หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

  บทเทศน์โดยพระอัครสังฆราช เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช 56 K | dsl

 ผู้แทนสภาอภิบาลกล่าวสุนทรพจน์   56 K | dsl

 พระคุณเจ้ากล่าวปราศรัย 56 K | dsl

  บรรยากาศสวดภาวนาต่อรูปอัครเทวดาราฟาแอล 56 K | dsl

 ประมวลภาพฉลองวัดอัครเทวดาราฟาแอล ปากน้ำ

 

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2009 เวลา 10.30 น. พระอัครสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช เป็นประธานในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ ร่วมกับคุณพ่อประวิทย์ พงษ์วิรัชไชย และคุณพ่ออดิศักดิ์ สมแสงสรวง ในโอกาสฉลองวัดอัครเทวดาราฟาแอล องค์อุปถัมภ์ของชุมชนวัดปากน้ำ วัดหลังปัจจุบันสร้างขึ้น ในสมัยคุณพ่อบุญไทย สิงห์เสน่ห์ (ค.ศ.1962-1979) เป็นตึกสวยงาม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำพิธีเสกเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมค.ศ.1979 โดยพระอัครสังฆราชมีชัย กิจบุญชู
 
บรรยกาาศของการร่วมฉลองวัดในวันนี้ ซึ่งเป็นวัดหยุดนักขัตฤกษ์ คือวันปิยะมหาราช ทำให้มีสัตบุรุษมาร่วมฉลองท่านอัครเทวดาราฟาแอล จำนวนมาก ทางวัดได้จัดเต็นส์ไว้รองรับ ซึ่งติดอยู่กับริมเขื่อน เห็นทัศนีภาพที่สวยงามของเรือเดินทะเล อีกทั้งวันนี้อากาศก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ เพราะมีฝนตกลงมาแต่เช้า รวมถึงบริเวณด้านบนของวัดก็ไม่แออัดจนเกินไป ทำให้รู้สึกสบาย ๆ เมื่อเข้าร่วมในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ 

จากประวัติวัดเดิมชื่อ อารักขเทวดา แต่ได้เปลี่ยนชื่อ เป็น อัครเทวดาราฟาแอล เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ.1937 โดยพระสังฆราชแปร์รอสมาเยี่ยมวัดปากน้ำและได้เซ็นชื่อในบัญชีวัด และเปลี่ยนชื่อวัดจาก "อารักขเทวดา" เป็น "อัครเทวดาราฟาแอล" จึงเป็นที่รู้จักจนถึงปัจจุบัน

ในบทเทศน์  พระคุณเจ้าได้ให้ข้อคิดว่า พระศาสนจักรจัดให้เราฉลองอัครเทวดาทั้ง 3 องค์ พร้อมกัน นักบุญเกโกรี่ พระสันตะปาปา อธิบายให้เราเข้าใจว่า  คำว่า ผู้ส่งข่าว หรือที่เราแปลว่า เทวดา ถ้าจะให้ตรงความหมายมากกว่านั้น น่าจะเรียกว่า “ทูตสวรรค์” ไม่ได้อธิบายธรรมชาติว่า เทวดาคือใคร  แต่บ่งบอกหน้าที่เฉพาะ   เมื่อทำหน้าที่ผู้แจ้งข่าว เราก็เรียกว่า ทูตสวรรค์ จิตเหล่านี้ถ้าทำหน้าที่เล็ก ๆ เราเรียกว่า เทวดา ถ้าได้รับหน้าที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ เราเรียกว่า อัครเทวดา ชื่อเฉพาะของเทวดา เราพอทราบว่า มีกล่าวในพระคัมภีร์  ความหมาย และความหมายของชื่อก็สอดคล้องกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนั้น เช่น มีคาแอล แปลว่า ผู้ที่คล้ายพระเจ้า คาเบรียล แปลว่า ความเข็มแข็งของพระเจ้า และราฟาแอล แปลว่า การบำบัดรักษาของพระเจ้า เพราะราฟาแอล ได้รักษาตาของโตบิตให้หาย

