หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

Don Daniele รายงาน Roma, ITALY

มองซิญอร์ วิษณุ นำคริสตชนไทยในโรมภาวนาเพื่อในหลวง
และเตือนใจให้เจริญชีวิตในปัจจุบันและมีความกตัญญูต่อแผ่นดิน

โรม, อิตาลี  มองซิญอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์ รองเลขาธิการสมณกระทรวงเสวนาระหว่างศาสนา นำคริสตชนไทยในโรมภาวนา เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนม์พรรษา     ในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณสมโภชพระคริสตสมภพของกลุ่มคนไทยที่วัดน้อยของหอไอริช เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม 2008 ที่ผ่านมา โดยมีท่านพีระศักดิ์ จันทวรินทร์    อัครราชทูตจากสถานทูตไทยประเทศอิตาลี พร้อมครอบครัว ไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

เดือนธันวาคมเป็นเดือนแห่งความชื่นชมยินดีสำหรับชาวไทย เนื่องในวโรกาส เฉลิมพระชนม์พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม ไม่ใช่แค่ในประเทศ ไทยเท่านั้นแต่สำหรับคนไทยทุกคนโดยเฉพาะที่อยู่ต่างแดน ที่ประเทศอิตาลี  สถานทูตไทยในกรุงโรมได้จัดให้คนไทยได้ร่วมถวายพระพรพระองค์ท่านในวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา     มีคนไทยและชาวต่างชาติที่ชื่นชอบประเทศไทยไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับคริสตชนไทยและพระสงฆ์ไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในโรมได้ร่วม ใจกันภาวนาเพื่อพระองค์ท่านเป็นพิเศษในโอกาสฉลองคริสต์มาส    โดยการนำของ มองซิญอร์ วิษณุ  ธัญญอนันต์   

ความหมายของการฉลองคริสต์มาส

ในบทเทศน์ มองซิญอร์ วิษณุ ได้ตั้งคำถามว่า “พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับเรา เรารู้จักพระองค์มากแค่ไหน เรามีความสนิทสัมพันธ์กับพระองค์มากน้อยเพียงใด” การที่เราจะรู้จักพระเยซูเจ้าได้เราต้องมีประสบการณ์จริงที่สัมผัสได้ที่สามารถอ้างได้ว่าเรารู้จัก การฉลองคริสต์มาสไม่ใช่การระลึกถึงการบังเกิดของพระเยซูเจ้าเมื่อสองพันปีก่อนแต่เป็นการฉลองการบังเกิดของพระองค์ ในปัจจุบัน ฉะนั้นการเจริญชีวิตในปัจจุบันจึงสำคัญมาก ให้เราสำนึกตลอดเวลาว่าเราจะพบพระเยซูเจ้าได้ในปัจจุบัน    ในบุคคลต่างๆ ที่เราพบเห็นแต่ละวันทุกที่ทุกแห่ง      โดยเฉพาะสำหรับเราคริสตชนจะพบพระองค์ได้ในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณที่เรามาภาวนาร่วมกันและในศีลมหาสนิท

คุณพ่อได้ย้ำว่า “เราจะพบพระเยซูเจ้าได้ก็ต่อเมื่อเรามีประสบการณ์ที่เรารู้จักรัก รักผู้อื่นและรักพี่น้องเพื่อนมนุษย์” โดยอ้างถึงบทอ่านในหนังสือประกาศกเอเซเคียลที่บอกว่า คนที่จะพบพระเจ้าได้คือคนที่ไปเยี่ยมคนยากจน  คนเจ็บป่วยในโรงพยาบาลหรือคนที่อยู่ในคุก ให้ทานแก่คนที่ไม่มีเสื้อผ้าและรู้จักให้อภัยแก่ผู้อื่น  ซึ่งเป็นประสบการณ์ตรงกับพระเจ้าเพราะได้เห็นพระองค์ในเพื่อนมนุษย์  การปรากฏของบุคคลหนึ่งจึงสำคัญมาก เราจะมีพลังที่จะเจริญชีวิตต่อไปได้ก็ต่อเมื่อเราสำนึกว่าพระเจ้าอยู่กับเรา พระองค์ประทับอยู่ท่ามกลางเรา นี่แหละคือการฉลองคริสต์มาสซึ่งเป็นการฉลองความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่บังเกิดในใจเราทุกวัน เราจะต้องพร้อมที่จะนำความรักและความยินดีนี้ไปสู่ผู้อื่น ด้วยการรักและรับใช้ผู้อื่นตามกำลังความสามารถที่เรามี เหมือนดั่งพระนางมารีย์หญิงชาวบ้านธรรมดาที่ได้น้อมรับแผนการของพระเจ้าด้วยใจสุภาพ เมื่อทูตสวรรค์มาแจ้งข่าวว่าจะตั้งครรภ์บังเกิดบุตร “ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้าตามที่ท่านกล่าวนั้นเถิด” ฉะนั้นทุกอย่างจึงเป็นไปได้เสมอสำหรับทุกคนที่มีจิตใจซื่อตรงและสุภาพ

