หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ฝ่ายอภิบาล ( ศูนย์คำสอนอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ )  จัดฉลองครบรอบ 34 ปี ศูนย์คริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ณ อาคารคาทอลิกแพร่ธรรม

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2009 เวลา 11.00 น. คุณพ่อสุพจน์ ฤกษ์สุจริต เป็นประธาน ถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณ โอกาสฉลองครบรอบ 34 ปี แห่งการก่อตั้งศูนย์คริสตศาสนธรรม อัครสังฆมฑลกรุงเทพฯ ฝ่ายงานอภิบาล ณ อาคารคาทอลิกแพร่ธรรม โดยมีเจ้าหน้าที่จากฝ่ายอภิบาล และฝ่ายธรรมทูต เข้าจำนวน 30 คนเข้าร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ

คุณพ่อสุพจน์ ฤกษ์สุจริต ให้้ข้อคิดในโอกาสฉลองครบรอบ 34 ปี ศูนย์คริสตศาสนธรรมว่า

“ โอกาสฉลองครรอบ 34 ปี แผนกคริสตศาสนธรรม หรือ แผนกคำสอน พ่อจำได้ว่า สมัยนั้นพ่อได้มาฝึกงาน และเห็นที่ทำงาน อยู่บริเวณบ้านพักพระสงฆ์ ของอาสนวิหารอัสสัมชัญ จนถึงวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ ณ อาคารคาทอลิกแพร่ธรรม  เมื่อมีอายุ 34 ปี ก็เหมือนได้เข้าสู่ช่วงของวัยรุ่นหนุ่มสาว อยู่ในช่วงที่กำลังสมบูรณ์ ผ่านร้อน ผ่านหนาว อย่างมากมาย 

งานคำสอนถือว่าเป็นงานที่สำคัญของศาสนาคริสต์ คำสอนของพระเยซูเจ้าจะดำรงอยู่ได้ต้องอาศัยผู้ที่สืบทอดงาน และผู้ที่ศรัทธาในคำสอนของพระองค์ ศรัทธาในวิถีชีิวิตของพระเยซู คำสอนของพระองค์ จะนำความสันติสุข นำความสุข มาสู่เรา ที่พ่อเรียกว่า “ศรัทธา”

การมองเห็นการดำเนินชีวิตของพระเยซู และ ดำเนินชีวิตด้วยความศรัทธาที่มีต่อพระเยซู เราเห็นคำสอนของพระองค์ พวกเขาจะเห็นคุณค่าของพระเยซูไม่ได้เลย ถ้าเขาไม่ศรัทธา พ่อถือว่าเป็นประเด็นที่สำคัญ

การสอนคำสอนในแง่ของการสืบทอดงานของพระเยซูเจ้า โอกาสนี้เราจึงต้องนำมาคิด มาพิจารณา เป็นเป้าหมายสำคัญ มีคนจำนวนหนึ่งใฝ่หา แสวงหา และอยากจะรู้จักพระเยซูเจ้า เขาอยากดำเนินชีวิตเหมือนกับชาวคริสต์ เขามาขอเรียนคำสอน เพราะสิ่งที่เขาได้สัมผัสและสิ่งที่เห็นภายนอก เขาอยากจะสรรเสริญพระเจ้าเหมือนกับเรา และการที่เขาก้าวเข้ามา “งานคำสอนจึงเป็นประตูแรกที่จะนำทางให้เขาได้รู้จักกับพระเจ้า”
 

บางคนเข้ามาเพราะตั้งใจจริง ที่อยากจะมาดำเนินชีวิตตามพระเยซู  ส่วนบางคนเข้ามาด้วยข้อเรียกร้องทางสังคม เช่นการแต่งงาน เพื่อเข้าถือศาสนาตามคู่สมรส  สำหรับคนที่เข้ามาด้วยตัวเองและแรงจูงใจ เราจะมีวิธีการนำเอาคำสอนของพระเยซูเจ้าไปใช้อย่างไร จึงจำเป็นต้องมีผู้ถ่ายทอด เพื่อทำให้เขาได้รับความศรัทธา เชื่อมั่นนั้น จึงเป็นแก่นของคำสอน ซึ่งแผนกคำสอนจะมีวิธีการต่าง ๆ อะไร เพื่อสร้างความกระตือรือล้นเพื่อช่วยพวกเขาให้ได้แสวงหาพระเจ้าอย่างไรต่อไป