พระผู้เป็นเจ้าได้มอบหมายให้ทูตสวรรค์ได้มอบหมายให้พิทักษ์รักษาพวกเรา ท่านคอยคุ้มครองช่วยเหลือ ตามที่พระบิดาได้มอบหมาย  นอกจากเราจะรู้สึกมั่นใจในความเชื่อแล้ว เรายังสำนึกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ ทรงรักเราอย่างไม่ขอบเขต และได้กอบกู้เราได้พ้นบาป ทรงทำให้เราเป็นอิสระจากบาป อาศัยพระหรรษทานของพระจิต และบรรดาทูตสวรรค์ และสหพันธ์นักบุญที่ช่วยเหลือตลอดเวลา  เราต้องจัดให้พระเจ้ามาเป็นสิ่งแรกในชีวิต และเราจะพร้อมทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า และเราจะปฏิบัติตามท่านอัครเทวดา เหมือนโทบิต ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างเคร่งครัว แต่แล้วท่านก็ได้ที่ได้รับความทุกข์ยากในชีวิต กลายเป็นคนตาบอด แต่พระเจ้าก็ตอบคำอธิฐานของเขาตามวิธีการของพระองค์ โดยส่งทูตสวรรค์ราฟาแอล มานำทางโตบิยาห์ ลูกชายของโตบิต ท่านได้นำให้ไป นำเอาเงินที่โตบิตฝากเอาไว้ และทูตราฟาแอล ทำให้ได้แต่งงานกับนางซาราห์ ที่ไม่มีใครแต่งงานกัีบเธอได้ เพราะคนที่แต่งงานกับเธอก็จะต้องตายด้วยฝีมือของปีศาจ และสุดท้าย ทูตสวรรค์ของราฟาแอล ยังช่วยรักษาตาของโตบิต ให้หายจากตาบอดด้วย

ทูตสวรรค์ ราฟาแอล ได้เผยแสดงถึงความรัก ของพระเจ้า ยังมีข้อสอนใจ เรื่องราวของโทบิต ยังสอนในเรื่องการให้ทาน การช่วยฝังศพผู้ตาย ทำให้ผู้อ่านเข้าใจพันธสัญญาเดิมที่เข้าสู่คำสอนเรื่องความรักต่อเพื่อนมนุษย์ในพระวรสาร และให้ตัวอย่างของครอบครัว เข้าสู่คำสอนเรื่องการแต่งงานแบบคริสตชน บทสอนที่โตบิต ให้แก่ลูกชายเรื่องการตอบแทนค่าแรง คนที่มาช่วยงาน ต้องให้ด้วยใจกว้าง ให้ได้มากกว่า ที่ตั้งไว้ ให้ด้วยความยุติธรรม คริสตชนต้องยึดถือปฏิบัติท่ามกลางสังคมปัจจุบันได้

พี่น้องทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในพระวรสาร เราจะพบพระเจ้าในชีวิต และพบความรักของพระเจ้าในชีวิตของเรา เมื่อเราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีแล้ว พระเจ้าจะจัดสิ่งต่าง ๆให้ลงตัวอย่างเงียบ ๆ  เหมือนท่านอัครเทวดาราฟาแอล

หลังมิสซาผู้อำนวยการสภาอภิบาล  กล่าวรายงานต่อพระคุณเจ้าว่า “หากพิจารณาจากโครงสร้างภายนอกแล้ว มีสิ่งสร้างเกิดขึ้นใหม่ ๆ เป็นจำนวนมาก ทุกสิ่งได้รับการปรับปรุง หรือ เจริญขึ้น อาคารเรียนหลังใหม่ ถนนใหม่ และสิ่งใหม่ ๆที่จะตามมา ในท่ามกลางความใหม่เหล่านี้ พวกรู้ได้เรียนรู้ว่า หากต้องการเปลี่ยนชีวิตของตนให้ดีขึ้น พวกลูกจำเป็นต้องละทิ้งชีวิตเก่า เพื่อบังเกิดชีวิตใหม่ ภายใต้การอภิบาลของพระคุณเจ้า จะร่วมแรงร่วมใจ ไปพร้อมๆ ไป ไม่ใช่แต่สิ่งภายนอกเท่านั้น” ขอพระเป็นเจ้าอวยพรแด่พระคุณเจ้าครับ

บทภาวนาต่ออัครเทวดาราฟาแอล

ข้าแต่อัครเทวดาราฟาแอลผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านรับใช้ใกล้ชิดพระบัลลังก์ของพระเจ้า และเป็นผู้เสนอคำภาวนาของลูกทั้งหลาย ลูกวางใจในท่านในฐานะที่ท่านเป็นผู้เสนอวิงวอน และผู้นำสารพิเศษของพระเจ้า ลูกขอมอบตัวไว้ในความอุปถัมภ์ของท่าน และปรารถนาที่จะรักและเชื่อฟังท่าน ดังเช่นที่โทบิยาห์ได้เชื่อฟังคำแนะนำของท่าน ลูกขอมอบร่างกาย วิญญาณ การงานและชีวิตของลูกทั้งสิ้นไว้ในคำเสนอวิงวอนของท่าน ขอท่านเป็นผู้นำทาง และผู้แนะนำลูกในความยากลำบาก อุปสรรคอันตราย และปัญหาต่าง  ๆ ที่ลูกจะประสบในชีวิต

