หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

ภาพ/ข่าว : สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย

พระคาร์ดินัลต้อนรับ  รมต.วัฒนธรรม และอธิบดีกรมการศาสนา  “ยันพร้อมที่จะรับใช้ประเทศชาติ”  กรุงเทพมหานครlพระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ต้อนรับนายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา นายปกรณ์ ตันสกุล รองอธิบดีกรมการศาสนา นายพิศิฐ เจริญสุข ผู้อำนวยการกองศาสนูปถัมภ์ และเจ้าหน้าที่ผู้ติดตามรวม 10 คน เข้าเยี่ยมคารวะและรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำศาสนาคริสต์ ณ สำนักมิสซังฯ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ.2008พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ได้กล่าวว่า“ศาสนาคริสต์ขอยืนยันว่าพร้อมจะรับใช้ประเทศชาติในทุกอย่างที่ทำได้”และย้ำถึงเรื่องศาสนาว่า     “องพระธรรมคำสอนของแต่ละศาสนา ถ้าคนเราขาดสิ่งนี้ไป จะขาดสิ่งที่สำคัญในความเป็นคน”

โอกาสนี้   พระคาร์ดินัล  ได้แบ่งปันให้ทราบถึงกิจการต่าง ๆ  ที่ศาสนาคริสต์กำลังทำอยู่ด้านการศึกษา ด้านงานสังคมสงเคราะห์ ที่ช่วย เหลือคนด้อยโอกาส คนยากจน คนที่ประสบปัญหา ผู้ป่วยโรคเอดส์ เด็กกำพร้า คนชรา ยาเสพติด และช่วยผู้ที่ประสบภัยสึนามิ ซึ่งยังต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ โดยมีคณะนักบวชต่าง ๆ ที่อุทิศตนทำงานเฉพาะด้านที่แต่ละคณะมีเจตนาของตน  มุ่งเน้นด้านมนุษยธรรม มากกว่าให้คนมาเข้าศาสนาคริสต์ นอกจากนี้ พระคาร์ดินัล ได้แจ้งให้ทราบถึงปัญหาบางอย่างที่ศาสนาคริสต์ประสบอยู่“เรื่องจำนวนมิสชันนารีที่เข้ามาในประเทศไทย เรื่องการห้ามสร้างวัดใหม่ เรื่องภาษี และเรื่องภาษา การใช้ศัพท์บางคำ ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปแล้ว ไม่น่าจะเอาภาษามาแบ่งแยกคนในสังคม ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีและมีประโยชน์แต่อย่างใด และอาจจะเป็นแผลเป็นต่อ  ไปในอนาคต” พระคาร์ดินัลได้ย้ำด้วยเสียงหนักแน่นว่า “เรื่องภาษานี้เป็นวัฒนธรรมของชาติ เป็นเครื่องแสดงถึงความเป็นเอกภาพอย่างหนึ่งและ

 เป็นเครื่องมือที่สำคัญ ช่วยสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในชาติด้วย”

ในเรื่องนี้ พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย ได้เสนอว่า “อยากจะเห็นผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องมาประชุมปรึกษากัน เพื่อหาทางออกร่วมกัน ด้วยความจริงใจต่อกันอย่างถ่องแท้ ด้วยเหตุผลอะไรที่ฝ่ายหนึ่งอาจจะรู้สึกไม่ดี ก็พยายามที่จะพิจารณาด้วยกัน”

พระคาร์ดินัล ได้ชี้แจงให้ทราบถึงกรณีที่มิสชันนารี แต่ละคนจะ  เข้ามา   เราต้องติดต่อขอไปถึงองค์กรหรือคณะของเขาเพื่อมาทำงานที่จำเป็น ที่เราขาด หรือบางครั้งเป็นเขาขอมา แต่ที่สำคัญฝ่ายเรา  ต้องมีการตรวจสอบด้วย   เพราะแต่ละคนกว่าจะเป็นนักบวชต้องเตรียมตัวกันมาเกือบ 20 ปี และมีองค์กรสังกัด มีผู้รับผิดชอบชัดเจน ไม่ใช่มาเดี่ยว ๆ และต้องเป็นผู้ที่อุทิศตนจริง ๆ และเมื่อเข้ามาในประเทศไทย   ก็มาทำงานในองค์กร ในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในกรอบที่เรามอบหมาย มีการติดตามและรับรู้กันตลอด และถ้าหากบังเอิญมีอะไรที่ไม่เหมาะสม พระคาร์ดินัลซึ่งเป็นผู้ลงชื่อรับรอง ก็จะต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ก็ส่งกลับคืนไป ในปีการศึกษา 2551 นี้ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาทางภาคใต้ 10 ทุนให้เรียนจนจบปริญญา ทุนละ 6 แสนพร้อมที่พัก มีทั้งหมด 9 คน  โดยจะมาเรียนที่วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ หรือจะรับทุนไปเรียนที่ภาคใต้ก็ได้ทั้งนี้เพื่อมีส่วนร่วมกับนโยบายของรัฐ

