หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

ประมวลภาพพิธีมิสซาระลึกถึงผู้ล่วงลับ วัดนักบุญเปโตร

โดย...ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

เมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2009 เวลา19.00น. คุณพ่อสำรวยกิจสำเร็จ เจ้าอาวาสวัดนักบุญเปโตร  เป็นประธานในพิธีมิสซาระลึกถึงผู้ล่วงลับในสุสาน ร่วมกับคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช คุณพ่อสุชาติ อุดมสิทธิพัฒนา คุณพ่อเอกชัย โสรัจจกิจ  พร้อมด้วยพระสงฆ์อีก6 ท่าน และบรรดาญาติพี่น้องของผู้ล่วงลับซึ่งวันนี้มาร่วมกันเป็นจำนวนมาก

ปีนี้เป็นพิเศษทางวัดได้มีการปรับปรุงสุสานใหม่บริเวณด้านหน้าพระแท่นจัดให้มีหลังคาและได้จัดเตรียมเก้าอี้สำหรับให้สัตบุรุษมานั่งเพื่อความสะดวก และยังได้จัดทำหนังสือบทเพลงในพิธีมิสซาภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ แจกให้กับผู้ที่มาร่วมพิธีมิสซาด้วย และทางคุณพ่อได้ขอความร่วมมือให้นำหนังสือบทเพลงมาคือเพื่อใช้ในปีต่อๆ   ไปได้ และเพิ่มเติมจากพิธีมิสซาก็คือ  หลังจากพิธีมิสซาแล้วมีวจนพิธีกรรมอุทิศแด่ผู้ล่วงลับต่อในช่วงท้ายโดยมีคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช เป็นประธานวจนพิธีกรรม     เมื่อ เสร็จสิ้นพิธีแล้ว ทางวัดได้จัดเตรียมอาหารว่างและน้ำบริการให้กับพี่น้องที่มาร่วมด้วย  และในทุกๆ  ปีซิสเตอร์คณะพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯก็ได้จัดดอกไม้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสัตบุรุษที่เพิ่งกลับจากทำงาน  ไม่มีเวลาจัดเตรียมดอก ไม้และเทียน ทางซิสเตอร์ก็มีบริการให้กับทุกๆท่านด้วย

และหลังจากเสร็จสิ้นแล้วบรรดากลุ่มเยาวชนวัดนักบุญเปโตร ได้ร่วมมือร่วมใจกันเก็บเทียนและขยะต่างๆเพื่อความเรียบร้อยของสุสาน เป็นกิจกรรมที่ดีที่ทางวัดได้ส่งเสริมให้เยาวชนมีส่วนร่วมกับงานต่างๆของวัดได้รักที่จะช่วยเหลืองานวัด และช่วยกันพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นได้    พิธีในวันนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยความร่วมมมือร่วมใจของพี่น้องสัตบุรุษทุกท่าน

คุณพ่อสำรวยเทศน์ให้ข้อคิด

ในทุกๆปีและทุกๆวันที่ 2 พฤศจิกายนนั้น เป็นวันระลึกถึงผู้ล่วงลับ และวิญญาณ ในไฟชำระทั้งหลายและพวกเราก็ได้มาชุมนุมอยู่ ณ ที่นี้ด้วย  ก็ด้วยจุดประสงค์อันเดียวกัน เพื่อแสดงออกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพวกเราที่มีชีวิตอยู่กับบรรดาเพื่อนพี่น้องของเราที่ล่วงลับไปก่อนหน้านี้แล้ว

พี่น้องที่รัก เราคงพอจะจำบรรยากาศที่นำญาติมิตรของเรา บิดา มารดาของเรา หรือบุคคลที่เรารัก หรือบุคคลที่เรารู้สึกว่าเราโศกเศร้า และนำมาสู่สุสานที่นี่   วันนั้นกับวันนี้บรรยากาศเหมือนกันหรือไม่ พ่อเชื่อว่าบรรยากาศคงจะต่างกัน    เพราะในวันที่เราร่างของบุคคลที่เรารัก จะเป็นใครก็ตามเป็นบิดามารดาเป็นญาติพี่น้องของเรา เป็นสามีของเรา เป็นภรรยาของเรา วันนั้นเรารู้สึกว่าเราโศกเศร้า วันนั้นเราต้องหลั่งน้ำตา   วันนั้นเราต้องเสียใจ และหลายต่อหลายคนรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง  และหมดหวัง    แต่พอระยะ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ อาจจะเป็นปีหรืออาจจะไม่ถึงปี ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่นั้น

หากเราจะทำอะไรเพื่อพระเป็นเจ้าได้บ้าง หากเราจะเสียสละชีวิตของเราเพื่อพระเป็นเจ้าบ้าง หรือเราจะทำส่วนบุญใดๆเพื่อพระเป็นเจ้าบ้าง  หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ที่เราต้องการนั้น จงรีบๆทำเสียเถิด เราอย่าไปหวังในอนาคต เราอย่าหวังว่าคนโน้นคนนี้จะคิดถึงเรา เพราะจะมีคนคิดถึงเราเหมือนกันแต่ไม่มากนัก เวลาที่ผ่านไปนั้นเราไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้   แต่วันเวลาที่ผ่านไปนั้น มันหมายความว่าเราสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป และเวลาเดียวกันก็หมายความว่าเรากำลังเดินใกล้ความตายเข้าไปทุกวันด้วย