โดย....ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2010 /  2553 ที่ผ่านมา เวลา 08.00น. คุณพ่อสุเทพ พงษ์วิรัชไชย เป็นประธาน   ในพิธ๊มิสซา โอกาสเสกุสุสานวัดนักบุญเปโตร ร่วมกับพระสังฆราชยอห์นบอสโก ปัญญา กฤษเจริญ พระสังฆราชยอแซฟสังวาลย์ ศุระศรางค์ คุณพ่อจำเนียร กิจเจริญ คุณพ่อวิศิษฎ์ หริพงศ์ พร้อมด้วยพระสงฆ์กว่า 30 องค์ นักบวชชายหญิงคณะต่างๆ และบรรดาพี่น้องของผู้ล่วงลับที่มาร่วมพิธีเสกสุสานในวันนี้ เป็นจำนวนมาก

บรรยากาศในวันนี้เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00น. บรรดาฐาติพี่น้องของผู้ล่วงลับที่อยู่ในสุสานนี้ต่างทะยอยเดินทางมานำดอกไม้เทียนและพวงมาลัยมาไหว้ผู้ล่วงลับ และทางคณะซิสเตอร์คณะพระหฤทัยของวัดนักบุญเปโตรได้จัดเตรียมดอกไม้ และเทียนมา ไว้บริการสำหรับพี่น้องเหมือนเช่นทุกปี

คุณพ่อสุเทพเทศน์ให้ข้อคิดในโอกาสเสกสุสานวัดนักบุญเปโตรว่า พี่น้องเราทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี้วันนี้ยิ่งกว่าวันฉลองวัด พี่น้องเราแต่ละคนเป็นวิหารของพระเจ้าและถ้าเราฉลองวิหารของพระเจ้าก็ฉลองไม่ใช่เฉพาะปีละครั้ง เราต้องฉลองทุกวัน    พระวิหารทำอะไรบ้าง แน่นองเราต้องพบพระ เราต้องนมัสการพระองค์   เราไปภาวนา เรา ไปขอโทษและหลายครั้งเราไปขอสิ่งที่เราต้องการ    ด้วย  ใจของเราในปัจจุบันอาจเป็น ใจที่สับสน วุ่นวายกับการอยู่รอด ทางด้านเศรษฐกิจ เราจะต้องให้พระอยู่ให้ได้      ส่วนหนึ่งของชีวิต ส่วนหนึ่งของใจ ส่วนหนึ่งของวิหาร   ส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน บางครั้งเราบอกพระเป็นเจ้าให้ไปไกลๆเสีย เวลาสวด เสียเวลามาวัด เสียเวลาที่จะทำความดี อันนี้ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นบทอ่านแรกวันนี้จึงบอกว่า วิญญาณคนดีมีธรรมอยู่ ในพระหัตถ์พระเจ้า ความทุกข์ร้อนใดเล่าจะมากล้ำกราย  สายตาคนโฉดเขลาดู เหมือนเขาตายการลาโลกไปคล้ายกับความทุกข์พรากจากเราดูเหมือนเป็นการสูญเสีย แต่ที่ไหนได้อยู่ในสันติสุข

ย่อหน้าแรกของหนังสือปรีชาญาณให้เห็นภาพทันทีเลยว่าเราจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไร     เราต้องดำเนินชีวิตท่ามกลางความยุ่งยาก เราต้องตื่นเฝ้า เมื่อเราเป็นคนดีมีธรรม   เราต้องดีจริงๆ ดีด้วยการปฏิบัติของชีวิต ร้อยกว่าปีแล้วที่เราตั้งชุมชนความเชื่อแห่งนี    เราต้องพยายามเป็นดีมีธรรมให้ได้ ธรรมะอย่าคลาย ธรรมมะอย่าเสื่อม    และธรรมมะอย่าอยู่ในลักษณะถูกทิ้ง ถ้าปีละครั้งเราจะมาตรงนี้มาเพื่อไม่ใช่ฟังคำด่าคำเตือน  แต่มาเพื่อจะบอกว่ามาขอรื้อฟื้นธรรมะของเราแต่ละคน พ่อก็ดีใจที่คนมาเยอะ มากมาย   มีผู้คนที่อุตส่าห์เดินทางมาแล้วก็ยืนยันว่ามีความสุขเมื่อกลับไปเพราะได้คำนับบรรพชนซึ่งได้รักษาความเชื่อและมอบมรดกแห่งความเชื่อนี้กับเรา    ท่านนักบุญเปาโลบอกต่อไปว่าการรักษามรดกแห่งความเชื่อนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย  จำเป็นต้องมีความเจ็บปวด จะต้องถูกเบียด เบียน นักบุญเปาโลบอกชัดเจนว่าท่านถูกเบียดเบียนแต่ท่านมีความรู้สึกว่า ถ้าพระเป็น เจ้าอยู่กับ เรา เราจะชนะ

