หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

เสกสุสานวัดนักบุญเปโตร

โดย...ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2006 เวลา 08.00น. คุณพ่อจำเนียร กิจเจริญ เป็นประธานในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ      พร้อมด้วยพระสงฆ์ และสัตบุรุษ  โอกาส เสกสุสานวัดนักบุญเปโตร สามพราน ซึ่งปีนี้บรรดาสัตบุรุษมากมากกว่าปีที่แล้ว

คุณพ่อจำเนียร กิจเจริญ     กล่าวในบทเทศน์ว่าช่วงเวลาอย่างนี้ เป็นช่วงเวลาตรุษจีน ซึ่งเป็นวันไหว้  และเราก็ได้ถือโอกาสนี้เข้ามาทำการไหว้ แสดงความรัก และเคารพบรรพบุรุษของเรา ที่เรารัก ที่เราได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องด้วย ได้ตายจากเราไปและ ได้มีร่างอยู่ในหลุมข้างหน้าเรานี้    เรามาเพื่อความระลึกถึงเขา เรามาด้วยเจตจำนง ที่จะร่วมกันถวายบูชามิสซาภาวนาอุทิศแด่  เขา ให้เขาได้ เขาสู่ชีวิตใหม่  ชีวิตนิรันดรอย่างครบสมบูรณ์กับพระเป็นเจ้า เราปฏิบัติกันมาทุกปี ที่เรามาพร้อมหน้ากัน  เรามีความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า  เชื่อว่าพระองค์เป็นพระบุตรของพระเป็นเจ้าที่ลงมาไถ่กู้เรา    จากที่เราได้ฟังพระวรสารวันนี้ว่า "ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบหมายให้เรา จะมาหาเราผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ขับไล่" เราลงมาจากสวรรค์ ไม่ใช่เพื่อมาทำตามใจเรา แต่ทำตามน้ำพระทัยพระบิดาผู้ทรงส่งเรามา

เพราะฉะนั้นเมื่อเราเชื่อในพระองค์เราก็เท่ากับว่าเราเชื่อในชีวิตของเรา    เราจะพบความสุขสมบูรณ์ได้     ก็เมื่อเรากลับไปหาพระบิดา  บัดนี้ที่จากเราไปอยู่ในหลุมต่อหน้าเรานี้ เขาเคยเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าบนโลกนี้มาแล้ว วันนี้เป็นวันแห่งการประกาศ ความเชื่อของเรา และพร้อมกับความเชื่อเช่นนี้ จึงเป็นการแสดงออกถึงความหวังของเราที่ว่าผู้ที่จากเราไปแล้วนี้

มีร่างอยู่ในหลุมต่อหน้าเรานี้ ได้เข้าไปอยู่ในอ้อมอกพระบิดาแล้ว ทุกคนที่เชื่อพระองค์เรามาแสดงความระลึกถึงแต่ไม่ใช่ว่าเราเชื่อ ในพระเยซูคริสตเจ้าแล้ว เราจะปฏิบัติตัวอย่างไรก็ได้ แล้วเราจะ   ได้เขาไปหาพระบิดาบนสรวงสวรรค์ ถ้าเราคิดอย่างนี่ และเราประพฤติไม่ตรงตามที่เราเชื่อ เราไม่ได้เชื่ออย่างนี้ไม่แสดงว่าเราเชื่อ ในพระเยซูคริสตเจ้า   เราเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าเราศรัทธาในพระองค์ เราพร้อมที่จะเดินตามพระองค์ และเท่ากับว่าเราพร้อมที่จะดำเนินชีวิตอย่างดีในโลกนี้ต่อไป ถ้าเราระลึกถึงเขาด้วยจิตใจที่สงบ เราก็จะได้ยินเสียงของเรา ว่าเราควรจะประพฤติออย่างไร    ในโลกนี้ ผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่ของเรา เราก็จะได้ยินเสียงเขาเตือน ใจเรา ผู้ที่เป็นลูกหลาน ที่จากเราไปก็จะมีเสียงถึงเราเช่นเดียวกัน เสียงของเขาเหล่านั้น   ก็เป็นเสียงที่เขาได้พบความจริงของชีวิต แล้วว่า    สิ่งที่พระเยซูคริสตเจ้าได้สอนไว้นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้พบชีวิตนิรันดร เรารู้จักคำสอนของพระเยซูคริสตเจ้า หลายอย่าง