ขอโปรดรักษาลูกจากความเจ็บป่วยทั้งฝ่ายกายและวิญญาณโปรดเสนอวิงวอน พระเป็นเจ้าเป็นพิเศษเพื่อผู้เจ็บป่วยในครอบครัวและในชุมชนคริสตชนของลูก รวมทั้ง ผู้ที่ทนทุกข์ทรมาน เพราะความเจ็บไข้ในโลกให้ได้รับความบรรเทาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

ขอโปรดให้ลูกซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เหมือนที่ท่านได้ซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์ ลูกวิงวอนท่าน โปรดช่วยลูกให้ดำเนินชีวิตในโลกนี้ โดยต่อสู้กับปีศาจและความชั่วร้ายต่างๆ  โปรดนำลูกให้เดินทางอย่างปลอดภัย บนหนทางแห่งสันติภาพ และความรอดพ้น โปรดนำคำภาวนาของลูกถวายแด่พระเจ้า และโปรดเสนอวิงวอนพระเจ้าเพื่อลูกด้วย

ที่สุด โปรดช่วยลูกให้รักและรับใช้พระเจ้า ด้วยความซื่อสัีตย์จนตลอดชีวิต ให้ลูกสิ้นใจในพระพร เพื่อลูกจะได้พบพระพักตร์พระองค์ และมีสันติสุขนิรันดรกับพระองค์ในเมืองสวรรค์ อาแมน

ปี 2009  วัดอัครเทวดาฟาแอล หลังปัจจุบันมีอายุ 36 ปี มีคุณพ่อวิทยา ลัดลอยเป็นเจ้าอาวาส  และมีคุณพ่อวินัย    ฤทธิบุญไชยเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส

ภาพนี้สวยครับ มองแล้วเห็นถึงความกตัญญูของลูกที่มีต่อบิดาครับ ภาพนี้นำมาจากอินเทอร์เน็ต

ในโอกาสที่เรามาฉลองวัดอัครเทวดาราฟาแอล อยากให้ท่านได้รู้จักกับ อัครเทวดาราฟาแอล ครับ

ราฟาแอล มีความหมายว่า “โอสถของพระเจ้า” หรือ “พระเจ้าได้ทรงรักษาให้หาย” ท่านมักแต่งตัวเหมือนนักเดินทาง และมีไม้เท้า ท่านเป็นผู้ดูแลสุขภาพ และ ขจัดอุปสรรค ต่างๆ ของบรรดาผู้ที่เดินทาง ท่านยังได้รับสมญานามว่าเป็น เทวดาแห่งความรักและความชื่นชมยินดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อว่า ท่านเป็นผู้ ไปแจ้งข่าวการประสูติของพระเยซู แก่คนเลี้ยงแกะ อีกด้วย

เรื่องราวของท่านปรากฏอย่างเด่นชัดในหนังสือพระคัมภีร์ไบเบิ้ลสาระบบรอง คือหนังสือโทบิต

ครอบครัวโทบิต (700 ปีก่อนคริสตกาล)

ที่เมืองซามาเรีย ในภาคกลางของประเทสอิสราเอล  มีครอบครัวหนึ่งซึ่งสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า    และพระธรรมบัญญัติของพระองค์โดยเคร่งครัด  คือ ครอบครัวของโทบิต ผู้บิดา, อันนาผู้มารดา และ  โทบิยาบุตรชาย

วันหนึ่ง กองทัพของประเทศอัสสิเรีย ได้ยกมาตีเมืองซามาเรียได้ ครอบ ครัวโทบิต  และชาวอิสราเอลมากมาย   ถูกกวาดต้อนไปอยู่ที่เมืองนีนะเวในประเทศอัสสิเรีย (ประเทศอิรักปัจจุบัน) ต่อมาเมื่อพระจ้าเซนาเคริบขึ้นครองประเทศ พวกเขาเริ่มถูกเบียดเบียนนานาประการ เป็นต้นทางศาสนา จนชาวอิสราเอลส่วนมากต้องยินยอมทำพิธีทางศาสนาอื่น แต่ครอบครัวโทบิตคงเคร่งครัดในการถือตามขนมธรรมเนียมของบรรพบุรุษต่อไป ท่านกลัวบาปยิ่งกว่าภยันตรายใด ๆ ทั้งมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ทำบุญให้แก่เพื่อนร่วมชาติที่ยากจน ตามมีตามเกิดเสมอ

มีกฎหมายห้ามฝังศพชาวอิสราเอลที่ถูกฆ่าตาย แต่ให้ทิ้งไว้เป็นเหยื่อแร้งกา  ถ้าใครบังอาจ ฝ่าฝืนคำสั่งนี้ จะต้องรับโทษอย่างหนัก วันหนึ่ง โทบิตใช้โทบิยาบุตรชายไปเชิญคนร่วมชาติที่ยากจนคนหนึ่ง ให้มาร่วมรับประทานอาหารเที่ยง  เมื่อโทบิยากลับมา ได้แจ้งให้บิดาทราบว่า พี่น้องร่วมชาติคนหนึ่งเพิ่งถูกฆ่า ศพยังทิ้งอยู่กลางตลาด  พอโทบิตได้ยินดังนั้น ก็พักการรับประทานอาหารไว้ทันที และรีบไปแบกศพจากตลาดมาซ่อนไว้ที่บ้านของตน พอตะวันตกดิน ก็จัดแจงขุดหลุมฝังศพนั้น โดยไม่กลัวว่า เจ้าหน้าที่จะมาจับตัวไปลงโทษ

