หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระธรรมนูญ พระสมณกฤษฎีกาและ
คำแถลงแห่งสภาสังคายนา  เล่มที่ 5

บทที่  6 : การร่วมมือกัน

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 พระสมณกฤษฎีกาว่าด้วยงานธรรมฑูตแห่งพระศาสนจักร

อารัมภบท
๓๕.  เนื่องจากพระศาสนจักรทั้งหมดเป็นธรรมทูต และงานแพร่ข่าวดีเป็นหน้าที่ขั้นมูลฐานแห่งประชากรของพระเป็นเจ้า  สภาสังคายนาจึงขอเชิญชวนคริสตชนทุกคนให้ทำการฟื้นฟูภายในอย่างถึงรากเง่า เพื่อว่าเมื่อมีความสำนึกอย่างแรงกล้าถึงความรับผิดชอบของตนในการแพร่ข่าวดีแล้ว จะได้มีส่วนร่วมในงานธรรมทูตในหมู่คนต่างศาสนา.

หน้าที่ธรรมทูตเป็นของประชากรของพระเป็นเจ้าทั้งหมด

๓๖.  ในฐานะเป็นอวัยวะของพระคริสตเจ้าผู้ทรงชีวิตและได้ถูกผนวกรวมเข้ากับพระองค์ทำให้เหมือนพระองค์ด้วยศีลล้างบาป ศีลกำลัง และศีลมหาสนิท  สัตบุรุษทุกคนจึงจำต้องร่วมมือในการเร่งขยายพระกายนั้นให้เติบโตจนถึงขนาดสมบูรณ์อย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด (อฟ. ๔:๑๓).

เพราะเหตุนี้ลูกของพระศาสนจักรทุกคนต้องมีความสำนึกอย่างแรงกล้าถึงความรับผิดชอบของตนต่อโลก หล่อเลี้ยงจิตตารมณ์ที่เป็นคาทอลิกอย่างแท้จริงไว้ภายในตน  และทุ่มเทกำลังไปในงานเผยแพร่  ข่าวดี. อย่างไรก็ดีขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่าหน้าที่ประการต้นและสำคัญที่สุดของตนในการเผยแพร่ความเชื่อก็คือ  ต้องถือชีวิตคริสตชนอย่างแท้จริงนั่นเอง  เพราะการที่เราร้อนรนในการรับใช้พระเป็นเจ้ากับมีความรักต่อผู้อื่นนั้น จะเหมือนกับนำลมหายใจใหม่ทางวิญญาณมาให้พระศาสนจักรทั้งพระศาสนจักร ซึ่งจะปรากฎเป็นเครื่องหมายที่ตั้งขึ้นเพื่อนานาชาติ (เทียบ อสย. ๑๑:๑๒)  เป็นความสว่างส่องโลก (มธ. ๕:๑๔) และเป็น “เกลือรักษาแผ่นดิน” (มธ. ๕:๑๓).  การเจริญชีวิตเป็นองค์พยานเช่นนี้จะเกิดผลง่ายขึ้น  ถ้าหากทำพร้อมกับหมู่คริสตชนอื่น ๆ ตามคำแนะนำเตือนในพระสมณกฤษฎีกาว่าด้วยสากลภาพนิยม.

ผู้ที่มีจิตตารมณ์ชุบใหม่ดังกล่าวนี้  จะนึกภาวนาและถวายการใช้โทษบาปแด่พระเป็นเจ้าขึ้นเอง  เพื่อขอพระองค์โปรดให้งานธรรมทูตเกิดผลด้วยพระหรรษทาน แล้วกระแสเรียกธรรมทูตก็จะเกิดมีมากขึ้น ปัจจัยต่าง ๆ ที่มิสซังต้องการก็จะหลั่งไหลมา.

เพื่อให้คริสตชนทุกคนแต่ละคนรู้สภาพปัจจุบันของพระศาสนจักรในโลกอย่างแท้จริงและเพื่อให้เขาได้ยินเสียงของฝูงคนที่ร้องว่า “โปรดมาช่วยเรา” (เทียบ กจ. ๑๖:๙) ควรใช้สื่อมวลชนสมัยใหม่แพร่ข่าวธรรมทูต จนสัตบุรุษสำนึกว่างานธรรมทูตก็คืองานของเขาเอง  แล้วเขาจะคิดถึงความต้องการอันใหญ่หลวงและกว้างขวางของมนุษย์และสามารถช่วยเหลือเขาได้.

การประสานข่าวและการร่วมมือกับองค์การของชาติหรือระหว่างชาติก็เป็นสิ่งจำเป็นด้วยเหมือนกัน.

หน้าที่ธรรมทูตของประชาคมคริสตชน

๓๗.  เนื่องจากประชากรของพระเป็นเจ้าดำรงชีวิตอยู่ในหมู่ประชาคม  เป็นต้นหมู่ประชาคมสังฆมณฑลและสังฆตำบลและเนื่องจากประชากระนั้นเหมือนกับปรากฎให้เห็นได้ในหมู่ประชาคมเหล่านี้  การเป็นองค์พยานประกาศพระคริสตเจ้าในนานาชาติจึงเป็นหน้าที่ของประชาคมด้วย.

พระคุณการฟื้นฟูเปลี่ยนแปลงจิตใจจะเจริญงอกงามในหมู่ประชาคมใหม่ไม่ได้  ถ้าแต่ละประชาคมไม่ขยายขอบเขตความรักของตนไปจนสุดแดนพิภพ  กับมีความห่วงใยถึงคนที่อยู่ไกลเหมือนกับมีความห่วงใยต่อผู้ที่เป็นสมาชิกของตนเอง.
ด้วยประการฉะนี้แหละ  ประชาคมทั้งประชาคมจะภาวนาร่วมมือกันและปฏิบัติงานอยู่ในท่ามกลางชนชาติต่างศาสนา โดยอาศัยลูกของตนเหล่านี้แหละที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรรมาให้