หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2007 เวลา 09.00 น. คุณพ่อไพฑูรย์ หอมจินดา จิตตาธิการฝ่ายปกครองวัดเป็นประธานในพิธีบูชามิสซาขอบพระคุณ โอกาสประชุมใหญ่สามัญประจำปี ณ ห้องประชุมศาลาเซนต์ไมเกิ้ล บ้านผู้หว่าน  โดยมีสภาอภิบาลเข้าร่วมประมาณ 200 คน จากเขตการปกครองวัดทั้ง 6 เขต

คุณพ่อไพทูรย์ พูดให้ข้อคิดในบูชามิสซาขอบพระคุณ โอกาสประชุมใหญ่สามัญประจำปีนี้ครั้งนี้ว่า

ในวัดของเรามีเหตุการณ์ที่เรายอมรับได้ยากเกิดขึ้นบ่อย ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงคุณพ่อเจ้าอาวาส ซึ่งแต่ละองค์มีบุคคลิกการทำงานไม่เหมือนกับองค์ก่อนที่เราชอบ เรารับยาก เราก็จะรู้สึกว่า บุคคลอย่างนี้รับไม่ได้

ในชีวิตขององค์พระเยซูเจ้าก็เช่นเดียวกัน เวลาที่พระเยซูเจ้าทำงานเทศน์สอนประชาชนชาวยิว ก็ไม่ใช่ชาวยิวทุกคนจะนิ่งเงียบ ฟัง มีชาวยิวหลายคนที่คัดค้าน โต้่แย้งพระองค์ เช่นกัน สภาอภิบาลหากมีข้อโต้แย้งระหว่างสภาอภิบาลด้วยกัน หรือ ระหว่างสภาอื่น ๆ ก็จงฟังพระวรสารวันนี้ดี ๆ

วันนี้องค์พระเยซูเจ้าได้ให้คำสอนที่ชาวยิวรับไม่ได้จริง ๆ ชาวยิวมีความเชื่อ ความศรัทธาต่อพระยาเวห์ ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ให้รางวัลคนดี ลงโทษคนชั่ว พระยาเวห์เอาโทษผิด  ซึ่งชาวยิวนับถืออย่างนี้มาเป็นเวลาพันปี ชาวยิวจึงเป็นลักษณะตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะเมื่อใครทำผิดก็ลงโทษทันที นี่คือกาคิดแบบชาวยิว แต่วันนี้พระเยซูเจ้าพระองค์ให้คำสอนใหม่ เปลี่ยนพระยาเวห์ เป็นพระบิดา ชาวยิวไม่เอา ไม่รับ เพราะบิดาแปลว่า “พ่อ” บิดาใกล้ชิดสนิทสนม ชาวยิวรับคำสอนข้อนี้ไม่ได้ เพราะเท่ากับพระเยซูเจ้าอ้างตัวว่าเป็นลูกมีความสนิทสนมกับพระเป็นเจ้า ชาวยิวรับไม่ได้ ในอดีตพระเป็นเจ้าสูงส่ง ยิ่งใหญ่ ทรงฤทธิ์ บังคับ ควบคุมปกครอง แต่กระนั้น เราเองก็ยังชอบคนใจดี เหมือนกับเราคนไทย ที่รักแม่ เพราะเรามีความใกล้ชิดกับแม่ มากกว่าพ่อ เด็ก ๆ จะรักแม่มีความสนิสนม ซึ่งหลายคนคิดว่า พ่อเป็นคนดุ

วันนี้พี่น้องต้องพิจารณาเป็นพิเศษ เราซึ่งเป็นสภาอภิบาล เวลาปัญหาที่เกิดขึ้น เรารับไม่ได้เราทำอย่างไร ?
พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผย พระองค์รู้จักถ้อยทีถ้อยอาศัย เมื่อรู้ว่า กลุ่มใหญ่รับไม่ได้ ก็ไปกลุ่มย่อย ๆ พระเยซูเจ้าทรงหาวิธีการปรับเปลี่ยนที่จะทำการเทศน์สอน พระองค์เดินไปเทศนารอบ ๆ  ไปเรื่อย ๆ เทศน์กลุ่มเล็ก ๆ ก่อน ทีละ 10 คน 20 คน

