วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2008 เวลา 18.00 น. พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู เป็นประธานในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ โอกาสฉลองสักการสถานบุญราศี คุณพ่อ นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง พระสงฆ์ และมรณสักขี  ร่วมกับคุณพ่อจำเนียร กิจเจริญ อุปสังฆราช  คุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร ผู้ช่วยพระสังฆราชฝ่ายบุคคลาภิบาล คุณพ่อบุญเสริม เนื่องพลี ผู้ช่วยพระสังฆราชฝ่ายสังคม คุณพ่อ วิทยา แก้วแหวน ผู้ช่วยพระสังฆราชฝ่ายงานอภิบาลและธรรมทูต คณะสงฆ์ นักบวช ชาย - หญิง และสัตบุรุษ ผู้ที่รักและศรัทธาในคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง มาเป็นจำนวนมาก

จากปี ค.ศ. 2000 ที่ผ่านมา หลายคนได้รับพระพร  อัศจรรย์จากความรักในเรื่อง ต่าง ๆ ชองชีวิตมากมาย โดยผ่านทางบุญราศี คุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง หลายคนรักและศรัทธาในชีวิตและแบบอย่าง จากการเขียนบันทึกประสบการณ์อัศจรรย์ที่ได้รับผ่านทางนิโคลาส เหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในพระพร ที่หวังอยู่ในชีวิตเสมอว่า คุณพ่อนิโคลาส จะเสนอวิงวอนแทนเรา  ปีนี้หลายคนจึงพาครอบครัวมา ขอบคุณ และร่วมจิตร่วมใจภาวนาเป็นพิเ้ศษ ให้พ่อนิโคลาสอันเป็นที่รักยิ่ง ได้รับการเสนอเป็น นักบุญโดยเร็ววัน

ปีนี้เป็นบรรยกาศแบบสบาย ๆ  เป็นเสาร์วันหยุด ที่หลายคนไม่พลาดที่จะมาร่วมงาน มีน้อง ๆ สามเณรจากบ้านผู้ฝึกหัดต่างๆ ของคณะนักบวช มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก อีกทั้งกลุ่มคนรักพ่อนิโคลาส ก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขันในการต้อนรับผู้มาร่วมงานเป็นอย่างดี บรรยากาศวันนี้จึงดูมีความอบอุ่น เป็นกันเอง

อีกทั้งหลังมิสซา ก็ยังมีการแ่ห่พระธาตุไปรอบ ๆ วัดนักบุญเปโตร สัตบุรุษแห่โคม ร้องเพลงไปด้วย เป็นเหมือนแสงสว่าง และเสียงเพลงที่ส่งเสียงโมทนาคุณพระเจ้า ที่โปรดให้แบบอย่างชีวิตของคุณพ่อ ได้ดังก้องไปในชีวิตของพวกเขา และเราก็เชื่อว่า เสียงสรรเสริญนี้จะดังกึงก้องไปทั่วเมืองสวรรค์

ในบทพระวรสาร พระคาร์ดินัล ได้ให้ข้อคิดในโอกาสฉลองระลึกถึงคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุงว่า

ชื่อคุณพ่อนิโคลาส รู้จักกันในสังคมเล็ก ๆ ในพระศาสนจักรในประเทศไทย ท่านได้นบนอบผู้ใหญ่ ให้ไปบอกเรื่องราวของพระเยซูเจ้าในที่ต่าง  ๆ มีการพิพากษาและถูกจำคุก เขาได้นำศพท่านไปฝังใกล้กับเรือนจำ ต่อมาเมื่อผู้ใหญ่ทราบความจึงขอนำศพท่านมาฝังไว้ยัง อาสนวิหารอัสสัมชัญ และในปีปิติมหาการุณ ได้มีการสถาปนาให้ท่านได้รับเกียรติ เป็นบุญราศี ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักกับคุณพ่อนิโคลาสมากขึ้น  ถามว่า เหตุใดพระศาสนจักรจึงได้ประกาศเกียรติคุณใ้ห้กับท่าน ประกาศรับรองความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน และทำไมพระศาสนจักรจึงยอมรับประกาศถึงความมั่นคง ซื่อสัตย์ กล้าหาญเป็นแบบอย่าง ในการเสียสละแก่มวลคริสตชน  คำตอบมีอยู่ในบทจดหมายของท่านนักบุญเปาโลถึงทิโมธีตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่าน “พระวาจาของพระเจ้า จะถูกจำจองไม่ได้” ข้าพเจ้าทำตาทุกสิ่งเพื่อความรอดพ้นเพื่อพระนามของพระเจ้า