ค่ำวันนั้นโทบิตไปนอนงีบชิดกำแพงลานบ้าน ที่โพรงกำแพงมีนกกระจอกอยู่หลายตัว บังเอิญมูลนกตกลงมาเข้านัยน์ตาโทบิต ทำให้ตามีเยื่อขาวขึ้น ท่านไปหาหมอรักษาแต่ไม่ได้ผล ที่สุดนัยน์ตาสองข้างก็บอด มองไม่เห็นอะไรเลย   ข่าวที่โทบิตทำผิดกฎหมายโดยฝังศพผู้ตายนั้น  ทราบไปถึงพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ จึงมีรับสั่งให้ทหารไปริบทรัพย์สมบัติของโทบิต

บัดนี้ ครอบครัวโทบิตยากจนมาก นางอันนาจึงต้องรับจ้างปั่นฝ้ายทอผ้า เพื่อหารายได้มาเลี้ยง ครอบครัว วันหนึ่ง นางเอาผ้าที่เศรษฐีคนหนึ่งสั่งให้ทอไปส่ง นอกจากได้ค่าผ้าแล้ว นางยังได้ลูกแพะตัวหนึ่งเป็นบำเหน็จ เมื่อโทบิตได้ยินเสียงลูกแพะร้อง  ก็สงสัยคิดว่า  เป็นของขโมย จึงบอกภรรยาให้เอาไปคืนเจ้าของเสีย นางก็ตอบด้วยความไม่พอใจว่า “เป็นบำเหน็จที่เขาให้ต่างหาก”

แต่โทบิตยังไม่ยอมเชื่อ   นางจึงตอบประชดว่า “แล้วบำเน็จที่ท่านได้ทำล่ะอยู่ที่ไหน?  บุญกุศลของ ท่านหายไปไหนหมดล่ะ? ใครๆ ก็รู้กันว่า การทำดีของท่านให้ผลตอบแทนอย่างไร จนก็จน ตาก็บอด”

 โทบิตได้ฟังแล้วรู้สึกระทมทุกข์  ถอนใจใหญ่ ร้องไห้ อยากจะตายเสียให้สิ้นเรื่อง แต่ยังไว้ใจ พระเจ้า พลางภาวนาว่า

“ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงยุติธรรม พระองค์ทรงพิพากษาโลก บัดนี้ ขอทรงระลึกถึงข้าพเจ้า โปรดทอดพระเนตรมายังผู้รับใช้ของพระองค์   โปรดอย่าลงโทษเพราะบาปของข้าพเจ้าเวลานี้ ขอพระองค์ทรงกระทำต่อข้าพเจ้า ตามแต่ทรงพอพระทัย โปรดเอาชีวิตข้าพเจ้าไปเสีย เพราะสำหรับ ข้าพเจ้า ตายดีกว่าอยู่เผชิญกับความทุกข์เหลือที่จะทนทานต่อไป ข้าพเจ้าได้รับฟังแต่คำสบประมาทด่าว่าจนเหลือระอาแล้ว…”


เพื่อนที่ห่างไกล

เมื่อสมัยที่โทบิตยังมีฐานะดี มีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อ กาบาเอลที่เมืองเมเดีย. และเคยฝากเงินจำนวนหนึ่งไว้กับกาบาเอล พร้อมกับทำหนังสือฝากเงินตามกฎหมาย  
 
บัดนี้ โทบิตชราแล้ว ท่านรู้สึกว่า อีกไม่นานจะต้องตาย ท่านอยากจะให้คำตักเตือนสุดท้ายแก่บุตรชาย  คือโทบิยา และแจ้งให้ทราบถึงเรื่องที่ได้ฝากเงินไว้กับกาบาเอล พร้อมกับขอร้อง ให้ลูกไปขอเงินคืน เพราะครอบครัวต้องการใช้เงิน ท่านเรียกโทบิยามาหา แล้วกล่าวว่า


พ่อดีสอนลูก

“ลูกรัก  เมื่อพ่อตายแล้ว   จงฝังศพพ่อโดยสมควร  จงนับถือแม่  อย่าทิ้งแม่เลยเป็นอันขาด จงทำสิ่งที่แม่ชอบ อย่าทำอะไรที่จะเป็นเหตุให้แม่เสียใจ ลูกเอ๋ย พึงระวังว่า แม่ได้ฟันฝ่าอุปสรรคมากมายสักเพียงไรเพื่อลูก เมื่อแม่ตาย จงฝังศพไว้ข้างๆ ศพพ่อเถิด

