หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

Don Danieleเขียน/ภาพ (ภาพบางส่วนจาก Catholic World Tour)

“ปัสกา” คือการเฉลิมฉลองการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า เป็นวันฉลองที่สำคัญที่สุดของพระศาสนจักร   แม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่เรายังอยู่ในบรรยากาศของความชื่นชมยินดีดังกล่าวและอยู่ในเทศกาลปัสกา ที่สำคัญทุกวันอาทิตย์เป็นการฉลองปัสกา คือฉลองการกลับคืนชีพและการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเราในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ
การอวยพรโรมและโลก

“สุขสันต์วันปัสกา แด่ชาวไทยทุกๆ ท่าน” นี่คือพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16ที่ตรัสอวยพรเป็นภาษาไทย จากหน้ามุขของมหาวิหารนักบุญเปโตรกับบรรดาคริสตชนและผู้แสวงบุญประมาณ 200,000 คน ในการอวยพรปัสกาเป็นภาษาต่างๆ 63 ภาษาเพื่อประทานพรแด่โรมและโลก ที่เรียกว่า “Urbi et Orbi” เนื่องในโอกาสสมโภชปัสกา 2009 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งการอวยพรนี้มีเพียง 2 ครั้งในรอบปี คือวันสมโภชปัสกาและวันพระคริสตสมภพ

สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสว่า “การกลับคืนชีพของพระคริสต์เจ้าคือความหวังของเรา” (Resurretio Domini, spes nostra!) การกลับคืนชีพไม่ใช่ทฤษฏี แต่เป็นความจริงทางประวัติศาสตร์ที่พระเยซูจ้าทรงเปิดเผยผ่านทางปัสกาของพระองค์     จากความตายบนกางเขน ถูกฝังและทรงชนะความตายในคูหาด้วยการกลับเป็นขึ้นมา ซึ่งพระศาสนจักรประกาศด้วยความยินดีในวันปัสกา  พระองค์ยัง ได้ทรงเรียกร้องสันติภาพและความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในโลก   เป็นต้นในทวีปแอฟริกาและแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่ยังมีสงครามและความขัดแย้ง

พระสันตะปาปาทรงหวังให้แสงสว่างแห่งการกลับคืนชีพของพระคริสต์เจ้า ส่องสว่างโลกของเราที่เต็มไปด้วยลัทธิวัตถุนิยม (Materialism) และการปฏิเสธหลักศีลธรรม (Nihilism) และได้ตรัสให้กำลังใจบรรดาคริสตชนที่ถูกเบียดเบียนเพราะความเชื่อและการอุทิศตนเพื่อความยุติธรรมและสันติภาพ

 ด้วยความหวังในการกลับคืนชีพของพระ เยซูเจ้าที่พระศาสนจักรประกาศและนำมามอบให้จากนั้นได้อวยพรปัสกาเป็นภาษาต่างๆ 63 ภาษา รวมทั้งภาษาไทยที่พระองค์ตรัสอย่างชัดเจนว่า “สุขสันต์วันปัสกา แด่ชาวไทยทุกๆ ท่าน” ก่อนที่จะอวยพรอย่างสง่าแด่โรมและโลกตามธรรมเนียมปฏิบัติ

การฉลองสงกรานต์ที่วัดไทย

วันสมโภชปัสกาปีนี้ตรงกับวันที่ 12 เมษายน เป็นวันเริ่มเทศกาลสงกรานต์พอดี  วันรุ่งขึ้นวันที่ 13 เมษายน คือวันสงกรานต์ซึ่ง เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย  กลุ่มคนไทยในประเทศอิตาลีมีนัดหมายรวมกันที่วัดไทย เพื่อทำบุญตักบาทและฟังธรรมเทศนาที่ “สวนแห่งใจสงบ” (Santa Cittarama) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “วัดไทย” ตั้งอยู่บนเนินเขาซาบินา ทางตอนเหนือของกรุงโรมห่างออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร ใกล้เมืองป๊อจโจ นาวีโต (Poggio Navito) แคว้นริเอติ (Rieti)