และเขาก็เคยรู้จักมาแล้ว ที่พระองค์สอนเราว่า "ถ้าท่านได้โลกทั้งโลกเป็นกรรมสิทธิ์ แต่ถ้าท่านเสียวิญญาณไป สิ่งที่ท่านได้มาทั้งหมดนั้นมันจะได้ประโยชน์อะไรแก่เรา ถ้าท่านรักชีวิตของท่านในโลกนี้ หวงแหนชีวิตของท่าน บำเรอชีวิตของท่าน ท่านก็จะเสียชีวิตใหม่ ชีวิตนิรันดร ที่จะมีอยู่ร่วมกับพระเป็นเจ้า นี่แหละเป็นคำเตือนที่ง่ายๆสั้น ๆ เราควรที่จะฟัง เขาได้ผ่านชีวิตในโลกนี้มาแล้ว

เขาเห็นความจริงของคำสอนของพระเยซูคริสตเจ้านี้แล้ว เขาจึงยังจะบอกต่อไปว่า อบายมุขต่างๆนั้นจงละเลิกเสียเถิด มันไม่ได้ทำ ให้ชีวิตเป็นสุข  เงินนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เป็นสิ่งสำคัญของการดำเนินชีวิตบนโลกนี้จริงๆ แต่ว่าอย่างให้เงินนั้นมีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา ในโลกนี้ อย่าให้เงินนั้นควบคุมชีวิตของเราที่จะให้ไปตามที่เงินนั้นควบคุม พระเยซูคริสตเจ้าก็สอนอย่างนี้ในพระวรสาร ไม่ให้เราอยู่ ใต้อิทธิพลของเงิน เรามักจะเห็นความสำคัญของเงินจนอยู่ใต้อิทธิพลของมัน เพราะเรามองเห็นว่า เงินนั้นทำให้เราได้ชื่อเสียง ทำ  ให้เรานั้นสะดวกสบาย เงินนั้นทำให้เราเป็นสุข  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง  แต่พระเยซูเจ้าไม่ต้องการให้เราอยู่ใต้อิทธิพลของเงินเกินไป พระองค์ยังได้ตรัสในพระวรสารว่า "ท่านจะมัวกังวลกับการกิน การดื่ม อย่าไปกลัวว่าจะไม่มีกิน มีดื่ม พระบิดาของท่านบนสวรรค์เห็นความต้องการของท่าน เพราะฉะนั้นจงแสวงหาพระราชัยจากสวรรค์ก่อนเถิด จงแสวงหาความรัก ความยุติธรรมก่อนเถิด   และสิ่งจำเป็นอื่นๆนั้น พระองค์ก็จะตอบแทนให้เอง คำพูดของพระเยซูคริสตเจ้า ไม่ได้บอกว่าเราไม่ต้องทำมาหากินอะไร เราไม่ต้องใส่ใจอะไร เราอยู่เฉยๆก็ได้    เราอยู่อย่างนี้ไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของพระเยซู ค ริสตเจ้า เจตนารมณ์ของพระเยซูเจ้าคือดำเนินชีวิตอย่างดีตามปกติ   มีเป้าหมายของเราอยู่ที่ชีวิตใหม่ในพระเป็นเจ้าอย่าให้เงิน อุปสรรค อะไรต่างๆ ในโลกนี้มาคอยขวางเราไม่ให้ไปถึงชีวิตใหม ่ในพระเป็นเจ้า เราอาจจะกลัวอุปสรรค ปัญหาต่างๆในชีวิต   จากปัญหาต่างๆเราอาจจะเอาเงินมาแก้ เพราะฉะนั้นก็จะตั้งมั่นอยู่กับ เงินเพื่อจะเอามาแก้ปัญหา     แต่พระเยซูคริสตเจ้าได้สอนเราอีกอย่างหนึ่ง ด้วยชีวิตของพระองค์ พระองค์ไม่ต้องการให้เราหลบหนีอุปสรรค ปัญหาในชีวิต เพราะฉะนั้นพระองค์จึงลงมาดำรงชีวิตเป็นมนุษย์ ทั้งๆที่พระองค์เป็นพระเป็นเจ้า และเผชิญกับปัญหากระทั่งยอมตายบนไม่กางเขน แล้วพระองค์    ได้เอาชนะความตายกลับ 