“ลูกเอ๋ย จงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าเสมอทุกวัน  อย่าจงใจทำบาปฝ่าฝืนธรรมบัญญัติของพระองค์ จงทำคุณงามความดีเสมอตลอดชีวิต  อย่าเดินไปในทางที่ผิด  เพราะว่า ถ้าลูกเป็นคนซื่อตรง กิจการทุกอย่างของลูกจะสำเร็จ ดังที่ทุกคนประสบความสำเร็จเมื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง

“จงแบ่งทรัพย์ส่วนหนึ่งไว้แจกเป็นทาน  อย่าเมินหน้าหนีคนยากจนเลย แล้วพระเจ้าจะไม่หัน พระพักตร์หนีลูก   จงทำทานตามกำลังทรัพย์  มีมากทำมาก มีน้อยทำน้อย อย่าใจแคบในการให้ทาน เลย  การให้ทานเป็นการสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับวันขัดสนข้างหน้า เพราะการให้ทานช่วยให้พ้น จากความตาย และมิให้ถลำลงในความมืด

“ลูกเอ๋ย ระวังอย่างประพฤติเลวทรามต่ำช้า จงเลือกภรรยาที่เป็นเชื้อสายเดียวกันกับบรรพ บุรุษ อย่ามีภรรยาเป็นคนนอกเผ่าของพ่อ เพราะเราเป็นลูกหลานของประกาศก

“อย่าผัดผ่อนการจ่ายเงินค่าจ้างแก่ลูกจ้างจนถึงวันรุ่งขึ้นจงจ่ายค่าจ้างทันที ถ้าลูกรับใช้พระเจ้า พระองค์จะประทานรางวัลแก่ลูก อย่าทำแก่ผู้อื่นในสิ่งที่ลูกไม่อยากให้เขาทำแก่ลูก อย่าดื่มสุราเมามาย อย่าดำเนินชีวิตที่มิรู้จักประมาณตน จงให้ข้าวแก่คนที่หิวโหย  ให้เสื้อผ้าแก่คนขัดสน เมื่อลูกทำทาน อย่าตีหน้าแสดงว่าเสียดาย

“จงฟังคำแนะนำของผู้ที่มีความรู้  อย่าดูหมิ่นโอวาทใดที่เป็นประโยชน์ในทุกกรณี   จงถวายพรแด่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงนำทางลูก ช่วยลูกให้ลุถึงจุดหมาย และในการงาน ของลูก  พระเจ้าเป็นผู้ทรงประทานสิ่งทีดีทั้งปวง พระองค์จะทรงยกขึ้น หรือกดให้ต่ำลง ตามน้ำพระทัยพระองค์

“ลูกเอ๋ย บัดนี้ ให้จดจำคำเหล่านี้ไว้ อย่าปล่อยให้เลือนหายไปจากจิตใจของลูก

“ลูกเอ๋ย เรากลับเป็นคนจนเสียแล้ว แต่ลูกจะเป็นคนร่ำรวย ถ้ามีความยำเกรงพระเจ้า ลูกจง หลีกเลี่ยงการบาปหยาบช้า จงกระทำแต่ความดีเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเสมอ”


ผู้นำทางลึกลับ

โทบิยาไม่รู้ จักกาบาเอล และไม่รู้จักทางไปแคว้นเมเดีย จึงออกไปหาคนนำทาง ก็พบชายหนุ่มคนหนึ่ง ชื่ออาซาเรีย โทบิยาถามเขาว่า “คุณรู้จักทางไปแคว้นเมเดียไหม?”

อาซาเรียตอบทันทีว่า “ผมรู้จักทางนี้เป็นอย่างดี เพราะเคยไปมาหลายครั้งแล้ว”

โทบิยาจึงพาชายผู้นั้นไปหาบิดา อาซาเรีย กล่าวคำอวยพรว่า “ท่านจงมีความสุขเถิด”

โทบิตตอบด้วยอาการเศร้าโศกว่า “ข้าพเจ้าจะมีความสุขได้อย่างไร นัยน์ตาก็บอด เหมือนคน ที่ถูกฝังทั้งเป็น ได้ยินเสียงคนแต่ไม่เห็นคนพูด”

อาซาเรียปลอบโยนว่า “อย่าเศร้าโศกไปเลย หากพระเจ้าทรงพอพระทัย  ก็จะโปรดให้ท่านหายได้”

