หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

Don Danieleภาพ/รายงาน
22 มีนาคม 2009

พวกเราคนไทยในโรมได้มีโอกาสต้อนรับพระสังฆราชยอร์ช ยอด พิมพิสาร ประมุขสังฆณฑลอุดรธานีและประธานสภาพระสังฆราชแห่งประเทศไทย ที่เดินทางมาสัมมนาสื่อสารมวลชนในหัวข้อ “มุมมองใหม่ด้านการสื่อสารของพระศาสนจักร” (Nuove prospettive per la comunicazione ecclesiale) ซึ่งจัดขึ้นที่วาติกันระหว่างวันที่ 9-13 มีนาคม 

พระคุณเจ้าได้เลี้ยงอาหารเย็นบรรดาพระสงฆ์ที่ทำงานและศึกษาอยู่ที่กรุงโรมที่ร้านอาหารจีนตั้งแต่วันแรกที่มาถึงโดยมีพี่นก  (เกลาดิโอ)   เป็นผู้ประสานงานและถือ โอกาสอวยพรวันเกิดครบ 76 ปีของพระคุณเจ้าย้อนหลัง (19 มกราคม) โดยมีมองซิญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์ เป็นตัวแทนกล่าวอวยพร

พระคุณเจ้าได้เล่าเหตุการณ์โอกาสวันเกิดที่มิชชันนารีชาวสเปนท่านหนึ่งพูด   อวยพรพระคุณเจ้าว่า “สุสาน... วันเกิด” ทำให้ทุกคนได้หัวเราะพร้อมกับโชว์ภาพข่าวที่ลงในอุดมสารที่พระคุณเจ้าถือติดมือจากเมืองไทยมาให้อ่าน    พระคุณเจ้ายังได้เลี้ยงอาหารเย็นพวกเราอีกครั้งก่อนเดินทางกลับประเทศไทย    ขอขอบพระคุณพระคุณเจ้ามากสำหรับกำลังใจทำให้ทุกคนพร้อมจะสู้ต่อไป

ก่อนหน้านั้นมีซิสเตอร์จินตนา ฉัตรสุภางค์ อธิการิณีเจ้าคณะแขวงประเทศไทยคนใหม่ของคณะอูร์สุลินแห่งสหภาพโรมัน เดินทางมาประชุมบรรดาเจ้าคณะจากภาคต่างๆ เพื่อทบทวนและประเมินผลการประชุมสมัชชาคณะเมื่อปี 2007 ระหว่างวันที่ 1-22 กุมภาพันธ์ ซิสเตอร์บอกว่าอยู่โรมหลายวันแต่ไม่ได้ไปเที่ยวไหน นอกจากไปร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณโอกาสวันนักบวชสากลวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่มหาวิหารนักบุญเปโตร  (ซึ่งในวันนั้นคุณพ่อเอกมัย เหลือหลาย คณะภารดาน้อยกาปูชิน ได้รับเกียรติให้เป็นผู้เชิญเครื่องบูชาสำหรับภาคถวายด้วย หลังมิสซาสมเด็จพระสันตะปาปาได้เสด็จมาให้โอวาท)   และอีกครั้งได้ไปร่วมพิธีมิสซาที่มหาวิหารนักบุญ  เปาโลนอกกำแพง โดยมีมองซิญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์ เป็นประธานและผู้เทศน์ให้กับบรรดาเจ้าคณะใหม่ทั้ง 13 คน

อีกท่านหนึ่งที่แวะมาเยือนโรมคือ คุณแม่สุนิตย์ ราชจำปี อดีตมหาธิการิณีคณะรักกางเขนแห่งท่าแร่   หลังจากหมดวาระเจ้าคณะได้เดินทางไปเข้าเงียบและรับการอบรม เพิ่มเติมที่ประเทศอังกฤษและเยอรมัน จากนั้นได้เดินทางมากรุงโรมระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ถึงวันที่  7 มีนาคม   นัยว่าเพื่อแสวงบุญและภาวนาเท่านั้นโดยได้เดินทางไปหลายที่ เช่น ซานโจวานนีโรตอนโดเพื่อขอพรคุณพ่อปีโอ ไปภาวนาที่มหาวิหารทั้ง 4 แห่ง รวมถึงวิหารและสถานที่สำคัญต่างๆ ของกรุงโรม   โดยมีคุณพ่อเอกมัย เหลือหลาย   ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์จำเป็นในวันที่ว่างเว้นจากการเรียน แต่ส่วนใหญ่คุณแม่จะบินเดี่ยวทำให้ได้เรียนรู้ประสบการณ์หลายอย่างด้วยตนเอง ก่อนจะเดินทางต่อไปยังประเทศฝรั่ง  เศสและเดินทางกลับประเทศไทย

มีคนเขาบอกว่าคนรุ่นใหม่อย่างน้อยต้องรู้ 3 ภาษา คือหนึ่งภาษาแม่ของตนเอง สองภาษาอังกฤษหรือภาษายุโรปภาษาใดภาษาหนึ่ง และสามภาษาคอมพิวเตอร์  เพื่อไม่ให้ตัวเองตกรุ่นว่าแล้วน้องหนึ่ง กรรณิการ์   ลูกสาวของพี่สมศักดิ์-พี่นาง พาพรหมฤทธิ์  ได้ เจียดเงินซื้อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเพื่อเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์ตามคำแนะนำของผู้รู้หลายท่าน    โดยมีผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณพ่อวินัย  เปลี่ยนบำรุง เป็นผู้คอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือ  ทุกวันนี้คอมพิวเตอร์เลยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  ทำให้สะดวกมากขึ้นในการติดต่อสื่อสารกับญาติพี่น้องทางเมืองไทย อีกทั้งยังทำให้สามคนพ่อแม่ลูกใกล้ชิดกันมากขึ้นเพราะดูละครไทยผ่าน YouTube  ด้วยกัน  เลยทำให้รู้ว่าคอมพิวเตอร์และโลกออนไลน์ดีอย่างนี้นี่เอง