ที่ต้องการให้ช่วยกันสร้างความสามัคคี สร้างความเข้าใจในชาติบ้านเมือง ใน 3-4 จังหวัดทางภาคใต้ มีผู้ที่เป็นคริสต์ไม่มากนัก ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กำลังสร้างโรงเรียนอาชีวะดอนบอสโก รับนักเรียนได้ 300 คน  คาดว่าจะเปิดได้ในปีนี้     ซึ่งจะรับนักเรียนส่วน ใหญ่ไม่ใช่คริสต์   เรื่องการศึกษา ให้เยาวชนเขาได้มีอาชีพ จะได้ช่วยรัฐแก้ปัญหาบ้านเมืองในระยะยาว  นอกจากนี้ พระคาร์ดินัล ยัง ได้แจ้งให้ทราบว่า ในช่วง 10 ปีมานี้ ได้มีประชุมระดับต่างประเทศ เข้ามาในประเทศไทยบ่อย ๆ เนื่องจากความสะดวกสบาย  และค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก และการที่ประเทศไทยเรา รับเป็นเจ้าภาพ ก็ถือเป็นโอกาสได้ช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในเรื่องดี ๆ และช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ไปด้วย โดยหลายครั้งก็ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ และในอนาคตก็อาจจะขอเชิญฝ่ายรัฐบาล หรือผู้รับผิดชอบงานที่เกี่ยวข้องไปเป็นประธานหรือร่วมงานบ้าง ซึ่งท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมก็กล่าวว่า “ถ้าไม่ติดอะไร ก็ยินดี ขอเพียงมีจดหมายแจ้งให้ทราบ”

ในโอกาสนี้พระคาร์ดินัลได้มอบหนังสือที่ระลึก      ประวัติความสัมพันธ์ระหว่างไทยและวาติกัน ประวัติพระสังฆราชปัลเลอกัวซ์  และหนังสืออนุสรณ์ “25 ปี สมณศักดิ์พระคาร์ดินัล”   แก่ท่านรัฐมนตรีและอธิบดีกรม การศาสนา และของที่ระลึกแก่คณะผู้ติดตามด้วย
พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ปัจจุบันอายุ79 ปีบวชเป็นพระสงฆ์ ได้ 49 ปี ได้รับอภิเษกเป็นพระสังฆราชมานาน 35 ปีได้รับแต่งตั้งเป็น “พระคาร์ดินัล” ครบ 25 ปี และเป็นผู้หนึ่งที่ได้มีส่วนร่วมลงคะแนนลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน ตลอดเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง บรรยากาศเป็นกันเอง อบอุ่น ท่านรัฐมนตรีฯ นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ได้รับว่าจะนำประเด็นต่าง ๆ  ไปปรึกษาหารือกับผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป พระคาร์ดินัลได้กล่าวว่า “ยินดีต้อนรับทุกท่านเสมอ”ซิสเตอร์กฤษดา สาตร์พันธ์ ผู้รับผิดชอบเรื่องวีซ่าของมิสชันนารีและขออนุญาตทำงาน ได้ให้รายละเอียดกับ “อุดมสาร”  ภายหลังว่า   “การขอวีซ่าชั่วคราวได้นาน 1 ปี แต่ละปีที่ต่อวีซ่าต้องเสียเงินค่าธรรมเนียม   1,900

บาท และในเวลาเดียวกันก็ต่ออายุการทำงานในประเทศไทยอีกปีละ 3,000 บาทต่อคน เรื่องภาษีรายได้การทำงาน ได้รับยก เว้นจากกรมสรรพากรไม่ต้องเสีย เนื่องจากมิสชันนารีทำงานด้านศาสนา ไม่ใช่ธุรกิจ ไม่มีเงินเดือน   ซึ่งจำนวนมิสชันนารีที่กรมการศาสนารับรองทั้งชายและหญิงมีทั่วประเทศมีประมาณ 300 คน”

ปัจจุบันมีแต่วีซ่าชั่วคราวเท่านั้น และกรมการศาสนาไม่อนุญาตให้เพิ่ม   แต่ถ้าในกรณีที่มีคนกลับไปหรือตายก็สามารถรับคน ใหม่เข้ามาแทนได้