โทบิตยินยอมให้อาซาเรียเป็นผู้นำทางบุตรชาย  ทั้งรับรองว่า ถ้าเขาทั้งสองเดินทางกลับโดย สวัสดิภาพ ท่านจะให้ค่าจ้างสูงกว่าที่ได้ตกลงกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น  โทบิยาอำลาบิดามารดา   แล้วออกเดินทางไปกับอาซาเรีย มีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งขึ้น หน้าไปด้วยกันตลอดทาง



จับปลาใหญ่

เวลาเย็น ทั้งสองมาถึงฝั่งแม่น้ำไทกริส โทบิยาแหย่เท้าลงไปในน้ำเพื่อจะล้าง บัดดลนั้นเอง ปลาใหญ่ตัวหนึ่งผุดขึ้นมา ทำท่าจะกัดโทบิยา อาซาเรียสั่งให้จับปลาตัวนั้นไว้

เมื่อโทบิยาลากปลาขึ้นมาบนตลิ่ง อาซาเรียสั่งต่อไปว่า

“ผ่าท้อง   ตัดเอาดี  หัวใจ และตับเก็บไว้  เพราะดี หัวใจ  และตับปลา เป็นยามีสรรพคุณ” โทบิยาทำตามทุกอย่าง

ขณะที่กำลังเดินทางต่อไปนั้น  โทบิยาถามอาซาเรียว่า  “พี่อาซาเรีย ดี หัวใจ และตับปลาเป็น ยามีสรรพคุณอย่างไร?”

อาซาเรียตอบว่า “เมื่อเผาหัวใจ และตับปลา ควันจะมีสรรพคุณ สามารถรักษาโรคบางอย่าง ได้ เป็นต้นโรคที่ถูกปีศาจรบกวน อาการของโรคจะหายไปหมด ส่วนดีปลานั้น ใช้ทาตาที่มีเยื่อขาวปิดอยู่”


นางซาราห์ แห่งเมืองเอกบาตานา

เอกบาตานา เป็นเมืองใหญ่ในแคว้นเมเดีย(ประเทศอิหร่านปัจจุบันนี้) ห่างจากนีนะเวประมาณ 400 กม. ที่เมืองนี้มีครอบครัวที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าอยู่ครอบครัวหนึ่ง คือ ครอบครัวของรากูเอล ญาติของโทบิต นั่นเอง รากูเอลมีบุตรสาวคนหนึ่ง ชื่อซาราห์ เคยแต่งงานถึง 7 ครั้งแล้ว แต่เคราะห์ร้าย สามีทั้ง 7 คนนั้น ได้ตายไปในวันแรกแห่งการแต่งงานนั่นเอง  ใครๆ ก็คิดว่า ปีศาจอัสโมเดเป็นผู้ฆ่าสามีเธอ พวกคนใช้พากันเยาะเย้ยนางซาราห์บ่อยๆ เพราะเคราะห์กรรมดังกล่าว


วันหนึ่ง ซาราห์เศร้าเสียใจ ร้องไห้ขึ้นไปในห้องบิดา ภาวนาว่า

“ข้าแต่พระเจ้าผู้เมตตา ลูกขอถวายพระพร บัดนี้ลูกยกตาเล็งแลมายังพระองค์ พระเจ้าข้า พระ องค์ทรงทราบว่า  ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์ ในกรณีที่ได้อุบัติขึ้นนี้  หรือว่าลูกไม่สมกับสามี หรือสามีไม่สมกับลูก หรือบางทีพระองค์ทรงสงวนตัวลูกไว้สำหรับสามีอื่นก็อาจเป็นได้ ลูกสูญเสียสามี 7 คนแล้ว ลูกจะ มีชีวิตต่อไปอีทำไมเล่า  หากพระองค์ทรงพอพระทัย ขอโปรดทอดพระเนตรอันพระทัยปรานีลูกด้วย เถิด ลูกไม่อยากได้ยินคำเหยียดหยามอีกต่อไปแล้ว”


อาซาเรียจัดการหาคู่ให้โทบิยา

เมื่ออาซาเรีย และโทบิยา เดินทางไปใกล้เมืองเอกบาตานา แทนที่จะเดินต่อไปถึงเมืองราแยส อาซาเรียเสนอว่า

“คืนนี้ เราควรไปค้างคืนที่บ้านรากูเอล เขาคงจะยินดีต้อนรับ เพราะเป็นญาติของเธอ” แล้ว  เสนอต่อไปอีกว่า

“เธอควรขอซาราห์มาเป็นภรรยา เธอเป็นสาวสวยและฉลาด  จำได้ไหม พ่อเคยเตือนเธอว่า อย่ามีภรรยาที่เป็นคนนอกเผ่า พ่อของเธอเป็นญาติของเขา จึงมีสิทธิ์รับมรดกของรากูเอล เพราะเขามีบุตรสาวคนเดียวคือซาราห์นี้เอง”

โทบิยาฟังดังนั้น รู้สึกหวาดกลัวกล่าวว่า  “มีข่าวลือกันทั่วไปว่าซาราห์คนนี้เคยแต่งงานกับชาย ถึง 7 คนแล้ว และปีศาจได้ฆ่าสามีทั้ง 7 คนนั้น ผมจะแต่งงานกับเธอ จะไม่จบชีวิตอีกคนหนึ่งหรือ?”

