
ชอบสวดมนต์ภาวนา คุณแม่สอนให้ เด็กชายตุ๊ หัดทำเดชะ พระนาม และสวดบทอาเวมารีอาเป็นตั้งแต่ยังเล็กๆ ก่อนเข้าเรียนแล้
ว และรู้สึกว่าเด็กชายตุ๊สนใจและชอบสวดภาวนาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเวลาสวดพร้อมกันตอนค่ำก่อนเข้าเรียน
เข้าเรียน เมื่อ เด็กชายตุ๊ อายุประมาณ 5 ขวบ ก็ตามพี่ๆไปโรงเรียนชื่อ นักบุญเทเรซา ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 4 กม. หน้าแล้งเดินไปตามทุ่งนา หน้าน้ำต้องพายเรือไปกลับทุกวัน สมัยนั้นชั้นเตรียมนักเรียนใช้กระดานชนวนแทนสมุดและต้องนั่งเรียนกับพื้น รู้สึกว่า เด็กชายตุ๊ เรียนไม่เก่ง อ่านไม่ออก จำไม่ได้ เขียนไม่เป็น ต้องโดนตีจนหัวเข่าแดงทั้งสองข้างทุกวัน
ผจญภัยทางน้ำ เย็นวันหนึ่ง ขณะพายเรือจากโรงเรียนกลับบ้าน ในเรือมีพี่ๆและญาติหลายคน เด็กชายตุ๊ เป็นคนเล็กสุดนั่งอยู่ใกล้ปี๊บ มีฝาปิดกันเปียกฝน ซึ่งใช้ใส่หนังสือรวมกันแทนกระเป๋าหนังสือ พี่ชายคนใหญ่คือนายเป๋ ได้ชื่อว่าเป็นนักแม่นหนังสะติ๊ก ยิงรับบินนกยางได้หลายตัวจนกระสุนหมด เห็นนกยางอีกฝูงหนึ่งบินมาต่ำน่ายิง จึงเอาหอยโข่งตัวใหญ่แทนลูกกระสุน ปรากฏหอยโข่งโด่งขึ้นไปบนฟ้าไม่ถูกนก แล้วก็ดิ่งลงมากลางลำเรือ ทุกคนหลบหอยโข่งเรือคว่ำกลางแม่น้ำ ดีหน่อยที่ทุกคนว่ายน้ำเป็น เด็กชายตุ๊
คว้าปี๊บพยุงลอยน้ำไปขึ้นฝั่งรอดตายไปได้
ย้ายบ้าน คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าบ้านอยู่ไกลวัดและโรงเรียนมาก ไปมาไม่สะดวก ประจวบกับการทำมาหากินไม่ราบรื่น จึงย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆวัด เวลานั้น เด็กชายตุ๊ อายุประมาณ 6 ขวบ ทุกอย่างก็สะดวกสบายขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างญาติทางบิดาก็ห่างไปบ้าง แต่ก็มีความใกล้ชิดญาติทางคุณแม่มากขึ้น
ความศรัทธา คุณพ่อคุณแม่กวดขันให้ลูกทุกคนไปวัดทุกอาทิตย์ แก้บาปรับศีลบ่อยๆ เวลานั้น คุณพ่อบรัวซา เป็นเจ้าอาว
าส 3 วัด คือบ้านปลายนา เจ้าเจ็ด และหน้าโคก ท่านประจำอยู่ที่วัดบ้านปลายนา โดยมี คุณพ่อสำอาง (พ่อสูง) หรือ คุณพ่อเอากูสตีโน เป็นปลัด ไปๆ มาๆ ระหว่างวัดเจ้าเจ็ดกับหน้าโคก
เด็กชายตุ๊ไปวัดทุกอาทิตย์ แม้ไม่มีพระสงฆ์ทำมิสซา ชอบช่วยมิสซาทั้งๆที่ตอบภาษาลาตินไม่เป็น ยกหนังสือยังไม่ถึง เคยเป็นคนถือหาง (เสือยาวใหญ่) ของ สังฆราชเปโรส เวลามาทำพิธีโปรดศีลกำลังชอบร้องเพลงมิสซาเป็นภาษาลาตินในบท
มิสซาที่พระสงฆ์ร้อง พร้อมทั้งทำท่าทางไปด้วย เช่น ดอมีนูส โวบีสกุม...ชอบเลียนแบบพระสงฆ์ทำมิสซาที่บ้านเอากล้วยมาหั่นเป็นแว่นๆ ตี๊ต่างเป็นศีลมหาสนิทแจกน้องๆ ฯลฯ

เข้าบ้านเณรศรีราชา จบประถมปีที่ 4 เข้าบ้านเณรศรีราชาพร้อมกับพี่ชายคือ คุณพ่อเสวียง ปี 1939 โดยคุณพ่อสำอาง เป็นผู้ส่ง
ก่อนไปคุณพ่อพาไปอำลา คุณพ่อบรัวซา ที่บ้านปลายนา ซักซ้อมกันก่อนอย่างดีให้พูดว่า ผมขอไปเป็นเณร เพราะกลัว เด็กชายตุ๊ จะพูดไม่ถูก
