บนยอดเขาอากาศดีมาก  และภายในวัดค่อนข้างมืด เหมือนอยู่

ในถ้ำ    เรื่องราวเกี่ยวกับภูเขาแห่งการประจญล่อลวง เชื่อกันว่า...เป็นที่ที่พระเยซูเจ้าถูกประจญล่อลวงจากซาตาน 3 ครั้ง   หลังอดอาหาร 40 วัน     กลับลงมาด้วยกระเช้าลอยฟ้าก่อนออกเดินทางสู่ที่ต่อไป

เวลา 16.15 น. ร่วมมิสซาที่วัดที่เยริโค ภาพในวัดเป็นภาพกระเบื้องสีรูปพระเยซูเจ้าเสด็จมาที่เยริโค 3 ภาพ ที่นี่พระองค์ทรงรักษาคนตาบอด  ให้เรารู้จักที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเปลี่ยนแปลงชีวิตจิตใจของเรา

เวลา 16.54 น. มุ่งเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม  คุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร แนะนำเพิ่มเติมกรุงเยรูซาเล็มที่ตั้งนิเวศของพระเจ้าให้เราระลึกถึงกรุงเยรูซาเล็มในฐานะเป็นที่ประทับของพระเจ้า และความช่วยเหลือของพระเจ้ามาถึงพวกเรา  ในสมัยพระเยซูเจ้าไม่มีถนน ไม่มีทางผ่าน ทุกคนมากับกองคาราวาน  พวกเขามีการฉลองใหญ่ๆ ได้แก่ การฉลองปัสกา เพื่อระลึกถึงพระเจ้าที่ช่วยเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ ฉลองด้วยการกินขนมปังไร้เชื้อและฆ่าลูกแกะปัสกาเหมือนในอดีตที่เขาเอาเลือดทาที่วงกบและทูตสวรรค์ของพระเจ้าก็เสด็จผ่านไป การฉลองปัสกาได้กำหนดให้ฉลองต่อไปจนถึงลูกหลาน  และมีการฉลองวันชดเชยใช้โทษบาป    ฉลองวันเปนเตกอสเพื่อระลึกถึงพระเจ้าที่ประทานพระบัญญัติแก่เขาที่ภูเขาซีนาย  การฉลองซูคตหรือเทศกาลอยู่เพิง เพื่อระลึกถึงวันที่พวกเขาต้องเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร และต้องอยู่เพิง  ฉลองฮันนุกาหรือการฉลองฟื้นฟูถวายพระวิหาร สมัยยูดามัคคาบี 

ผ่าน Check Point มุ่งสู่กรุงเยรูซาเล็ม….ชาวอิสราเอลทุกคนต้องรับใช้ชาติทั้ง ชายและหญิง ทุกคนที่เป็นทหารทั้งชายและหญิงต้องพกปืนประจำตัวทุกคน และตลอดเวลา  ชาวอิสราเอลต้องเรียนภาษาฮีบรู  อาหรับ  อังกฤษ และภาษาที่สนใจอีก 1 ภาษา เขาเชื่อว่าหากชาวอิสราเอลต้องแตก ชาวยิวก็สามารถไปอยู่ที่ใดก็ได้
เวลา 17.50 น.Check in เข้าโรงแรม Park Hotel Jerusalem 

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เวลา 07.50 น. มุ่งสู่เบธเลแฮม Beth = บ้าน  Lehem = ขนมปัง  Bethlahem = บ้านขนมปัง ที่นี่นักโบราณคดีขุดค้นพบกระดูกสัตว์ งาช้าง สันนิษฐานว่าในอดีตน่าจะมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ในที่ทุรกันดารนี้มากในเบธเลแฮม และที่นี่ก็เป็นบ้านเกิดของกษัตริย์ดาวิด  จนถึงเป็นที่กำเนิดของพระเยซูเจ้าซึ่งสืบเชื้อสายกษัตริย์ดาวิด   

แวะซื้อศาสนภัณฑ์ที่ร้าน  ในร้านเต็มไปด้วยรูปแกะสัลกสวยงามหลากหลาย  รวมทั้ง สายประคำ และรูปพระที่แกะสลักจากไม้มะกอกเทศ (Olive wood)  ด้วย เลือกซื้อศาสนภัณฑ์ตามต้องการก่อนเดินทางต่อไป