คุณพ่อได้บอกว่า การฉลองคริสต์มาสจะมีความหมายก็ต่อเมื่อเราได้ใช้ความสามารถของเราในการช่วยเหลือผู้อื่น   โดยธรรมเนียมปฏิบัติเรามีข้อตั้งใจที่จะทำในโอกาสคริสต์มาสและปีใหม่ ขอให้ความตั้งใจที่เรามีบังเกิดผลและทำให้เป็นเป็นจริงในปัจจุบัน นั่นคือทำปัจจุบันให้ดีซึ่งสำคัญมาก อดีตผ่านไปแล้วนำกลับมาไม่ได้จงจดจำเป็นบทเรียนสำหรับปัจจุบัน อนาคตยังมาไม่ถึงอย่าไปกังวลจงฝากไว้ในพระเมตตาของพระเจ้า แต่ที่สำคัญที่สุดคือปัจจุบันโดยคุณพ่อได้เล่าเรื่องฤๅษีตนหนึ่งเดินทางไกลมีเป้ใส่กล้วยข้างหลัง เมื่อรู้สึกหิวจึงเอื้อมมือไปหยิบกล้วยในเป้มากิน ครั้งแรกหยิบได้กล้วยที่สุกจนเละกินไม่  ได้ ครั้งที่สองหยิบได้ใบที่ยังไม่สุขกินไม่ได้อีก สุดท้ายหยิบได้กล้วยที่สุขกำลังดีกินประทังความหิวได้       กล้วยที่สุขจนเละคืออดีตที่ผ่านไปแล้วต้องปล่อยวาง  กล้วยที่ยังไม่สุขคืออนาคตที่ยังมาไม่ถึงต้องรอ กล้วยที่สุขกำลังดีคือปัจจุบันที่เราเป็นอยู่  ฉะนั้นจงอยู่ในปัจจุบันและทำวันนี้ให้ดีในพระพรของพระเจ้า

คุณพ่อได้ทิ้งท้ายด้วยคติเตือนใจจากคำในภาษาจีน  ก่อนจะสิ้นปีเราจะต้องสำนึกด้วยการขอบพระคุณ ขอบคุณพระเจ้าที่ให้วันนี้แก่เราให้มีความชื่นชมยินดีมีพระพรนานัปการและสำหรับเวลาที่กลังจะผ่านไป ความสำนึกเช่นนี้คนเอเชียเรามีมากที่สุดนั่นคือ ความกตัญญู คนที่จะเจริญในพระพรของพระเจ้าต้องเป็นผู้ที่มีความกตัญญู คุณพ่อได้ยกตัวอย่างภาษาจีนกลางคำว่า  อ่านว่า “เสี่ยว” แปลว่า ความกตัญญูรู้คุณ ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรสองตัว ตัวล่างหมายถึงลูกหรือผู้น้อย ตัวบนหรือบนหลังของลูกลักษณะ เหมือนกางเขนสองอันหมายถึงพ่อแม่ ผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้มีพระคุณ  ความหมายก็คือ ลูกหรือผู้น้อยต้องรู้จักเคารพและแบกพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณเมื่อยามท่านชราคือมีความกตัญญู  เราจะต้องมีความกตัญญูเสมอ   กตัญญูต่อผืนแผ่นดินที่เราเกิดแม้เวลานี้เราจะอยู่ห่างไกล กตัญญูต่อพระมหากษัตริย์พ่อของแผ่นดินผู้มีคุณูปการใหญ่หลวง กตัญญูต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณต่อเรา ฉะนั้น   วันนี้ เราจึงมาแสดงออกถึงความกตัญญูต่อพระเจ้าและขอพรจากพระองค์พร้อมกันสำหรับตัวเราเอง ครอบครัว พระมหากษัตริย์   และประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของเรา

หลังพิธีได้มีการถ่ายรูปร่วมกันและพบปะสังสรรค์แบบไทยๆ ด้วยอาหารไทยหลากหลายชนิดที่ทุกคนนำมา จากนั้นก็เป็นกิจกรรมวันคริสต์มาส การกล่าวอวยพรของท่าน อัครราชทูตพีระศักดิ์ จันทวรินทร์   ที่ขาดไม่ได้   คือ รำวงไทยสลับกับการจับสลากแลก เปลี่ยนของขวัญกันโดยการนำของคุณพ่อชำนาญ กล้าหาญและคุณพ่อสันติ ปีตินิจนิรันดร์ ทำหน้าที่พิธีกรสร้างสีสันและความเป็นกันเองในงาน  มีผู้มาร่วมงานในครั้งนี้ร่วมร้อยคนทำให้ห้องอาหารของหอไอริช (Collegio Irlandese) บ้านของคุณพ่อพรศักดิ์ ชื่นจิตอภิรมย์ ดูแคบไปถนัดตา