เมื่อวันเสาร์ที่ 21 มีนาคม กลุ่มพระสงฆ์ไทยได้พากันไปเข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจ รับศีลอภัยบาป และถวายมิสซาร่วมกันที่บ้านศูนย์กลางคณะปีเมที่มอนเตแวรเด (Monte Verde) โดยมีคุณพ่อลีวิโอเป็นผู้เทศน์   ความคิดนี้มาจากข้อเสนอของคุณพ่อพรศักดิ์ ชื่นจิตอภิรมย์ ในการประชุมกลุ่มครั้งที่ผ่านมา    และการประสานงานของคุณพ่อวรศักดิ์ โคธิเสนกับคุณพ่อสันติ ปีตินิตย์นิรันดร์  ที่ทำให้เป็นความจริง   คิดว่าในโอกาสต่อไปจะขยายไปสู่กลุ่มพี่น้องคริสตชนไทยในโรม   นอกเหนือไปจากการพบปะและร่วมพิธีมิสซาด้วยกันเดือนละครั้ง คุณพ่อลีวิโอดีใจมากเพราะได้มีโอกาสใช้ภาษาไทยอีกครั้งและมีคน ไปใช้บ้านของคณะ คุณพ่อบอกว่าชอบเมืองไทย อาหารไทย ยังคิดถึงและภาวนาเพื่อพระศาสนจักรไทยอยู่เสมอ โดยเฉพาะคริสตชนเขตลำปางที่คุณพ่อเคยดูแลกว่า 16 ปี 

หลังเสร็จจากการเข้าเงียบที่บ้านปีเมพวกเราได้พากันไปจัดเตรียมสถานที่    ที่บ้านภารดาน้อยกาปูชินสำหรับมิสซากลุ่มคน ไทยในวันรุ่งขึ้นคือวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม โดยมีคุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์ เป็นประธานในพิธี มีคนไทยมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก โดย  เฉพาะ คุณป้าสุนทร, ป้าแป้ว, ป้ามาลี ผลจันทร์กับป้าอินทร์เทพทอง พลากุล  คนไทยรุ่นบุกเบิกที่มาทำงานที่โรมก่อนใครเพื่อนกว่าสามสิบปีแล้ว ขอชมเชยในความเชื่อศรัทธาและแบบอย่างสำหรับรุ่นหลัง  ที่พิเศษกว่าทุกครั้งคือมีท่านอัครราชทูตพีระศักดิ์ จันทวรินทร์ ที่มาพร้อมภรรยาและบุตรสาว “น้องเนเน” รวมถึงคุณซูซี่ ผิวเกลี้ยงกับเพื่อนอีกสองคนที่มาจากอังกฤษ   รายหลังนี้ดูเหมือนจะพูดถูกคอกับคุณพ่อวัฒนศักดิ์ ศรีวรกุลมากเพราะเป็นแฟนไอ้ปืนใหญ่ (Arsenal) เหมือนกัน และขอแสดงความยินดีกับครอบครัวของคุณมัซซิโม-พี่รุ่งนภา ที่ได้ลูกสาว “น้องอาเซีย” น่าตาน่ารักน่าชังที่ใครก็อยากจะอุ้ม    ตอนนี้กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของกลุ่มคนไทยไปแล้ว

ในพิธีมิสซาคุณพ่อขวัญได้เทศน์เตือนใจตอนหนึ่งว่า    เทศกาลมหาพรตเป็น     เหมือนกับฤดูใบไม้ผลิของพระศาสนจักร   เป็นช่วงเวลาของการเกิดใหม่และพื้นฟูชีวิตคริสตชน ผ่านการภาวนา การให้ทาน และการอดอาหาร   โดยอ้างถึงสาส์นมหาพรตของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16   ในปีนี้ที่เน้นถึงคุณค่าและความหมายของการอดอาหารเป็นพิเศษ

นั่นคือการทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา (เทียบ ยน 4:34) ได้แก่การดำเนินชีวิตตามหลักพระวรสาร ในความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนพี่น้อง ตัดสละจากน้ำใจของตน เอง เจริญชีวิตเพื่อผู้อื่นเหมือนอย่างพระเยซูเจ้าและแม่พระโดยได้ยกตัวอย่างแบบอย่างชีวิตและคำสอนของคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตาที่บอกว่า“เราอาจไม่สามารถทำสิ่งใหญ่ โตได้ แต่เราสามารถทำสิ่งเล็กน้อยด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่”

หลังพิธีมีการรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่แต่ละคนทำมาเหมือนเช่นทุกครั้ง แถมท้ายด้วยบริการตัดผมจากกัลบกมืออาชีพอย่างคุณพ่อชำนาญ กล้าหาญ ขอขอบคุณ ในน้ำใจไมตรีของทุกท่านทุกคน พบกันครั้งต่อไปวันที่ 26 เมษายน  และขอถือโอกาสนี้ส่งความสุขปัสกาล่วงหน้ามายังพี่น้องคริสตชนไทยทุกคน “Buona Pasqua”