เวลา 10.00 น. ร่วมมิสซาที่วัดพระกุมารบังเกิด   เหนือหลังคาที่เป็นโดมในวัด มีภาพวาดรูปพระกุมารบังเกิด และ ภาพฑูตสวรรค์แจ้งข่าวแก่คนเลี้ยงแกะ  แวะชมถ้ำชุมพาบาล  และบริเวณรอบๆ วัดที่จัดไว้อย่างสวยงาม บทเทศน์ในมิสซา...การบังเกิดของพระเยซูเจ้าเป็นข่าวดี  เป็นความยินดี       พระเยซูเจ้าต้องการประทานความสุข ความยินดีแก่ทุกคน  เราควรเป็นคริส ตชนที่ดี ใช้ความอดทน พยายาม ในการดำเนินชีวิตของเราด้วย ดูพระเยซูเจ้าผ่านทางความทุกข์ยากลำบากนี้ 

คุณพ่อทัศไนย คมกฤส  อธิบายประวัติของวัดพระกุมารบังเกิด(วัดของออร์โธดอกซ์) และวัดนักบุญแคทเธอลีน(วัดของคาทอลิก)   ในปี 614 ชาวเปอร์เซียมาทำลายวัดต่างๆในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่ทำลายวัดพระกุมารบังเกิด แม้จะมีแผ่นดินไหว หรือมีศัตรูแต่วัดนี้ก็ยังคงอยู่ 

 ที่วัดนักบุญแคทเธอลีนจะมี Bishop มาร่วมฉลองคริสต์มาสมากมาย      ในวัดมีออร์แกนลมทั้งด้านหน้าและด้านหลังวัด เสียงดนตรีจะกระหึ่มก้องวัดอย่างไพเราะมาก รูปปั้นหน้าวัดเป็นรูปนักบุญเยโรม ผู้แปลพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม      เดินชมบรรยากาศภายในวัดและถ้ำใต้วัดนักบุญแคทเธอลีนซึ่งเชื่อมต่อกับวัดพระกุมาร   บังเกิด แต่มีกำแพงกั้นไว้  ในถ้ำนักบุญแคทเธอลีน  จะมีถ้ำทารกผู้วิมล    (ที่โดนฆ่าโดยกษัตริย์เฮโรด) และที่ฝังศพของนักบุญเยโรม

เวลา 12.45 น. รับประทานอาหารเที่ยง

เวลา 1 3.00 น.มุ่งสู่ปาเลสไตล์   เข้าเขต West Bank ที่ที่เป็น Bet  EL  = บ้านของพระเจ้า  ผ่านดินแดนเผ่าเบนยามิน Benyamin แปลว่า ลูกแห่งพระหัตถ์ขวา   ออกเดินทางใช้เวลา ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งจึงไปถึง Jacob Well  บ่อน้ำยากอบ เป็นที่ที่พบกันระหว่างพระเยซูเจ้าที่เป็นชาวยิว กับสาวชาวสะมาเรียและพระเยซูเจ้าขอน้ำดื่มจากนาง และสุดท้ายสาวชาวสะมาเรียพูดว่า “พระเยซูเจ้าข้า ขอโปรดให้น้ำนั้นแก่ลูกเถิด ลูกจะได้มีชีวิตกับพระองค์”

 เวลา 17.00 น. เดินทางไปกำแพงร้องไห้ (wailing Wall) แยกทางเข้าชายหญิง ในฝั่งของผู้หญิง มีผู้คนมากมายมาสวดภาวนาขอพรและร้องไห้กับกำแพงนี้ ตามซอกกำแพง เต็มไปด้วยกระดาษที่เขียนขอพระของผู้มาเยือนมากมาย พวกเราเขาไปสัมผัสกำแพง และเอาหน้าแนบกำแพงหยุดรำพึงสักครู่ก่อนเปลี่ยนให้คนต่อไปเข้ามาบ้าง    ณ    ที่นี่  เหมือนมีมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยพระพร การอวยพร  การขอพร     จึงอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่น ความรัก