อาซาเรียรับรองว่า “จงรับซาราห์เป็นภรรยาเถอะ แต่เธอจะต้องทำดังนี้ในคืนแต่งงาน เธอจงเอาหัวใจปลาและส่วนหนึ่งของตับทิ้งเข้าไปในเตาไฟที่เขาจุดเผาเครื่องหอม พอปีศาจได้กลิ่น จะหนีไปและไม่กลับมาอีก  อย่ากลัว เพราะพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้ ซาราห์ เป็น ภรรยา ของเธอ”

เมื่อทั้งสองไปถึงบ้านรากูเอล เมื่อรากูเอลทราบว่าโทบิยา ลูกของ โทบิต รากูเอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ น้ำตาไหลรินพร้อมกับกล่าวว่า

“พ่อเธอเป็นคนดีจริงๆ เคราะห์ร้ายที่คนซื่อตรงและใจกว้างขวางดังนี้ ต้องกลับกลายเป็นคน ตาบอดเสีย”

เมื่อไปนั่งโต๊ะรับประทานอาหารค่ำ โทบิยาบอกอาซาเรียให้ขอร้องรากูเอลเรื่องยกนางซาราห์ มาเป็นภรรยา รากูเอลได้ยินดียกให้

ในคืนแต่งงาน โทบิยาพร้อมกับซาราห์ไปที่เตาไฟทิ้งหัวใจและส่วนหนึ่งของตับปลาลงไปในไฟ  ทันใดนั้น   ปีศาจก็หนีออกจากบ้านรากูเอล และคืนนั้นไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้น โทบิยาและซาราห์คุกเข่าลง สวดภาวนาขอบคุณพระเจ้า

รุ่งเช้า เมื่อทุกคนเห็นว่า  โทบิยายังมีชีวิตอยู่ ก็พากันดีใจและสรรเสริญพระเจ้า


เพื่อนร่วมทางไปทวงเงินให้

รากูเอลขอให้โทบิยาค้างแรมต่อไปสัก 14 วัน โทบิยาขอร้องอาซาเรียให้ไปทวงเงินจากกาบาเอลที่เมืองราแยส และเชิญท่านให้มาร่วมงานวิวาหมงคล พร้อมกับมอบใบฝากเงินให้เอาไปแสดงเป็นหลักฐาน


อาซาเรีย, โทบิยา และซาราห์กลับบ้าน

เมื่อครบ 14 วันแล้ว อาซาเรียกลับมา รากูเอลได้แบ่งทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ครึ่งหนึ่งให้แก่โทบิยา และ ซาราห์คือ. มอบเงินทอง เครื่องใช้สอย วัว แพะ แกะ อูฐ หลายตัว พร้อมกับคนใช้สี่คน. ให้กลับไปพร้อมโทบิยาด้วย

เมื่อถึงกาเซริน ซึ่งเป็น เมืองใกล้นีนะเว อาซาเรียบอกโทบิยาว่า

“เราสองคนควรเดินไปก่อน ไปเตรียมจิตใจบิดามารดาต้อนรับซาราห์ภรรยาของเธอ ส่วนซาราห์ ให้ตามไปทีหลัง” แล้วสั่งโทบิยาให้เอาดีปลาไปด้วย เจ้าสุนัขเดินนำหน้าเช่นเดิม
 
ส่วนบิดามารดาของโทบิยา กำลังคอยบุตรชายด้วยความเป็นห่วง เช้าวันหนึ่ง อันนานั่งอยู่ที่หน้าบ้านเฝ้าดูทางที่บุตรชายจะกลับ นางเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังเดินใกล้เข้ามา มีสุนัขวิ่งนำมา นางแน่ใจว่าเป็นบุตรชายกับเพื่อน จึงร้องขึ้นว่า“ลูกกับเพื่อนมาแล้ว”


เห็นหน้าลูกอีกครั้ง

โทบิต ลุกขึ้นจากเก้าอี้  เดินโซเซจะไปหา โทบิยาเดินตรงมาหาบิดา กอดท่านด้วยความรัก แล้วเอาดีปลาใส่ที่ตา ทันใดนั้น โทบิตร้องขึ้นว่า

“ลูกเอ๋ย พ่อมองเห็นลูกแล้ว ขอพระเจ้าจงได้รับพระพร พระองค์ทรงเมตตา แล้ว ข้าพเจ้าจึงเห็นโทบิยาลูกชายอีก” แล้วพึมพำต่อไปด้วยน้ำตาไหลริน