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นายสวัสดิ์ ผู้เป็นบิดาก็พา เด็กชายโล้น และเด็กชายตุ๊ เข้ากรุงเทพฯ พักที่บ้านพระโอวาทซึ่งเป็นลุงที่สามเสน ตอนกลางคืนพระโอวาทเอาเชือก 2 เส้น แต่ละเส้นมีปมแน่นส่งให้เณรน้อยในอนาคตคนละเส้น และบอกเป็นลางว่าใครแก้ปมได้สำเร็จก็บวชได้ ปรากฏว่าเณรโล้นมุ่งมานะแก้อยู่นานจนสำเร็จ ส่วนเณรน้อยเจ้าปัญญาใช้ฟันกัดเชือกโยนปมทิ้งไปเลย เ
ลยทั้งสองก็ได้บวชคนละแบบ คือแบบสั้นกับแบบยาว
มุ่งไปศรีราชา เวลานั้นยังไม่มีรถยนต์เหมือนเวลานี้ต้องไปรถไฟจากหัวลำโพงถึงแปดริ้ว รู้สึกว่าเณรน้อยทั้งสองตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะได้นั่งรถไฟครั้งแรกในชีวิต จากแปดริ้วต้องต่อรถประจำทางถึงศรีราชา รถวิ่งเลยบ้านเณรไปเกือบถึงทางเข้าอัสสัมชัญ ต้องเดินย้อนกลับมากลางแดด แบกที่นอนมีเสื่อ ผ้าห่ม และหมอนไปด้วย
ถึงบ้านเณรพระหฤทัยศรีราชา ประมาณบ่ายโมงเณรกำลังเล่นฟุตบอลกลางสนาม พบ คุณพ่อมอนีแอร์ อธิการ พาไปดูที่นอนแล้ว
พาไปทานข้าวเที่ยง เณรตุ๊ รู้สึกตื่นเต้นกับตึกใหญ่ๆเป็นพิเศษ ตอนบ่ายบิดาพาเณรน้อยทั้งสองไปเที่ยวทะเล เณรตุ๊ ตื่นเต้นบอกบิดาว่า จา จา (คำเรียกพ่อภาษาญวน) ดูซี ขอบฟ้าอยู่ใกล้จังเลย เณรน้อยเห็นทะเลครั้งแรกในชีวิตไม่เชื่อว่าน้ำเค็มต้องเอามือวักขึ้นมาชิมแล้วจึงเชื่อ
เณรรุ่นเดียวกันกับเณรน้อยทั้งสองในปีนั้นมีทั้งหมด 17 คนซึ่งรวมทั้งท่าน คาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ด้วย เดิ
มชื่อว่าฮั่วเซี้ยง และในรุ่นนี้ได้บวชเพียง 4 คนเท่านั้น คือ คุณพ่อประพนธ์ ชัยเจริญ อีกองค์หนึ่ง
ย้ายบ้านเณร เรียนเป็นเณรที่ศรีราชาชั้นมัธยมปีที่ 1 ภาษาฝรั่งเศสยังไม่จบปีก็เกิดสงครามอินโดจีนบ้านเณรถูกปิด เณรต้องกลับบ้านหมดอย่างกระทันหัน จากนั้นก็มีคำสั่งให้ไปอยู่บ้านเณรบางนกแขวก เป็นหน้าที่ของบิดาต้องพาไปส่งอีก ขึ้นรถไฟที่คลองสาน ข้ามแม่น้ำท่าจีนต่อรถไฟไปแม่กลอง ต่อเรือแดงชื่อ แตงโม ไปจนถึงบ้านเณรบางนกแขวก อยู่บางนกแขวก 4 ปี ต้องเริ่มเรียน
มัธยม 1 ใหม่ เป็นภาษาอังกฤษ จบมัธยม 4 แล้วก็ย้ายไปอยู่บ้านเณรศรีราชาใหม่ ซึ่งเวลานั้นได้ทำการเปิดใหม่แล้วสมัย คุณพ่อสงวน สุวรรณศรี แล้วต่อมาเป็น คุณพ่อมีแชลอ่อน มงคลจิต เป็นอธิการและท่านทั้งสองได้เป็นสังฆราชต่อมาภายหลัง เรียนต่อมัธยม 5-6 แล้วเป็นครูอีก 5 ปี จึงได้ไปเรียนต่อที่บ้านเณรใหญ่ปีนัง
ไปช้าโชคดี เวลานั้นคุณพ่อมีแชลอ่อน เป็นอธิการน่าจะส่งเณรตุ๊ ไปเรียนต่อพร้อมกับพี่ชาย แต่ไม่ทราบเพราะเหตุผลกลใดจึงต้อง
รอมาอีกถึง 2 ปี วีซ่าเข้าปีนังก็ได้ช้า ท่านโชแรง จึงตัดสินใจให้ไปเครื่องบิน เณรตุ๊ ตื่นเต้นใหญ่ได้นั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต 6 ปีที่ปีนัง การเรียนราบรื่น ความประพฤติเรียบร้อย การงานดี สุขภาพสมบูรณ์ จึงผ่านด่านได้อย่างสงบสบายทุกด่านอย่างราบรื่น ไม่ได้กลับเยี่ยมบ้านเลยระหว่างเรียน กลับได้ก็เมื่อเรียนจบปี 1957/2500
โปรบาซีโอ (ทดสอบก่อนบวช) ท่านโชแรง สั่งให้ไปฝึกหัดงานก่อนบวชที่วัดพิษณุโลกกับ คุณพ่อการ์แรล สอนคำสอน ดูแลพลมา
รี, งานวัด, เรียนหัดพูดภาษาจีนแคะ เยี่ยมเยียนสัตบุรุษ ฯลฯ ปรากฏว่าผ่านไปโปรบาซีโอได้อย่างรวดเร็วและเรียบร้อย