เวลา 17.00 น. เดินทางกลับสู่โรงแรม..........เข้าพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เวลา 07.50 น.    มุ่งหน้าสู่วัดนักบุญอันนา St. Anna Church  ซึ่งเชื่อว่าเป็นบ้านของของนักบุญยออากิมและนักบุญอันนา ผู้ให้กำเนิดแม่พระ ปัจจุบันคุณพ่อชุดขาว White Father เป็นผู้ดูแลมีการขุดพบสระน้ำเบธซาธา (Bethesda) ที่พระเยซูเจ้ารักษาคนพิการ(พลังของพระเยซูเจ้า พระวจนาตย์ของพระเจ้า พลังอำนาจแห่งการรักษา และพระองค์  เคยรักษาในวันสะบาโต เพราะพระเยซูเจ้ามีอำนาจเหนือวันสะบาโต วัดนี้เป็นวัดสมัยคูเสสเพียงหลังเดียวที่เหลืออยู่ เป็นวัดที่ตุรกีมอบให้ฝรั่งเศสที่ช่วยเหลือในการสงคราม และฝรั่งเศสก็มอบให้คุณพ่อชุดขาว White Father เป็นผู้ดูแล และเป็นสถานที่เข้าเงียบ เป็นบ้านอบรม และบ้านเณรของคุณพ่อชุดขาว White Father  เชื่อกันว่าแม่พระบังเกิดที่นี่  ในวัดออกแบบหลังคาทรงโค้งเพื่อรับเสียงสะท้อน เมื่อมีการร้องเพลง เสียงจะก้องวัดไพเราะมาก และภายในวัดมีภาพไอคอนแม่พระบังเกิด  แวะชมซากวัดสมัยไบแซนติน ซากสักการะสถาน ตรงที่พระเยซูเจ้าทรงทำอัศจรรย์  ชมบ่อน้ำเบธซาธาที่ที่พระเยซูรักษาคนพิการ

เวลา 10.30 น.  เดินทางสู่เวียโดโลโรซา(Via Dolorosa) เริ่มต้นที่วัดพระเยซูเจ้าทรงถูกโบยตี ณ ที่นี่ เป็นสถานศึกษาของฟรังซิสกัน  ร่วมพิธีบูชามิสซา ...บทเทศน์สอน... “ความชื่นชมที่สุดของคริสตชนคือความตายของพระเยซูเจ้า... ศาสนาคริสต์ :  เน้นเรื่องความรักและการเสียสละ...ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีค่า ให้เราขอบพระคุณพระสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากระทำ ไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่เท่ากับความรักที่พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา”  หลังมิสซา ร่วมเดินรูป 14 ภาค    ก่อนออกเดินทางไปตามเส้นที่มรรคาศักดิ์สิทธิ์พร้อมๆ กัน ชมบ้านของผู้ว่าราชการที่จับพระเยซูเจ้ามาขังไว้ ก่อนมอบให้ปิลาต จนถึงพระคูหาศักดิ์สิทธิ์(Holy Sepulchre) ที่ที่พระเยซูเจ้าถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการตรึงกางเขนบนเนินเขากัลวาริโอ สัมผัสช่องที่เชื่อว่าเป็นที่ที่กางเขนที่ตรึงพระองค์ปักลงตรงนั้น และสัมผัสแผ่นหินใหญ่ที่เชื่อว่าเป็นที่รองพระศพของพระองค์ในถ้ำ ณ ที่นี่ ทุกคนรู้สึกถึงกลิ่นอายของพลังแห่งความรักที่ทุกคนต่างเดินทางมาเพื่อระลึกถึงพระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ที่ทรงยอมสิ้นพระชนม์เพื่อนมนุษยชาติ

แวะวัดนักบุญเปโตรไก่ขัน ที่ที่นักบุญเปโตรปฏิเสธพระเยซูเจ้า 3 ครั้ง ซึ่งในบริเวณนี้จะมีรูปปั้นที่เป็นรูปนักบุญเปโตรกำลังปฏิเสธพระเยซูเจ้า และเหนือรูปปั้นจะมีไก่

