ได้รับการศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนหนองแสง เมื่อจบได้เข้าศึกษาต่อที่บ้านเณรเล็กที่บางนกแขวก ราชบุรี
ขณะนั้นอายุได้ประมาณ 12-13 ปี เป็นเณรอยู่ประมาณ 3-4 ปี ก็ล้มเจ็บลง ต้องมารับการรักษาที่กรุงเทพฯ (เข้าใจว่ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์) ขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ครูคนหนึ่งมาเยี่ยม เห็นเณรสีฟองเหงาจึงชวนไปชมภาพยนตร์ ซิส เตอร์ที่โรงพยาบาลตรวจพบว่าเณรสีฟองหนีออกไปชมภาพยนตร์ จึงได้รายงานคุณพ่อโชแรง ซึ่งเป็นเหรัญญิกของมิสซังกรุงเทพฯ ไปถึงคุณพ่ออธิการบ้านเณร คือคุณพ่อการ์ตอง เณรสีฟองจึงถูกสั่งให้พ้นสภาพเณรและถูกส่งตัวกลับบ้าน
เมื่อกลับมาอยู่ที่วัดหนองแสง นครพนม
สีฟองได้เข้า เรียนต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย โรงเรียนประจำจังหวัดนครพนม จนจบชั้นมัธยม 1 ทางมิสซังขาดครู จึงได้ขอให้สีฟองมาเป็นครูของมิสซัง สีฟองจึงลาออกจากโรงเรียนมาเป็นครู ทางมิสซังขอให้มาสอนที่โรงเรียนวัดสองคอน ครูสีฟองจึงได้ออกเดินทางโดยเรือ ซึ่งสะดวกที่สุดในสมัยนั้น ล่องลงตามลุ่มแม่น้ำโขงมาสอนประจำอยู่ที่วัดสองคอน ตั้งแต่บัดนั้นประมาณปี ค.ศ. 1926 ครูสีฟองแต่งงานกับมารีอาทอง ชาวบ้านเชียงยืน เมื่อปี ค.ศ. 1931/พ.ศ. 2474 มีบุตรธิดารวม 5 คนถูกสังหารเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1940 ขณะนั้นอายุ 33 ปี ครูสีฟองได้แสดงความเชื่อมั่นคงในพระศาสนจักรคาทอลิกอย่างกล้าหาญ เป็นแบบอย่างและเป็นผู้นำผู้อื่นให้มั่นคงในความเชื่อ อันเป็นสาเหตุให้ท่านจบชีวิตด้วยความโหดร้าย นับเป็นวีรกรรมสูงส่งที่ควรยกย่องสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ได้ทรงแต่งตั้งเป็นบุญราศีแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1989/พ.ศ. 2532
|