4 มี.ค. 1958 ซุบดีอาโก ที่วัดน้อยบ้านท่านโชแรง 7 มี.ค. 1958 ดีอาโกโน (สังฆานุกร) ที่วัดน้อยบ้านท่านโชแรง 16 มี.ค. 1958 พระสงฆ์ ที่วัดบ้านแพน ปี ค.ศ.1958-1961เป็นผู้ช่วยอธิการบ้านเณรศรีราชา และผู้จัดการโรงเรียนดาราสมุทร สมัยคุณพ่อยวง นิตโย
ปี ค.ศ.1962 - 1965เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสอาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก ปี ค.ศ.1965 - 31 พ.ค.1965เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน ปี ค.ศ.1965 - 1973เป็นเจ้าอาวาสคอนเซปชัญ ปี ค.ศ.1973 - 1979เป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญเปโตร สามพราน ปี ค.ศ.1979 - 1983เป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญยอแซฟ ตรอกจันทน์ ปี ค.ศ.1983 - 1989เป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน ปี ค.ศ.1989 - 1 พ.ค.1994เป็นเจ้าอาวาสวัดซางตาครู้ส กุฏีจีน
1 มี.ค.1994-5 พ.ค. 1996ผู้ฟังแก้บาปในโอกาสพิเศษของคณะภคินีอารามคาร์แมลกรุงเทพฯ 5 พ.ค. 1996ลาเกษียณและพักประจำบ้านพักพระสงฆ์อาวุโสอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

นอกจากหน้าที่ปลัดและเจ้าวัดที่ต้องกระทำโดยหน้าที่เป็นประจำอยู่แล้ว คุณพ่อตุ๊ ยังมีหน้าที่พิเศษที่ได้รับต่างๆดังนี้
- จิตตาธิการสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย - จิตตาธิการคณะพลศีลแห่งประเทศไทย - จิตตาธิการคณะนักบวชวินเซนเดอปอลของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ - ประธานสภาสงฆ์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ 2 สมัย - ผู้อำนวยการศูนย์สังคมพัฒนาแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ - ได้สนับสนุนส่งเสริมกลุ่มเครดิตยูเนี่ยนทั่วอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และสังฆมณฑลอื่นๆด้วย ตามโอกาสอำนวย ได้ช่วยจัดตั้งกลุ่มเครดิตยูเนี่ยนหลายแห่งเช่น คอนเซ็ปชัญ, เปโตร, ตรอกจันทน์, เซนต์คาเบรียล ฯลฯ

- ที่ปรึกษาศูนย์สังคมพัฒนา แผนกเครดิตยูเนี่ยน - ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน วัดนักบุญเปโตร
งานอดิเรก -เป็นนักเขียนสมัครเล่นในสัปดาห์สารของวัด, สงฆ์สัมพันธ์, อนุสรณ์เครดิตหลายแห่ง ฯลฯ -เลี้ยงปลา หย่อนใจ ผ่อนอารมณ์ -เก็บรวบรวมเอกสารของเก่าและแสตมป์
วงการสังคม คุณพ่อตุ๊ เข้าได้กับคนทุกระดับชั้นเด็กเล็ก หนุ่มสาว แก่เฒ่าชรา พ่อค้าข้าราชการ นิสิต นักศึกษารวย จน บ้านนอกบ้านนา พ่อค้าราชการ นิสิตระหว่างสงฆ์ คุณพ่อตุ๊ ก็สนิทสนมกับทุกๆองค์ อาศัยชื่อเสียง 3 ใบเถา คุณพ่อตุ๊ก็ยิ่งเป็นที่รู้จัก รักใคร่กับบุคคลทั่วไปอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
คุณพ่อตุ๊บวชมาได้ 50 พรรษาแล้ว พี่น้องได้รู้จักตัวท่านและผลงานของท่านมามากพอสมควรแล้ว ขอพี่น้องช่วยสว
ดมนต์ภาวนา และส่งเสริมสนับสนุนให้กำลังใจคุณพ่อของเราให้ก้าวหน้าในคุณงามความดีและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆขึ้น และขอพระเป็นเจ้าทรงคุ้มครองให้ท่านอยู่เย็นเป็นสุข พ้นทุกข์พ้นภัยทั้งกายใจตลอดไปด้วยเทอญ
|