วัดไทยแห่งนี้จัดเป็นวัดป่านิกายเถรวาทสายพระอาจารย์ชา สุภัธโท แห่งวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1990 เพื่อเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ศรีลังกา พม่า และอิตาลี  โดยมีพระอาจารย์กันดาปาโล (Ajahn Chandapalo) พระชาวอังกฤษเป็นเจ้าอาวาส มีพระภิกษุไทย 3 รูป และสามเณรชาวอิตาเลียน 2 รูป  ทำเลที่ตั้งวัดดีมาก   เพราะตั้งอยู่บนเขาท่ามกลางธรรมชาติที่มีต้นไม้ ลำธาร และเสียงนกร้องเหมือนบรรยากาศของวัดป่าที่เมืองไทย   จะต่างก็ตรงที่กุฏิพระเป็นอาคารสองชั้นเหมือนบ้านชาวอิตาเลียนทั่วไปเพียงแต่ทาสีเหลือง และเต็นท์ผ้าใบขนาดใหญ่สีขาวที่ทำเป็นอุโบสถที่ตั้งพระประธานและที่ฟังพระธรรมเทศนาของบรรดาญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรม

พิธีทำบุญขึ้นปีใหม่ไทยในวันนั้นเริ่มด้วยการทำบุญตักบาท ซึ่งเป็นบรรยากาศที่สงบและดูแปลกตาที่ได้เห็นพระภิกษุรับบิณฑบาตในต่างแดน โดยเฉพาะในอิตาลีที่เป็นศูนย์กลางของคริสตศาสนา เป็นบรรยากาศที่หาดูที่ไหนไม่ได้นอกจากที่วัดไทยแห่งนี้ จากนั้นเป็นเวลาฉันเพลและรับประทานอาหารร่วมกัน เมื่อทุกคนรับประทานกันเสร็จแล้ว ท่านอัครราชทูตพีระศักดิ์ จันทวรินทร์ ได้เป็นประธานจุดธุปเทียนบูชาพระและฟังพระธรรมเทศนาจากพระอาจารย์จันดาปาโล และสงน้ำพระก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน

ฉลอง 800 ปี คณะฟรังซิสกัน

ปัสกาเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของปีพิธีกรรมของพระศาสนจักร ผู้ที่เหนื่อยมากที่สุดคงไม่มีใครเกินสมเด็จพระสันตะปาปาซึ่งมีพระชนมายุ 82 พรรษา เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา รวมถึงบรรดาพระสงฆ์เจ้าอาวาสทั้งหลาย เนื่องจากพิธีกรรมในช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ค่อนข้างยาว บรรดาพระสงฆ์ไทยในโรมที่ไปช่วยงานตามวัดมี คุณพ่อวัฒนศักดิ์ ศรีวรกุลกับคุณพ่อพรศักดิ์ ชื่นจิตอภิรมย์ ไปช่วยงานที่เวโรนา คุณพ่อเอกมัย เหลือหลาย ไปช่วยงานที่มิลานและเป็นตัวแทนบ้านที่กรุงโรมเข้าร่วมประชุม 800   ปีของการก่อตั้งคณะฟรังซิสกัน ซึ่งมีผู้แทนและสมาชิกกว่า 3,000 คน    เข้าร่วมประชุมระหว่างวันที่ 15-17 เมษายนที่อัสซีซี ก่อนที่เดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาที่คาสเตล กันดอลโฟ เมื่อวันเสาร์ที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา

สมเด็จพระสันตะปาปาทรงขอบคุณคณะฟรังซิสกัน   สำหรับของขวัญอันล้ำค่าที่มอบให้กับคริสตชนและพระศาสนจักร ในการดำเนินชีวิตความยากจนและเป็นประจักษ์พยานยืนยันถึงพระเจ้า และได้ทรงขอร้องสมาชิกทุกคนให้ดำเนินชีวิตตามแบบนักบุญฟรังซิสและนักบุญกลาราในการภาวนาและชีวิตที่เรียบง่าย  ด้วยการเป็นประจักษ์พยานถึงความดีงามของสิ่งสร้างพระเจ้า และทรงย้ำให้ออกไปประกาศพระวรสาร “จงออก   ไปและซ่อมแซมวิหารของพระเจ้าเหมือนที่นักบุญฟรังซิสกระทำ” นำสันติสุขและความรักของพระคริสตเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดไปมอบให้กับทุกคน