ฝ่ายโทบิยาเล่าให้บิดามารดาฟังถึงเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินทาง ทั้งเรื่องได้เงินคืนมา และได้แต่งงานกับซาราห์ บุตรสาวของรากูเอล โทบิตและอันนาดีใจเหลือล้น รีบพากันไปต้อนรับซาราห์ที่ประตูเมือง ชาวนีนะเวเมื่อเห็นโทบิตเดิน ไปได้โดยไม่ต้องมีใครจูง รู้สึกแปลกใจมาก โทบิตประกาศต่อหน้าทุกคน ที่เขากลับมองเห็นได้ ก็เพราะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าโปรดให้หาย

เมื่อโทบิตต้อนรับลูกสะใภ้  ญาติสนิท  มิตรสหายทุกคน  ต่างปิติยินดีที่โทบิยาได้กลับมา, ที่โทบิตได้หายตาบอด และที่ ซาราห์ได้มาเป็นภรรยาของโทบิยา บัดนี้ ครอบครัวของโทบิยาได้กลับกลายเป็นคนมีฐานะดีเสียใหม่ เพราะทรัพย์สินที่โทบิยาและซาราห์ได้นำมาจากเอกบาตานา


ไม่ลืมเพื่อน

โทบิยาปรึกษากับบิดาว่า “เราควรแบ่งทรัพย์สินที่ลูกได้มาจากเอกบาตานาให้พี่อาซาเรียครึ่งหนึ่ง ท่านได้นำทางผมทั้งไปและกลับอย่างปลอดภัย ท่านได้ช่วยทวงเงินจากกาบาเอลที่เมืองราแยส และช่วยเก็บรักษาไว้ให้ตลอดเวลา ท่านยังได้ช่วยขับไล่ปีศาจร้ายออกจากซาราห์ ได้จัดการให้เขามาเป็นภรรยาของลูก และยังได้รักษานัยน์ตาของพ่อ ทำให้ทุกคนในครอบครัวเรามีความสุข”


อาซาเรียเผยตัว

อาซาเรียจึงเชิญโทบิต และบุตรชายมาคุยลำพัง แล้วกล่าวว่า

“จงถวายสดุดีแด่พระเจ้าโดยไม่หยุดหย่อนเถิด  พึงทราบว่าเมื่อท่านและนางซาราห์ภาวนาต่อพระเจ้า  เราเอง เป็นผู้นำคำอ้อนวอนของท่านขึ้นถวายเฉพาะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า  เมื่อท่านฝังศพ และเมื่อท่าน ไม่ลังเลลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร  เพื่อแบกศพมาฝัง เราก็ถวายบุญกุศลนั้นแด่พระเจ้าเช่นเดียวกัน การกระทำอันดีงามของท่านนั้นข้าพเจ้าทราบดีเพราะข้าพเจ้าอยู่กับท่าน บัดนี้พระเจ้าได้ทรงส่งข้าพเจ้าให้มารักษาท่านและซาราห์สะใภ้ของท่าน

“ข้าพเจ้าคือราฟาเอล  อัครเทวดาองค์หนึ่งในจำนวน 7 องค์ ซึ่งพร้อมอยู่เสมอที่จะเฝ้ารับ ใช้ต่อหน้าพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์”

เมื่อสองพ่อลูกได้ฟังดังนั้น  รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก กราบลงกับพื้นดิน แต่อัครเทวดา ราฟาเอลปลอบโยนว่า

“อย่ากลัวเลย ท่านจะปลอดภัย จงสรรเสริญพระเจ้าตลอดไปเหตุว่าข้าพเจ้ามิได้ตัดสินใจมาเอง แต่ข้าพเจ้ามาด้วยเดชะพระประสงค์ขององค์พระเจ้า ดังนั้น ท่านจงสรรเสริญพระองค์ตลอดกาล ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ข้าพเจ้าเพียงแต่ปรากฏตัวมาให้ท่านเห็นเท่านั้นโดยมิได้กินหรือดื่ม ท่านเพียงแต่เห็นภาพนิมิตเท่านั้น บัดนี้ขอให้ท่านขอบพระคุณพระเจ้า เพราะข้าพเจ้ากำลังจะกลับไปหาพระองค์ผู้ได้ทรงส่งข้าพเจ้ามา ท่านจงจารึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นลงในหนังสือ”


ทั้งสองลุกขึ้น ไม่ได้เห็นท่านอีก จึงสรรเสริญพระเจ้า และกิจการอันน่ามหัศจรรย์ที่ได้ทำต่อพวกเขา และประกาศยอมรับว่า ทูตสวรรค์ของพระเจ้าปรากฏมาช่วยเหลือพวกเขา

ที่มา : จากเว็บไซต์ www.santoninogame.com