นักบุญเปาโลมีความเชื่ออย่างแน่นแฟ้นในตัวพระเยซูเจ้า ท่านมีความมั่นใจในองค์พระเยซูเจ้า ว่ามีความรอด และท่านมั่นใจว่า ความรอดนี้จะมีกับทุก ๆ คนในการประกาศข่าวดี ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงกับทุกคน “ข้าพเจ้าถูกจองจำได้ แต่พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำไม่ได้” 

พระศาสนจักรประกาศความศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่อ ท่านเป็นพระสงฆ์ของพระเจ้า ท่านรับมอบพันธกิจเหมือนท่านนักบุญเปาโล ท่านประกาศข่าวดีถึงองค์พระเยซูเจ้า คุณพ่อนิโคลาส เชื่อหนักแน่นในองค์พระเยซูเจ้า และในภาวะที่ท่านไม่สามารถประกาศข่าวดีได้โดยสะดวก แม้ท่านถูกจองจำอยู่ในคุก ท่านก็ยังประกาศข่าวดี และทำให้คนที่อยู่ในคุกนั้น ได้รับชีวิตใหม่ในองค์พระเจ้า

ในโอกาสที่เรามาให้เกียรติแด่ท่าน สิ่งที่พึงนำไปปฏิบัติในชีวิต  แต่ละคนต่างได้รับความเชื่อตั้งแต่วันที่เราได้รับศีลล้างบาป ได้ชื่อว่าเป็นคริสตชนเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า และบางคนพระเป็นเจ้าก็ได้เรียนกมาเป็นศาสนบริกรต่าง ๆ ต่างได้รับกระแสเรียกเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าและเมื่อมีสถานภาพเช่นนี้ เราจึงต้องตระหนักในพระคุณของพระเจ้า สำนึกว่าเรามีหน้าที่จะต้องบอกเรื่องราวของพระเยซูเจ้า ไปสู่เพื่อนในสังคม ตามฐานะตามกระแสเรียก การประกาศข่าวดี นำข่าวดี นำความเชื่อ เหมือนกับคุณพ่อนิโคลาส

แต่ในปัจจุบัน วัตถุนิยม บริโภคนิยม และสุขนิยม เป็นอุปสรรคทำให้เราไม่สามารถประ กาศข่าวดี  คุณพ่อนิโคลาสยืนยันความเชื่อด้วยชีวิต ท่านไม่ได้พลีชีพโดยตรง แต่
ทำไมพระศาสนจักรจึงประกาศเกียรติคุณให้ท่านเป็นมรณสักขี เป็นเพราะว่า ท่านได้ประกาศข่าวความเชื่อตั้งแต่ต้น จนปลายชีวิต ท่านยอมรับความอยุติธรรม จนที่สุด
เป็นวีรกรรมที่เราเห็นจากท่าน   ในชีวิตคริสตชน ชีวิตประจำวันเราต้องประกาศ
ความเชื่อในฐานะศาสนบริการของพระเจ้า เราต้องประกาศข่าวดี ซื่อสัตย์ต่อ
กระแสเรียกของเรา ต่อหน้าที่ในกระแสเรียกของเรา

ดังนั้นวันนี้เราจงขอพลังความเชื่อ เราต้องอุทิศตนเพื่อเห็นแก่พระเป็นเจ้า และนำตนประกาศ “ช่าวดี “  ถ้าเราตายเราก็ตายพร้อมกับพระองค์ แม้เราไม่ซื่อสัตย์แต่พระ
องค์ พระองค์ยังคงซื่อสัตย์เสมอต่อเรา และให้เราได้มาเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ต่อไป