หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

โดย...ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2009 เวลา 19.00น.คุณพ่อศวง วิจิตรวงศ์ พระสงฆ์ใหม่อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯเป็นประธาน ในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณมิสซาแรก โดยมีคุณพ่อสุชาติ อุดมสิทธิพัฒนา  ร่วมเป็นประธานด้วย ณ  วัดนักบุญเปโตร  สามพราน มีซิสเตอร์อธิการ และสัตบุรุษมาร่วมจำนวนมาก

คุณพ่อสานิจ สถะวีระวงส์ เจ้าอาวาสวัด กล่าวร่วมแสดงความยินดีกับพระสงฆ์ใหม่ และขอบคุณที่มาร่วมเป็นประธานในพิธีในวันนี้พร้อมเน้นย้ำให้คุณพ่อเป็นพระสงฆ์นิรันดรตามแบบอย่างที่แม่ชีเทเรซาแห่งกัลกัตตาได้กล่าวไว้พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้คุณพ่อตลอดชีวิตการเป็นสงฆ์ด้วย คุณพ่อศวงได้ยกมือไหว้อย่างสุภาพขอบคุณคุณพ่อสานิจ สถะวีระวงส์    หลังจากนั้นตัวแทนสัตบุรุษ 2 ท่าน นำช่อดอกไม้และของขวัญมอบให้กับคุณพ่อศวง     และพิธีกรได้เชิญคุณพ่อศวงกล่าวปราศรัยกับบรรดาสัตบุรุษลูกวัดนักบุญเปโตรที่มาร่วมมิสซาในวันนี้  คุณพ่อกล่าว่ารู้สึกดีใจที่ได้บวชเป็นพระสงฆ์ และวัดนักบุญเปโตรนี้ก็เป็นวัดที่ 2 ที่พ่อขอจะมาทำมิสซาแรก เพราะว่าช่วงพักพ่อได้มาช่วยงานที่วัดนี้และรู้สึกดีใจที่วัดนี้ได้กลับมาทำมิสซาให้กับพี่น้องวัดนักบุญเปโตร

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแล้วเชิญคุณพ่อศวง วิจิตรวงศ์ มาอวยพรให้กับสัตบุรุษบริเวณหน้าพระแท่นด้วย  บรรดาสัตบุรุษมาร่วมรับพรกันอย่างถ้วนหน้า พร้อมรับภาพที่ระลึกโอกาสบวชเป็นพระสงฆ์ด้วย

คุณพ่อศวง วิจิตรวงศ์ เทศน์ให้ข้อคิดโอกาสนี้ว่า

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ให้ข้อคิดกับเราว่า ความเมตตาสงสารของพระเจ้า เป็นพระคุณ และพระพรสำหรับชีวิตของเรา จึงควรแบ่งปันให้กับเพื่อพี่น้องของเราด้วย

ในสังคมของชาวยิว คนเจ็บป่วย คนพิการ คนที่ถูกปีศาจสิง เป็นกลุ่มคนที่ถูกตัดขาดออกจากสังคม โดยเฉพาะครโรคเรื้อน ซึ่งเป็นโรคที่น่ารังเกียจและน่ากลัว   เพราะสามารถติดต่อได้ และเป็นอันตรายถึงตายได้ จึงมีข้อห้าม ข้อบังคบให้คนที่เป็รโรคเรื้อนจะต้องแยกตัวออกจากสังคม ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าในบ้าน และถ้ามีคนมาใกล้จะร้องตะโกนว่า “มีมลทิน มีมลทิน(ไม่สะอาด)”   ดังนั้นกลุ่มคนที่ถูกตัดขาดออกจากสังคมจึง เป็นบุคคลที่น่าสงสาร     เพราะเขาได้รับความเจ็บปวดจากโรคก็มากอยู่แล้ว  ยังได้รับความเจ็บปวดทางด้านจิตใจอีกด้วย   คือไม่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคม ความรัง เกียจ การดูถูกเหยียดหยาม เมื่อไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้ ก็ไม่ได้รับการเยียวยารักษา ให้หายจากโรค ดังนั้นคนที่เป็นโรคเรื้อนนี้แล้ว มีแต่จะสิ้นหวังที่จะหายจากโรคนี้ได้

เมื่อหันกลับมามองถึงชีวิตรอบตัวเรา มีใครบ้างไหมที่ถูกเราตัดขาดออกจากความสนใจ ความเอาใจใส่ การให้เกียรติ การดูถูก เหยียดหยาม ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆก็ตามที่ทำให้เราไม่สามารถปฏิบัติต่อเขาด้วยดีได้ อาจจะมาจากความกลัว หรือความเกียจชังของเรา ทำให้เราไม่สามารถยอมรับเพื่อนพี่น้องของเราได้

พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าความเมตตาสงสารสำคัญกว่าข้อบัญญัติของการห้ามติดต่อกับคนเจ็บป่วยเพื่อช่วยเยียวยารักษาคนเจ็บป่วยเหล่านั้นให้ไดรับการบรรเทาทั้งกายและจิตใจ ได้รับการฟื้นฟูสถานภาพขึ้นมาใหม่   ให้ได้รับการยอมรับจากสังคม กลับมาเป็นสมาชิกของสังคมอีกครั้งหนึ่ง แต่ทั้งนี้มิใช่พระเยซูเจ้าจ้องที่จะละเมิดกฎระ เบียบข้อปฏิบัติทุกอย่างของสังคมไม่เพราะเมื่อพระองค์ทรงรักษาคนโรคเรื้อนให้หาย แล้วก็ให้เขาไม่แสดงตัวกับพระสงฆ์และถวายบูชาตามที่มีกำหนดไว้ซึ่งถือได้ว่าพระองค์ทรงรักษาตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดได้อย่างเคร่งครัดด้วยเช่นกัน แต่แตกต่างที่พระองค์ทรงใช้ความรักและเมตตาสงสารเป็นแก่นของการปฏิบัติ มิใช่ยึดถือปฏิบัติตามตัวอักษรอย่างเดียวเท่านั้น

ดังนั้นจากแบบอย่างชีวิตของพระเยซูเจ้าที่เราทุกคนจะต้องเลียนแบบอย่างของพระองค์ เราควรจะถามตัวเองว่า เราพร้อมที่จะทำลายกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างเรากับเพื่อนพี่น้องที่ทำให้เราไม่สามารุปฏิบัติติ่เขาด้วยความรักหรือไม่ กำแพงที่ขวางกั้นนี้อาจหมายถึง ทัศนะคติที่ไม่ดี ความโกรธ ความเกลียด ความพยาบาท การมาให้อภัย หรือความกลัว ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางมิให้เราแม้แต่จะ   เข้าใกล้เพื่อนพี่น้องของเรา จากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโครินทร์ ฉบับที่ 1 กล่าวไว้ว่า “ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด” ดังนั้นการทำลายกำแพงที่ขวางกั้นของเรา แม้ว่าเราจะรู้สึกไม่อยากที่จะทำ หรือเป็นสิ่งที่ยากสำหรับ เราแล้วละก็ ให้เราคิดเสียว่าเราทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าของเรา  เพราะเราทำสิ่งนี้มิใช่เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของทุกคน เพื่อเขาจะได้รับความรอดพ้น

ขอความรักและเมตตาสงสารขอพระเยซูคริสตเจ้าที่ทรงมีต่อเราแต่ละคน จะได้เป็นกำลังใจให้เราสามารถเลียนแบบอย่างของพระองค์ในการแสดงความรักเมตตาสงสารต่อเพื่อนพี่น้องของเราได้ด้วยเช่นเดียวกัน