วันรุ่งขึ้น (22 ธันวาคม) พระสงฆ์ไทยส่วนใหญ่ได้เดินทางไปช่วยงานคริสต์มาสตามวัดต่างๆ ได้แก่ คุณพ่อวินัย เปลี่ยนบำรุงกับคุณพ่อวัฒนศักดิ์ ศรีวรกุล ไปช่วยงานที่เมืองเวโรน่า, คุณพ่อเอกมัย เหลือหลายและคุณพ่อพรศักดิ์ ชื่นจิตอภิรมย์  ไปช่วยงานที่ เมืองมิลาน, คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์ ไปช่วยงานที่เมืองปีซ่า, คุณพ่อสมหมาย มธุรสสุวรรณ ไปช่วยงานที่บ๊อฟฟาโรลาใกล้มิลาน  นัยว่า ไปอำลาก่อนจะเดินทางกลับเมืองไทยในที่ 31 ธันวาคมนี้ และมองซิญอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์   ได้โอกาสหนีหนาวกลับไปพักที่เมือง ไทยตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม ส่วนคุณพ่อชัยศักดิ์ ไทยสนธิ ยังคงช่วยงานที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์

คำนับมาแมร์ มีเรียม กิจเจริญ

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม 2008 คุณพ่อวรศักดิ์ โคธิเสน ประธานกลุ่มพระสงฆ์ไทยในโรม ได้นัดหมายรวมตัวกันเพื่อไปคำนับ และขอพรคริสต์มาสและปีใหม่จาก มาแมร์ มีเรียม กิจเจริญ มหาธิการิณีคณะเซนต์ปอลเดอชาร์ตร ที่บ้านศูนย์กลางคณะโดยได้รับการต้อนรับจากเซอร์โปลาและเซอร์แมรีแคลร์อย่างอบอุ่น มาร์แมร์ มีเรียม     ได้กล่าวให้พรตอนหนึ่งว่า  นักบุญเปาโลบอกว่าพระคริสต์เจ้าเสด็จมาเพื่อจะอยู่กับเรามนุษย์แม้มนุษย์ไม่มีบาปก็จะอยู่กับเรา นี่เป็นความรักสุดยอดและยิ่งใหญ่ ความรักนี้เองที่เราควรจะต้องแบ่งปัน เป็นหน้าที่ของเราเพราะพระสันตะปาปาบอกว่าต้องต่อสู้กับความยากจนเพื่อจะสร้างสันติ  เราจะต่อสู้และขจัดความยากจนให้หมดไปได้อย่างไรถ้าไม่มีความรักที่จะแบ่งปัน   ความอยากจนก็จะยังอยู่ต่อไปโดยเฉพาะปีนี้ที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างประสบภาวะวิกฤต แสดงให้เห็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีแต่ความจองหอง แก่งแย่งแข่งกัน เอาเปรียบซึ่งกันและกัน    โลกทุกวันนี้ไม่มีสันติเต็มไปด้วยความอยุติธรรมและปราศจากความรัก    เราต้องช่วยกันขจัดความอยากจนโดยการแบ่งปันเพื่อให้ทุกคนได้มีพอใช้จ่ายถึงจะสร้างสันติได้

ในตอนท้าย มาแมร์ได้ให้ข้อคิดว่า ก่อนที่เราจะขอพรจากพระเจ้าเราควรจะขอโทษพระองค์ก่อนเพื่อให้พระองค์เมตตาเรา ถ้าเราอยู่ในบาปจะได้รับพรได้อย่างไร โอกาสสิ้นปีที่กำลังจะมาถึงขอให้เราได้เตรียมตัวรับพระพรของพระเจ้าคือพระคริสต์เจ้าเอง   ถ้าพระคริสต์เจ้าไม่สถิตกับเราใครจะอยู่กับเราคงจะมีพระอื่นซึ่งเป็นพระเท็จเทียมขอให้พระบุตรของพระเจ้าเป็นพรอันประเสริฐสำหรับคุณพ่อทุกท่าน   และคนไทยทุกคนให้ได้รับพรแห่งการประทับอยู่ของพระองค์  เพราะปราศจากพระองค์เราทำอะไรไม่ได้และต้องขอพรนี้ทุกวัน ให้พระองค์ประทับอยู่กับเรา เพื่อจะได้มีพระคริสต์เจ้า พระวจนาตถ์หรือพระวาจาที่เป็นบุคคลที่สัมผัสได้  ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดปีใหม่และตลอดไป

พร้อมกันนี้ พวกเราทุกกคนในโรมขอส่งความสุขและความปรารถนาดีโอกาสคริสต์มาสและปีใหม่ 2009 มายังทุกท่านทุกคน

27 dicembre 2008