จึงเป็นข้อคิดที่อยากจะนำมาแบ่งปันกับพี่น้องว่า เมื่อวัดของเราเกิดปัญหา เปลี่ยนบุคคลากรใหม่ ก็เริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ ก่อนค่อย ๆ ทำไปมีหลายครั้งที่เราทำงานคนเดียว เราอาจจะรู้สึกหนัก เราดูชีวิตพระเยซู พระองค์ก็เริ่มต้นคนเดียวก่อน พอมีท่าทีจะดีก็ไปเลือกผู้ช่วยคืออัครสาวก ทีละคน มาช่วยกันทำทีละน้อย เราจึงไม่สงสัยว่า ทำไมพระองค์จึงทรงสนิทกับสานุศิษย์กลุ่มแรก เพราะได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา เ

ราอาจท้อแท้ ค่อย ๆไปจาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 คน ไปเรื่อยๆ และหากมีกำลังมากขึ้น ก็รู้จักเจรจา พูดคุย เรามีต้นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่บางอย่างคิดจะทำซะเอง เราก็ทำงานเพียงคนเดียวแน่นอน พระเยซูเจ้าเริ่มแต่น้อย หากวัดนั้นต้องเริ่มงานใหม่ ขยายงานใหม่ หรือ ทำอะไร ก็เริ่มทำทีละน้อย พ่ออยากจะแบ่งปัน เราต้องคิดเอง ไตร่ตรอง ตัดสินใจเอง เพราะเราเป็นผุ้ใหญ่แล้ว

จากผลการรายงานดำเนินงานชมรมฆราวาสคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ  วันที่ 24 กันยายน 2006 ที่ผ่านมา  คณะกรรมการชมรมฆราวาสฯ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ชมรมฆราวาสเขต ทั้ง 6 เขต ประชุมกันที่วัด แม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด หัวตะเข้ โดยมีคุณพ่อไพฑูรย์ หอมจินดา จิตตาธิการเป็นประธานในการประชุมได้ทำการเลือกตั้ง และแต่งตั้งเจ้้าหน้าที่บริหารคณะกรรมการชมรมฆราวาสคาทอลิกอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ  จากผู้แทนของชมรมเขตเจ้าหน้าที่บริหารของคณะกรรมกา รชมรมฆราวาสที่ได้รับการเลือกคือ

- นายพัชรีปาน อิสรภักดี  ประธานชมรม ฯ
- นางสาวสมศรี มธุรสสุวรรณ รองประธาน
- นางวารุณี แสงลิ้มสุวรรณ เลขานุการ
- นาย วรวุฒิ ศิริวรศิลป์   เหรัญญิก
- นายมานพ ผิวเกลี้ยง ปฏิคม / ประชาสัมพันธ์


ในวาระการประชุมครั้งนี้ ได้เน้น “ บทบาทของเยาวชน ให้เห็นคุณค่าของพระศาสนจักร ที่จะมีส่วนร่วมกับคณะกรรมการสภาอภิบาลของวัดต่าง ๆ และเรียนรู้งานด้านสภาอภิบาลของวัด ”

ในวันนี้มีการอภิปราย หัวข้อ “บทบาทสภาอภิบาลในการนำกฤษฎีกาสู่ภาคปฏิบัติ” โดยคุณพ่อไพฑูรย์ หอมจินดา

หัวข้อ “ ข้อเรียกร้องของกฤษฎีการ” โดยคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช และ อภิปรายนำเสนอประเด็นสภาพปัญหาสังคม

การจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะจัดขึ้นเพียงปีละครั้ง และวันนี้ ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากตัวแทนสภาอภิบาลวัดต่างๆ ซึ่งมาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง ไม่ต่ำกว่า 5 คนต่อวัด อีกทั้ง ปีนี้เยาวชนที่มาร่วม ก็เป็นเหมือนพลัง คนหนุ่มสาวไฟแรง คาดว่าน่าจะช่วยงานวัดได้เป็นอย่างดี