บางคนเข้ามานับถือศาสนา แต่อาจเจอวิกฤติในชีวิต เจออุปสรรคที่ทำให้ต้นแห่งความเชื่อ ไม่มั่นคง จึงต้องถามเน้นว่า เราจะมีกระบวนการให้ความเชื่อคงอยู่ต่อไป อย่างต่อเนื่องบ้าง
จะทำอย่างไรให้ผู้ที่เข้ามาสัมผัสมีความกระตือรือล้น แต่ไม่มากจนเกินไป  ในปัจจุบันนี้ เรามีเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนและเอื้ัอต่องานคำสอนมากมาย ให้เราลองดูว่า อย่างไหนเหมาะสมกับงานคำสอน

การสอนคำสอนผู้ใหญ่ มีคำถามมากกมายที่ตอบปัญญาชีวิตของพวกเขาได้ การสอนแบบตัวต่อตัว เป็นการเน้นหนัก และให้ความสนใจเป็นพิเศษ พ่อกำลังมองว่า แก่นแท้ของการสอนคำสอน น่าจะอยู่ที่สอนถึงคำสอนของพระเยซู มากกว่าการสอนพระบัญญัติ และมองว่าอะไรคือ บาป เพีียงเท่านั้น  เราต้องเน้นให้ครูคำสอนเป็น ครูคำสอนพันธุ์แท้ ที่เชื่อมัน ศรัทธา ในการสอนคำสอนของพระเยซูจริงๆ ซึ่งพ่อมองว่าในโลกนี้ ก็ยังไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบ

โอกาสนที่จะฉลองครบรอบ 34 ปี ในวันที่ 6 กันยายน นี้ งานคำสอนจึงเป็นงานแรกที่สำคัญของพระศาสนจักร เป็นงานที่น่าภาคภูมิใจ ขอพระเป็นเจ้าโปรดอวยพรแก่กิจการงาน ของงานคำสอน รวมถึงอวยพรครูำคำสอนทุกท่านด้วย

ปัจจุบัน ( ปี 2009 )   ผู้จัดการแผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ คือ คุณพ่อเอกรัตน์ หอมประทุม บุคคลากรในแผนกคริสตศาสนธรรม จำนวน 11  คน  แผนกคริสตศาสนธรรม ( ศูนย์คำสอนกรุงเทพฯ ) ตั้งขึ้น ตึ้งแต่วันที่ 6 กย .1975 - 6 กย 2009 ปัจจุบันดำเนินการมาแล้ว 34 ปี 

สำหรับพันธกิจของแผนกคริสตศาสนธรรม คือ ศาสนบริกรเพื่อการเผยแผ่ความเชื่อ มุ่งมั่นที่จะ: เป็นศิษย์ของพระเยซูคริสต์ มีชีวิตสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูด้วยการภาวนา พระวาจา และศีลศักดิ์สิทธิ์ ร่วมมือกันประกาศพระเยซูคริสต์ด้วยชีวิตและการเสวนาเพื่อยืนยันถึงศักดิ์ศรีมนุษย์ เสริมสร้างสถาบันครอบครัวและชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็งในความเชื่อและในทุกมิติชีวิตพัฒนาการอบรมความเชื่อ (งานคำสอน) อย่างต่อเนื่องในทุกด้าน

วิสัยทัศน์ของแผนกคือ  ศิษย์พระเยซูคริสต์ ประจักษ์พยานด้วยชีวิต เพื่อเสริมสร้างชุมชนแห่งความเชื่อ

สำหรับประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจนั้น
ดูได้จากเว็บไซต์ของ แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