![]() |
![]() |
||||
|
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
||||
enjoyka รายงาน |
![]() |
![]() |
Roma, ITALY 29 decembre 2009 โรม, อิตาลี เดือนธันวาคมเป็นเดือนแห่งความชื่นชมยินดีสำหรับคริสตชนทั่วโลกเพราะเป็นเทศกาลแห่งความสุขและความชื่นชมยินดีแห่งการบังเกิดมาของพระกุมารเจ้า ซึ่งได้นำความชื่นชมยินดีมาสู่ชาวเรา ในภาษาไทย "คริสต์มาส" ก็มีความหมายเช่นกัน คำว่า "มาส" แปลว่า"เดือน" เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสตเจ้าเป็นพิเศษ คำว่า"มาส" คือ"ดวงจันทร์" มีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก เหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอน กลางคืน คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณแปลว่า"สันติสุขและความสงบทางใจ"คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่นขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ ในโอกาสนี้คริสตชนไทยในโรม ได้มาเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสร่วมกัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2009 ที่ผ่านมา โดย มองซิญอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์ รองเลขาธิการ สมณกระทรวงเสวนาระหว่างศาสนา ได้เป็นประธานในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณสมโภชพระคริสตสมภพของกลุ่มคนไทย ที่วัดน้อยของหอไอริช และมีท่านพีระศักดิ์ จันทวรินทร์ อัครราชทูตจากสถานทูตไทยประเทศอิตาลี พร้อมครอบครัว ไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วย |
![]() |
![]() |
|||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
การฉลองคริสต์มาส ในวันนี้ มองซิญอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์ ได้เชิญชวนเราพร้อมใจกันเฉลิมฉลองในพิธีบูชามิสซาขอบพระคุณ สามประการคือ 1.เพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสและส่งความสุขแก่กันสำหรับคริสต์ชนไทยในโรม 2.เพื่อภาวนาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นดั่งดวงใจของคนไทยทั้งชาติในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ท่าน 3.และให้เรารวมใจกันเพื่อสันติภาพของโลก ท่านเกริ่นนำว่า ในคืนวันคริสต์มาสที่แสนเหน็บหนาว นอกจากบรรดาโหราจาย์ซึ่งได้พบพระกุมารเจ้าแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มได้พบพระองค์คือคนเลี้ยงแกะ เพราะพวกเขามีจิตใจซื่อๆ ดังนั้นให้เรามีจิตใจที่สุภาพ ซื่อๆ เหมือนกับคนเลี้ยงแกะ เราจะได้พบกับพระองค์ ในบทอ่านจากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงทิตัส กล่าวถึงการรับเสด็จองค์พระคริสต์เจ้า โดยให้เราเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต จากนั้นท่านเอ่ยถึงภาพยนตร์เรื่อง 2012 ถามว่ามีใครได้ดูบ้าง เป็นภาพยนตร์ที่กล่าวถึงวันสิ้นโลก ซึ่งกระแสโลกตอนนี้ก็พูดกันถึงเรื่องโลกจะแตก น้ำจะท่วมโลก ซึ่งกระแสเรื่องนี้ก็มาจากบรรยากาศและ สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปของโลก พระศาสนจักรเองก็มีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ก็ได้กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขสภาวะที่เปลี่ยนแปลง ไปของโลก นั่นคือการที่เราต้องเคารพศักดิ์ศรีของกันและกันก่อน และเมื่อเราเคารพศักดิ์ศรีของกันและกันแล้ว เราก็จะเคารพสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเราด้วย |
![]() |
![]() |
![]() |