ขึ้นเขาศิโยน(Mouth of Zion) ชมหลุมฝังศพของกษัตริย์ดาวิด และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิว ห้องอาหารค่ำมื้อสุดท้าย (The Last Supper) ที่ที่พระเยซูเจ้าทรงจัดเลี้ยงแก่อัครสาวกและทรงตั้งศีลมหาสนิทที่นี่  หลังจากนั้นเข้าชมวัดแม่พระนิทรา (Church of Dormition) ที่เชื่อว่าแม่พระเสด็จสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ  เหนือรูปปั้นแม่พระนิทรา มีโดมหลังคาเป็นรูปสตรีที่มีชื่ออยู่ในพระคัมภีร์ เช่น อาดัม  เอสเธอร์  ยูดิธ นางรูธ ฯลฯ  ภาวนาส่วนตัวต่อหน้ารูปแม่พระนิทรา

เวลา 13.00 น.  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร ด้านหน้ามีกังหันลมใหญ่

เวลา 14.00 น.  แวะตลาดสดยาฮู้ดาเลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง เช่นอินทผลัม     ผลไม้หลากหลาย อาหารสดทั่วไป ผู้คนเนืองแน่นเลือกซื้อสินค้ากันตามอัธยาศัย

เวลา 15.00 น. แวะชมวัดแม่พระเยี่ยมนางเอลีซาเบธ (Visitation Church) สร้าง โดยอันโตนิโอไวลุสซี สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 บนบ้านในศตวรรษที่ 1   มีหมู่บ้านโดยรอบ  ข้างกำแพงติดเพลงสดุดีเป็นภาษาต่างๆไว้บนกระเบื้องหิน   “วิญญาณข้าถวายสดุดีแด่พระเจ้า และจิตใจข้าพเจ้าโสมนัสยินดีในพระเจ้าผู้ไถ่กู้ข้าพเจ้า....”     ซึ่งมีนักบวชคณะฟรังซิสกันดูแล    ในสมัยก่อนการเดินทางจากบ้านเกิดแม่พระมาเยี่ยมนักบุญเอลิซาเบธนั้นบากลำบากมากแต่แม่พระก็มาเยี่ยมด้วยใจที่อ่อนโยน ห่วงใย   ชมวัดนักบุญยอห์น บัปติสตาซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 สร้างบนที่ที่นักบุญยอห์นบัปติสเกิดและมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหินก้อนหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นหินที่นักบุญเอลิซาเบธใช้ซ่อน นักบุญยอห์นบัปติสตา  ติดกันเป็นวัดแม่พระปฏิสนธินิรมล

เวลา 17.00 น. กลับสู่โรงแรมเพื่อเก็บของลงกระเป๋า จัดสัมภาระเพื่อเตรียมพร้อมขึ้นเครื่องกลับสู่ประเทศไทยในเย็นวันพรุ่งนี้

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2552

เวลา 07.50 น. เดินทางสู่เนินเขามะกอก(Mount of Olive) มุ่งหน้าสู่วัดนักบุญเฮเรน เช้านี้อากาศหนาวมาก ลมพัดแรง   ชมวัดข้าแต่พระบิดา (Pater Noster Church) คุณพ่ออธิบายบทภาวนาข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย และสวดบทข้าแต่พระบิดาพร้อมกัน “การเรียกพระเป็นเจ้าเป็นพระบิดา แสดงว่าเรายอมมอบชีวิตของเราแด่พระองค์ศิโรราบแด่พระเจ้า เชื่อและศรัทธาในพระองค์...บทภาวนาในการร้องเรียกหาพ่อ”