การฉลองปัสกาและปีใหม่ไทย

สำหรับการฉลองปัสกาของกลุ่มคนไทย จัดขึ้นที่บ้านคณะภารดาน้อยกาปูชิน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีคุณพ่อวินัย เปลี่ยนบำรุง เป็นประธาน ก่อนมิสซามีการสวดสายประคำร่วมกัน การคืนดีกับพระและการซ้อมขับร้องโดยมีคุณพ่อสันติ ปีตินิตย์นิรันดร์ ทำหน้าที่เล่นออร์แกน การมาพบปะกันครั้งนี้นอกจากจะเป็นการฉลองปัสกาแล้ว   ยังเป็นการฉลองสงกรานต์และภาวนาร่วมกันเพื่อประเทศไทยที่กำลังต้องการความสมานฉันท์ คุณพ่อได้อ้างถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้าเมื่อปรากฏพระองค์แก่อัครสาวกที่ว่า “สันติสุขจงมีแด่ท่าน” สันติภาพและสันติสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ไม่มีใครต้องการความเกลียดชังและการทะเราะเบาะแว้ง พระเยซูเจ้าไปที่ไหนพระองค์ทรงมอบสันติสุขและทรงเป็นสันติสุขสำหรับที่แห่งนั้น

คุณพ่อวินัยยังได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับธรรมล้ำลึกปัสกา ซึ่งประกอบด้วยพระทรมาน และการกลับคืนชีพของของพระคริสตเจ้า ชีวิตของเราจะไม่สมบูรณ์ถ้าไม่ประกอบด้วยสองมิตินี้ เป็นเหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน หากเราคิดว่าชีวิตมีแต่ความทุกข์     ความยากลำบาก และความเดือดร้อน    แสดงว่าเรามองชีวิตแต่เพียงด้านเดียวไม่ได้ดำเนินชีวิตในความสมบูรณ์และมองรอบด้าน พระเยซูเจ้าทรงสอนด้วยชีวิตของพระองค์   ทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ  ความทุกข์หรือสิ่งต่างๆ ในโลกนี้จะผ่านไป   แต่ชีวิตนิรันดรที่ยั่งยืนถาวรรอเราอยู่ ดังนั้น เมื่อเราได้ดำเนินชีวิตด้วยการติดตามพระเยซู เจ้า ฟังพระวาจา ร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ และเป็นพยานถึงพระองค์ เราจะผ่านความทุกข์ยากของโลกนี้และกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์

คุณพ่อยังพูดถึงพระพรของพระเจ้าและการพึ่งพากัน  เราไม่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้โดยลำพัง ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน   สันติสุขหรือสันติภาพเช่นกันเกิดจากการตระหนักว่าเราทุกคนมีข้อดีและข้อจำกัด ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพราะคิดว่าเราดีกว่าคนอื่น มองไม่เห็นแง่ดีของกันและกัน  สันติสุขคือการรู้จักดึงเอาความดีที่อยู่ในคนอื่นให้ปรากฏออกมา มองเห็นด้านดีของกันและกัน พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับศิษย์ของพระองค์ให้ออก ไปประกาศข่าวดี คือข่าวดีแห่งสันติสุข แห่งสันติภาพและความรอดที่พระองค์นำมาให้ หน้าที่ของเราคือการประกาศข่าวดี โดยเริ่มจากการมองเห็นความดีของกันและกันและพระพรของพระ เมื่อนั้นเราจะมีสันติสุขในจิตใจ

หลังมิสซามีการรดน้ำและขอพรผู้ใหญ่โอกาสขึ้นปีใหม่ตามธรรมเนียมไทย  คุณพ่อชำนาญ กล้าหาญ ได้เชิญผู้อาวุโสฝ่ายพระสงฆ์และฆราวาสรวม 5 คนให้พวกเราได้รดน้ำขอพร  จากนั้น มองซิญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์ ได้เป็นตัวแทนอวยพรปีใหม่ทุกคนที่มาร่วมงาน อีกทั้งแสดงความยินดีโอกาสครบรอบ 25 ปีชีวิตสงฆ์ของคุณพ่อลีวิโอ คณะปีเม และโอกาสวันคล้ายวันเกิดของคุณสมศักดิ์ พาพรหมฤทธิ์, คุณพ่อวัฒนศักดิ์ ศรีวรกุล และป้าทองย้อย  ศาสตร์สูงเนิน (วันที่ 27, 28 และ 29 เมษายน ตามลำดับ)  สุดท้าย ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ คุณโทนี- หทัยชนก ฉัตรบรรยง  ที่พระได้ยกดวงวิญญาณของฟรันเชสโก โรตอนแดลลา (บิดาของโทนี) ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา  พบกันเดือนต่อไปวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคมที่จะถึง