|
|
|
การเยี่ยมทุก 5 ปี หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ad Limina visit หมายถึงการเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาเป็นการเฉพาะของพระสังฆราชประจำสังฆมณฑล เพื่อถวายรายงานเกี่ยวกับสถานะของสังฆมณฑลของตนทุกๆ 5 ปี อันแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับสันตะสำนัก และใช้โอกาสนี้ไปคารวะหลุมศพของนักบุญเปโตรและเปาโล ตามธรรมเนียมดั้งเดิมของบรรดาคริสตชน |
|
|
ค.ศ. 743 โดยพระสันตะปาปา ซากาเรีย เป็นเวลาหลายศตวรรษที่การไปเยี่ยมในลักษณะดังกล่าวไม่เป็นการบังคับ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1585 พระสันตะปาปา ซิกซ์ตุสที่ 5 ได้ออกธรรมนูญ Romanus Pontifex กำหนดให้มีการเยี่ยม ad limina ของบรรดาพระสังฆราชทุกๆ สามปี และได้รับการรับรองโดยพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 14 ในธรรมนูญ Quod sancta ในเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 1740 |
|
|
โดยปกติ บรรดาพระสังฆราชจะไป Ad Limina เป็นหมู่คณะ อาจกระทำพร้อมกันเป็นเขตประเทศหรือแขวง (Metropolitan) ตามแต่จำนวนมากน้อยของสังฆมณฑลในแต่ละประเทศ สำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเล็ก ประกอบด้วย 10 สังฆมณฑล ได้เดินทางไป Ad Limina พร้อมกัน |
คณะพระสังฆราชคาทอลิกไทยนำโดยพระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ประมุขอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และพระสังฆราชยอร์ช ยอด พิมพิสาร ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี ประธานสภาพระสังฆราช พร้อมด้วย พระสังฆราชลอเรนซ์ เทียนชัย สมานจิต ประมุขสังฆมณฑลจันทบุรี, พระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ประมุขอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง, พระสังฆราชยอห์น บอสโก ปัญญา กฤษเจริญ ประมุขสังฆมณฑลราชบุรี, พระสังฆราชฟิลิป บรรจง ไชยรา ประมุขสังฆมณฑลอุบลราชธานี, พระสังฆราชยอแซฟ ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ประมุขสังฆมณฑลนครราชสีมา, พระสังฆราชฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวานิช ประมุขสังฆมณฑลนครสวรรค์และคุณพ่อวุฒิเลิศ แห่ล้อม อุปสังฆราชสังฆมณฑลเชียงใหม่ (ผู้แทนพระสังฆราชยอแซฟ สังวาลย์ ศุระศรางค์) ได้เดินทางถึงกรุงโรม ประเทศอิตาลีเช้าวันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม ตามเวลาในอิตาลี ส่วนพระสังฆราชโยเซฟ ประธาน ศรีดารุณศีล ประมุขสังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี และพระสังฆราชมีคาแอล บุญเลื่อน หมั้นทรัพย์ อดีตประมุขสังฆมณฑลอุบลราชธานี ได้เดินทางมาสมทบภายหลัง |
|
|
ตอนเที่ยงของวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมาตามเวลาในอิตาลี พระคาร์ดินัลและพระสังฆราชคาทอลิกไทยจาก 10 สังฆมณฑล ได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 เป็นหมู่คณะ โดยมีพระสังฆราชยอร์ช ยอด พิมพิสาร ประธานสภาพระสังฆราช เป็นผู้กล่าวรายงาน และสมเด็จพระสันตะปาปาทรงกล่าวต้อนรับ ขอบคุณและให้ข้อคิดกับนายชุมพาบาลชาวไทย ให้ช่วยกันส่งเสริมการศึกษาของโรงเรียนคาทอลิก ทรงเตือนนักบวชชายหญิงที่ทำงานในโรงเรียนให้เป็นประจักษ์พยาน และเผยแผ่ความรักของพระเจ้าในโลก ขณะเดียวกันทรงย้ำเรื่องความสัมพันธ์กับพี่น้องชาวพุทธ ในความร่วมมือและส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกัน พร้อมทั้งแสดงความเป็นห่วงต่อการนำเสนอเรื่องเพศในสื่อมวลชนและวงการบันเทิง ที่ทำให้คุณค่าทางศีลธรรมลดต่ำลง พระองค์ทรงตรัสกับนายชุมพาชาวไทยตอนหนึ่งว่า จงให้กำลังใจบรรดาสัตบุรุษให้ยึดมั่นในทุกสิ่งที่จะบันดาลให้เกิดชีวิตใหม่ แห่งการเสด็จมาของพระจิตเจ้า... ดังนั้นการเสด็จมาของพระจิตเจ้า จึงเป็นทั้งพระพรและภารกิจ ซึ่งจะกลับกลายเป็นพระพรแห่งการส่งไป กล่าวคือ การนำเสนอพระคริสตเจ้าและความรักที่พระองค์ให้แก่โลกในประเทศไทย พระพรนี้สามารถสัมผัสได้ โดยผ่านทางการรักษาพยาบาลและการพัฒนาตลอดจนกิจการของ โรงเรียน อาศัยสิ่งเหล่านี้เองที่ชาวไทย ผู้น่านับถือ สามารถมองเห็นและรับรู้ พระพักตร์ของพระเยซูคริสตเจ้าได้ |
ในตอนท้าย สมเด็จพระสันตะปาปาทรงชมเชยความพยายามของกลุ่มคริสตชนในประเทศไทย ที่พยายามรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของชีวิตมนุษย์ ในความสนใจเป็นพิเศษต่อปัญหาสตรี เด็กและโสเภณี ผ่านทางโครงการสังคมพัฒนาของพระศาสนจักร ที่สุดพระองค์ทรงอวยพรแก่พระสังฆราช บรรดาพระสงฆ์ นักบวช สามเณรและบรรดาสัตบุรุษชาวไทยทุกคน |
คุณค่าและความสำคัญ |
|
|
วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม บรรดาพระสังฆราชและผู้ติดตามได้รับเชิญจากพระคาร์ดินัลเรนาโต มาร์ตีโน ให้ไปรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านพักของท่านและเวลา
18.00 น. ตามเวลาในอิตาลี ได้มีพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณร่วมกัน
ระหว่างคณะพระสังฆราชกับบรรดาพระสงฆ์ นักบวชและสัตบุรุษที่กำลังศึกษาและทำงานอยู่ที่กรุงโรม โดยมีพระคุณเจ้าบรรจง ไชยรา เป็นประธานในพิธี ในตอนหนึ่งของบทเทศน์ พระคุณเจ้าได้อ้างถึงพันธกิจที่พระสันตะปาปาตรัสกับบรรดาพระสังฆราชที่ว่า
หลังพิธีมีการรับประทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารจีน โดยพระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู เป็นเจ้าภาพ ทำให้ทุกคนที่มาร่วมได้รับอานิสงค์ ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของวันนี้คือ เมื่อ 38 ปีที่แล้ว ณ ลานมหาวิหารนักบุญเปโตรพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ โดย สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโลที่ 6 ขอร่วมแสดงความยินดีกับพระคุณ เจ้าในโอกาสนี้ด้วย |