|||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ท่านได้ข้อคิดสั้น ๆ ว่า เมื่อข่าวเรื่องอวสานโลกมาถึงผู้ที่รู้ข่าวก่อนคือ นักการเมือง นักธุรกิจ เพราะพวก เขามีเงิน ในเรื่องมีการต่อเรือ เพื่ออพยพคนให้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ ซึ่งคนที่มีเงินเท่านั้นจะได้ขึ้นเรือ แม้แต่คนต่อเรือก็ไม่ได้ขึ้นเรือ เพราะเขาจน แต่สำหรับเราคริสตชน เรามีความหวัง เรามีความรอดเพราะพระคริสตเจ้าเสด็จมาในโลกนี้เพื่อช่วยเราทุกคน ยิ่งเราเป็นคริสตชน เป็นคนยากจน มีจิตใจซื่อๆ เราก็จะเป็นกลุ่มแรกที่จะรอด ท่านยังเล่าเรื่องให้ฟังว่า มีนายพรานคนหนึ่งขึ้นไปบนภูเขาสูง และได้ไปเก็บไข่ของนกอินทรีย์ลงมา แต่เมื่อลงมาจากภูเขาก็รู้สึกเสียใจ ที่ตนเองได้เก็บไข่นกอินทรีย์ลงมา จะเอาขึ้นไปคืนก็ไม่ได้เพราะกลัวพ่อแม่ของนกอินทรีย์ สุดท้ายจึงตัดสินใจเอาไข่ไปฝากแม่ไก่ฟัก และเมื่อไข่ฟักตัวออกมา เจ้าลูกอินทรีย์ก็อาศัยอยู่กับครอบครัวของแม่ไก่ จนวันหนึ่งมันเห็นนกอินทรีย์บนท้องฟ้า มันจึงคิดว่า มันก็สามารถบินได้ เพราะจริงๆแล้วมันคือนกอินทรีย์ แต่เพื่อนลูกไก่ก็บอกมันว่า มันไม่สามรถจะบินได้หรอก เพราะมันก็ เป็นเหมือนลูกไก่ตัวอื่นๆที่บินไม่ได้ ด้วยความที่คิดว่าตัวเองบินได้ เจ้านกอินทรีย์ก็พยายามขึ้นไปในที่สูงเพื่อพยายามที่จะได้บิน ปรากฏว่า มันก็ไม่สามารถบินได้ เพราะไม่มีใครสอนมัน ที่สุดแล้ว มันก็ตกลงมา พร้อมกับคำพูดของลูกไก่ตัวอื่นๆ ที่ว่าเธอไม่สามารถที่จะบินได้หรอก ที่สุดมันก็เศร้าใจและตรอมใจตาย เรื่องนี้พ่อต้องการบอกเราว่า เราต้องฟังเสียงมโนธรรมในจิตใจของเรา บางครั้งเราอยากจะทำดี แต่เพื่อนรอบข้างไม่เห็นด้วย หรือเขาไม่ทำ ก็ให้เราเชื่อเสียงแห่งความดีในจิตใจของเรา เพื่อเราจะได้ทำสิ่งดีๆ ในชีวิต บางครั้งอย่าฟังเสียงรอบข้างที่ไม่ช่วยให้เราสามารถทำความดีได้ |
|
|
![]() |
![]() |
บ้านไม่อยากกลับบ้าน มีคุณครูอรุณประภา สุขกสี และซิสเตอร์รุ่งฤดี จันทนรังษี ช่วยจัดแจกของขวัญ อย่างขยันขันแข็ง ส่วนคุณพ่อภัคพล มหัตกุล ก็ทำหน้าที่ถ่ายภาพและดูแลเรื่องอาหารการกินได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง คุณพ่อชวิน เสงี่ยมแก้วและคุณพ่อวิโรจน์ โพธิ์สว่าง ของเรา เป็นกองหลังช่วยดูแลต้อนรับแขกผู้ใหญ่ และดูแลเรื่องสถานที่ บริการรับใช้ด้วยใจยินดี และเมื่อได้เวลาพอสมควรทุกคนต่างได้แยกย้ายกันกลับบ้านอย่างมีความสุข ซึ่ง งานต่อไปเราจะมารวมกันอีกครั้งในเดือนมีนาคม โดยจะเป็นมิสซาสมโภชปัสกา และกิจกรรมสงกรานต์สำหรับคนไทยในโรม |
![]() |
![]() |
|||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
วันนี้มีความสนุกสนานมากมาย ชาวบ้านฝากขอบคุณทีมงานของคุณพ่อสันติ ทุกท่านที่ได้ร่วมใจกันจัดงานนี้ขึ้นมาสร้างความสัมพันธ์ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
และทำให้ชีวิตของคริสตชนไทยในโรมไม่เงียบเหงา คำนับมาแมร์ มีเรียม กิจเจริญ วันอังคารที่ 29 ธันวาคม 2009 กลุ่มพระสงฆ์และครูคำสอนไทยในโรม ได้นัดหมายกันเพื่อ ไปคำนับและส่งความสุขวันคริสต์มาสและปีใหม่แด่ มาแมร์ มีเรียม กิจเจริญ มหาธิการิณีคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตรที่บ้านศูนย์กลางคณะโดยได้รับการต้อนรับจากเซอร์เปาลาและเซอร์แมรี แคลร์อย่างอบอุ่น โอกาสนี้ คุณพ่อสันติ ปิตินิตย์นิรันดร์ เป็นตัวแทนกล่าวส่งความสุขแด่มาแมร์และคณะเซอร์ทุกท่าน มาแมร์ มีเรียม ได้กล่าวให้พรตอนหนึ่งว่า ยิ่งเราเป็นผู้ใหญ่เราต้องยิ่งรับใช้ เป็นต้นรับใช้พระศาสนจักรในประเทศไทย ปีนี้พระสันตะปาปากำหนดให้เป็นปีพระสงฆ์ พระสันตะปาปาก็สอนถึงหน้าที่ของพระสงฆ์คือต้องสานต่องานของพระเยซูเจ้า คือการประกาศข่าวดี คือพระวาจาของพระเจ้า ถ้าประกาศด้วยเสียงก็จะหายไป แต่ถ้าประกาศด้วยการเป็นประจักษ์พยาน การปฏิบัติพระวาจาก็เป็นพระเยซูเจ้านั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่เป็นสิ่งที่พระศาสนจักรมอบให้ ทุกวันพฤหัสคณะเซอร์ก็สวดให้พระสงฆ์ และคณะสงฆ์อยู่ในคำภาวนาของเราเสมอ |
|
|
![]() |
![]() |
|
![]() |