พี่น้องพระเจ้าต้องมีที่ในใจ ในพระวิหารของเรา ถ้าพระองค์อยู่ไม่เป็นไรพระองค์จะแบ่งความทุกข์ของเราไปแบ่งความรู้สึกที่ไม่ดีของเราไปแล้วพระองค์จะแบกไม้กาง เขนกับเรา ขอทุกข์คนพยายามที่จะหาต้นทุนชีวิตคืนกลับมาให้ได้ อย่าทิ้งพระอย่าเพียง แต่จุดประทัด จุดเทียน เพราะว่าได้ของที่ต้องการอย่างเดียว แม้ในสิ่งที่เราอยู่ในความมืดมนของชีวิต เราต้องจุดเทียนชีวิตให้ได้ จุดแสงธรรมให้ได้ และแน่นอนสิ่งที่พระเยซู เจ้าบอกไว้ในพระวรสารชัดเจนการมาของพระองค์ทำให้คิดถึงการเสด็จสู่สวรรค์ แหงนมองฟ้าไปก็มีทูตสวรรค์ 2องค์ บอกว่า     แหงนฟ้าทำไมพระเยซูไปอย่างนี้ก็จะกลับมา เพราะฉะนั้นเมื่อพระองค์กลับมาเราก้ต้องเป็นเหมือนคนรับใช้ที่คอยนายกลับมา  นายบอกเราแล้วให้ตื่นเฝ้าภาวนา เพื่อไม่ตกในการประจญ  เราต้องเอาใจใส่วิญญาณของ เราให้รอดเพราะเมื่อนายกลับมาจะรับเราไปอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์

2 อย่างที่สรุปอยู่ตรงนี้ก็คือ 1.เราต้องเป็นคนดีมีธรรมและมีคำสอนของพระและ ปฏิบัติตามให้ได้2.พิสูจน์ความดีหรือคำสอนนั้นด้วยความทุกข์ยากลำบากอันนี้ต้องพิสูจน์ เพราะว่าพระเยซูเจ้าแบกกางเขนในขณะที่พระองค์ๆไม่มีบาปแบกไม้กางเขนเพื่อต้องการจะบอกว่า เราต้องชำระจิตใจของเราให้สะอาด เพราะธรรมะจะต้องบริสุทธิ์

พ่อจึงเชิญชวนทุกๆคนด้วย บรรยากาศตรงนี้เป็นคยดีมีธรรมเป็นคนที่พิสูจน์ธรรมะของพระเจ้าแม่ต้องเผชิญความยากลำบากต่างๆและเป็นคนรับใช้ที่จะต้องตื่นเฝ้าอย่าให้ขโมยงัดแงะบ้านของเราได้ ปฏิบัติศาสนกิจให้สม่ำเสมอและต้องไปประกาศข่างด  แม้ว่าจะย้ายไปอยู่ไหนก็แล้วแต่เอาพระเข้าบ้านให้ได้ เอาพระประทับอยู่กับบ้านของเราให้ได้ อยู่ในชีวิตของเราให้ได้ อย่าลืม เช้าค่ำของคุณพระและขอพระพรขอโทษวันเวลากำลังจะล่วงไป    เพื่อเราจะได้หลับพักผ่อนในสันติสุขขอให้ทุกคนเป็นคนรับใช้ที่ดีตื่นเฝ้าและพร้อมที่จะเปิดประตูเมื่อนายกลับมาจากงานมงคลสมรส และทุกคนก็จะได้มีชีวิตกับพระองค์ขอพระเจ้าอวยพระเราทุกๆคน     และ เมตตาบรรพชนของเราที่จากโลกไปแล้วที่บรรจุร่างอยู่ในสุสานแห่งนี้ เพื่อทุกคนจะได้พบกันอีกครั้งหนึ่งในอาณาจักรสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า และพบกันเพื่อที่จะได้อวดว่า เราเป็นคนมีธรรมะเราจะได้รับรางวัลจากพระเจ้าอย่างแท้จริงด้วย