เป็นขึ้นมา อุปสรรคนั้นบาง ครั้งทำให้เราหมดหวังในชีวิตเหมือนกัน แต่พระเยซูทรงมาดำรงชีวิตนั้น เพื่อให้อุปสรรคนั้นทำให้ชีวิตเราสูงขึ้นอย่างที่พระองค์ เผชิญ ตายแล้วกลับเป็นขึ้นมา บางทีเราอาจจะมองจากตัวอย่าง การเล่นว่าว ว่าวนั้นจะสูงขึ้นได้ต้องปะทะกับลม และจะยิ่งสูงขึ้นถ้าลมแรงขึ้น แต่ถ้าเมื่อไม่มีลมต้านว่าวก็จะตกลง ชีวิตของคนเราก็เป็นอย่างนั้น ถ้าชีวิตคนเรานั้นไม่มี

ปัญหา อุปสรรคเลย ชีวิตนั้นไม่น่าภูมิใจ ชีวิตนั้นไม่มีเกียรติ ชีวิต นั้นไม่มีคุณค่า  ดังนั้น เรามองชีวิตพระเยซูคริสตเจ้าเป็นรูปแบบ   เราจะเห็นว่าอุปสรรค  และปัญหาของเรามันน้อยกว่าพระเยซูเจ้า  เสียอีก และเมื่อเรากล้าที่จะปะทะกับมัน ต่อสู้กับมัน เอาชนะมัน   ชีวิตของเราก็จะสูงขั้น อุปสรรคนั้น คืออุปสรรคที่ขัดขวางเราไม่ให้ ไปหาพระเป็นเจ้าในสวรรค์    ไม่ว่าจะเป็นอบายมุข   การหาความสะดวกสบาย เป็นเหมือนอุปสรรคไม่ให้เราบินสูงขึ้น ถ้าเราเอาชนะสิ่งเหล่านี้ได้ชีวิตของเราก็จะเป็นชีวิตที่สูงส่ง   เป็นชีวิตที่มีเกียรติ บริสุทธิ์เหมาะสมที่จะร่วมชีวิตกับพระเป็นเจ้าได้  พี่น้องเราจึงควรที่จะฟังเสียงเตือนเหล่านี้ เสียงเตือนจากหลุมศพว่าให้เรายึดมั่นในพระวาจาของพระเป็นเจ้า  ตระหนัก   เราก็จะสามารถเดินทางได้อย่างถูกต้องเรารู้ เราเข้าใจเรามองเห็นว่าชีวิตของเรามีชีวิตจำกัด แต่บางทีเราอยู่ในชีวิตประจำวัน เราคิดได้ แต่เรามักจะไม่รู้สึก แต่ความตายนั้นจะทำให้ เรารู้สึกดีขึ้น วันนี้เป็นวันระลึกถึง เป็นการ

แสดงความเชื่อ ในพระเยซูคริสตเจ้าและ มาภาวนาเพื่อให้เราได้พบชีวิตใหม่หลังความตายไปแล้ว นี่แหละที่จะทำให้เราได้เข้าใจ  และซาบซึ้งในความจริงของชีวิตว่าวันหนึ่งเราต้องตาย และเราจะไม่ปล่อยตัวจนถึงวันสุดท้ายถึงกลับใจ    เราควรที่จะจะปรับตัวให้ดีขึ้นในแต่ละวัน เทศกาลต่างๆ ไม่เป็นเพียงให้เราผ่านไปเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่หมายถึงการปรับเปลี่ยนชีวิตของเราให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ จึงขอให้ความสำนึกอันนี้ช่วยเป็นพลังบันดาลให้ชีวิตของเรานั้นดีขึ้นต่อหน้าพระเป็นเจ้าทุกๆวัน