โดย...ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากคุณพัชรีปาน อิศรภักดี

เมื่อวันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2008 เวลา 09.00น.  พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู เป็นประธานในวจนพิธีกรรมเปิดการประชุมสมาชิกสภาภิบาลอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ซึ่งประกอบด้วย พระสงฆ์หัวหน้าการปกครองวัดทั้ง 6 เขต, หัวหน้าฝ่าย,คณะนักบวช   และฆราวาส รวมผู้มาร่วมประชุม 43 ท่าน

ซึ่งก่อนการเริ่มประชุม เมื่อพระคาร์ดินัลมาถึงบริเวณห้องประชุมแล้วได้ร่วมพูดคุย ทักทายบรรดาผู้มาร่วมประชุมอย่างเป็นกันเอง และในโอกาสนี้พระคาร์ดินัลได้แจกหนังสือพระคัมภีร์ขอบทองเป็นที่ระลึกให้กับบรรดาสมาชิกสภาภิบาลโอกาสนี้ด้วย

พระคาร์ดินัลได้ให้ข้อคิดกับบรรดาผู้มาเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ว่า "คำสอนของท่านนักบุญเปาโลนั้นเป็นการกระตุ้นเตือนเราคริสตชนว่าสมาชิกสภาอภิบาลมีหน้าที่ในฐานะที่ต้องรับบทบาทและในฐานะสมาชิกพระศาสนจักร ต้องมีความรับผิดชอบ  และนำไปสู่ปวงชน คริสตชนต่างๆมีความหลากหลาย และมีพระพรแตกต่างกันไป  ทุกคนจะได้รับสัดส่วนและแตกต่างกัน นั่นคือพระพรของพระเป็นเจ้า และเป็นกระแสเรียก เพื่อเราจะ ได้ปฎิบัติหน้าที่  ต้องประกาศความเชื่อเพื่อขยายขอบเขต ทุกคนหมายถึงสมาชิกสภาอภิบาล ต้องปฎิบัติตามหน้าที่ ต้องมีพื้นฐานที่ดี และสิ่งนั้น  คือจุดประสงค์ขององค์พระ เยซูเจ้า ในคำสอนของพระองค์ สมาชิกต้องเข้าใจในหน้าที่ของตนเอง" อยากให้บรรดาสมาชิกสภาภิบาลได้ตระหนักถึงการออกไปประกาศพระเยซูเจ้าให้กับเพื่อนพี่น้องที่ยัง  ไม่รู้จักพระองค์ จากนั้นคุณพอล แมรี่สุวิช สุวรุจิพรได้เริ่มการประชุมโดยให้พระคาร์ดินัล กล่าวถึงพระดำรัสของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ในการไปADLIMINA   ที่กรุง โรมที่ผ่านมา

พระคาร์ดินัลได้กล่าวว่า ในการไปADLIMINAนั้นเป็นการเข้าเฝ้า และรายงานของสังฆมณฑลต่อพระสันตะปาปาโดยตรง และข้อ 2 ภาพรวม     เมื่อพระสังฆราชทุกองค์เข้าเฝ้าพระสันตะปาปาแล้วจะมาการเข้าเฝ้ารวมในวันสุดท้าย     และประธานสภาพระสังฆราชจะกล่าวสรุปและสำนึกในพระเมตตาของพระสันตะปาปาที่มีต่อพระศาสน จักรในประเทศไทยจากที่ได้รายงานไปแล้วนั้นพระสันตะปาปาได้รวบรวมสาระทั้งหมด

ประเด็นต่อไปพระสันตะปาปาเน้นเรื่องการอยู่รวมกันของศาสนิกชนที่มีความ  เชื่อต่างกันในทุกวันนี้ แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ตรงกันข้ามกับโลกาภิวัตน์      เมื่อเร็วๆนี้ ข้าพเข้าสังเกตว่า อิทธิพลของโลกาภิวัตน์  เป็นเหตุให้มนุษย์เผชิญกับความแตกต่างสองมุมมองด้วยกัน   มุมมองแรกคือ   การเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม  ซึ่งมักจะก่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันในระดับโลก และความรับผิดชอบร่วมกันต่อความอยู่ดีกินดีของมนุษยชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็มี เครื่องหมายที่น่าเป็นห่วงของความแตกแยก ความเห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตัว   ด้วยการผลักไสความดีงามเหนือธรรมชาติ  และความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าให้พ้นไปจากชีวิต และปิดบังบ่อเกิดแห่งความกลมกลืนและความเป็นหนึ่งเดียวกันภายในโลก  สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าขอชื่นชมความพยายามของกลุ่มคริสตชนในประเทศไทย    ที่พยายามรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของชีวิตมนุษย์โดยเฉพาะผู้ที่อ่อนแอตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ที่พวกท่านคงต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ การค้าสตรี และเด็ก และปัญหาเกี่ยวกับการขายบริการทางเพศ แน่นอน เบื้องหลังของปัญหาเหล่านี้คือ    ความยากจน   และในเรื่องนี้ข้าพเจ้าทราบว่าการดำเนินงานด้านสังคมพัฒนาของพระศาสนจักรมีบทบาทที่สำคัญมาก แต่ก็ยังมีอีกมุมมองหนึ่งซึ่งเราต้องยอมรับ  และต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิของมนุษย์ นั่นคือ   การนำเสนอของสื่อมวลชน    และรายการบันเทิงที่ไม่สร้างสรรค์ อันเป็นผลทำให้คุณค่าทางศีลธรรมเสื่อมลง และนำไปสู่การไม่เคารพศักดิ์ศรีของสตรี การทำลายความซื่อสัตย์ต่อกันในชีวิตสมรส และแม้กระทั่งปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก

ด้วยความรักฉันพี่น้อง ข้าพเจ้าขอมอบข้อคิดเหล่านี้แก่พวกท่าน ขออำนวยพร ให้ทุกท่านได้รับเปลวไปแห่งพระจิตเจ้า   เพื่อท่านจะได้ประกาศเป็นเสียงเดียวกันถึงข่าวดีของพระเยซูเจ้า และข้าพเจ้าขออวยพรไปยังบรรดา พระสงฆ์ นักบวช สามเณร และสัตบุรุษทุกคนด้วย นี่เป็นพระดำรัสบางตอนของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่พระคาร์ดินัลได้นำมาอ่านให้บรรดาสมาชิกสภาภิบาลฟังท่านใดสนใจสามารถอ่านเพิ่ม เติมได้หนังสือพิมพ์อุดมสารฉบับที่ 27 ประจำวันที่ 29 มิถุนายน- 5 กรกฎาคม 2008 หน้าที่ 12-13 จากนั้นเริ่มต้นการประชุมตามวาระต่อไปและเสร็จสิ้นประมาณ 16.00 นโดยมีคุณพ่อจำเนียร กิจเจริญอุปสังฆราชได้เสนอคำบรรยายเรื่องหน้าที่บทบาทของฆราวาสและประธานทั้ง 6เขตได้ให้ข้อมูลต่อสภาอภิบาลในเรื่องของการอภิบาล ฯ