เวลา 09.20 น. เข้าสู่วัดพระเยซูเจ้าทรงกรรแสง ร่วมพิธีบูชามิสซาที่วัดนี้ ...บทเทศน์... “บนเขามะกอกนี้ พระเยซูเจ้าทรงรักเยรูซาเล็ม และชาวยิว พระเยซูเจ้าร้องไห้ผิดหวังกับชนชาวเยรูซาเล็ม เมื่อพระเยซูเจ้ามองเราอย่าให้พระองค์ผิดหวังในตัวเรา  การมาคราวนี้ ให้เรามีความสุข ความเชื่อ ความหวัง เมื่อกลับไปเราจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป การดำเนินชีวิตของเรา เราจะน่ารักขึ้น ศักดิ์สิทธิ์ขึ้น การแสวงบุญจะไม่มีความหมายจนกว่าเราจะเปลี่ยนเป็นประสบการณ์ความเชื่อ เจริญชีวิตดีขึ้น เสียสละ รักมากขึ้น ให้อภัยมากขึ้น เราร่วมเดินทางการเปลี่ยนแปลงจิตใจด้วยศรัทธาในพระเจ้า ไม่ใช่น้ำจากยากอบหรือกาลิลีที่ล้างเราให้สะอาด แต่ชีวิตเราต้องล้างให้ดีขึ้น เมื่อกลับไปเมืองไทยเราจะเป็นแสงสว่าง เป็นคนดีแก่คนรอบข้าง 

หลังจากนั้นเดินทางต่อวัดพระเยซูเจ้าทรงเข้าตรีฑูต ก่อนที่จะถูกจับ    

ชมสวนเกทเสมนี (Gethssemane) ที่มีต้นมะกอกเทศอายุกว่า 1000 ปี ที่เชื่อว่าเป็นต้นมะกอกเทศสมัยพระเยซูเจ้า     มีรั้วล้อมรอบต้นมะกอกเทศไว้  และได้รับการดูแลอย่างดี เดินชมวัดนานาชาติ (The all Nations Church)ซึ่งประดับด้วยหินสีต่างๆ   สวยงาม มี 16 ประเทศที่มีส่วนร่วมในการสร้างวัดนี้มีหินที่เชื่อว่าเป็นหินที่พระเยซูเจ้าทรงภาวนาในช่วงเข้าตรีฑูตในวัดนี้ด้วย ช่วยกัน  เก็บใบมะกอกเทศหน้าวัดที่เจ้าหน้าที่กำลังริดทิ้ง  เพื่อเป็นที่ระลึก เดินทางต่อไปบ้านเบธานี   ถ่ายภาพขี่อูฐเป็นที่ระลึก ก่อนแวะซื้อศาสนภัณฑ์ตามอัธยาศัย

เวลา 12.00 น. อาหารกลางวันที่ร้านอาหารพื้นเมือง

เวลา 13.00 น.  เดินทางสู่กรุงเทลอาวีฟ แวะชมหมู่บ้านเอมมาอูส  และแวะเข้า Mini Israel เมืองจำลองของอิสราเอล อากาศค่อนข้างหนาวมากและลมแรง ที่เมืองจำลองได้จำลองเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอิสราเอล และสถานที่สำคัญต่างๆ  ในอิสราเอลไว้แบบย่อขนาด

แวะสวนหย่อมติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พักผ่อนเดินชมทิวทัศน์รอบบริเวณ

เวลา 18.00 น. รับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารอาหารจีน  หลังรับประทานอาหาร คุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร   กล่าวขอบคุณคนขับรถโค้ชและไกด์ของเรา  และผู้แทนกลุ่มพระคัมภีร์กล่าวขอบพระคุณคุณพ่อทั้งสองท่าน ก่อนออกเดินทางสู่สนามบินเบ็นกูเรียน   ที่ เทลาวีฟ    เราผ่านขั้นตอนการตรวจเชคไปได้ด้วยดีไม่ลำบากเท่าไหร่นักแม้จะมีบางคนต้องทำการรื้อกระเป๋าบ้างก็ไม่ใช้เวลานาน เท่าไร ก่อนเข้าสู่ภายในเดินเลือกซื้อสินค้าใน Duty free

เวลา 23.05 น. เดินทางกลับโดยเที่ยวบินที่ LY081 ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง ก่อนถึงประเทศไทย ในเวลา 14.30 น.   ร่ำลากันเรียบร้อยแยกย้ายกันกลับบ้านของตนเอง

Give thanks!
ขอบคุณทุกประสบการณ์ที่ผ่านมา
ขอบคุณความเมตตาจากทุกท่าน
ขอบคุณวันเวลาของวันวาน
ที่ให้เราพบพานเป็นหนึ่งเดียว.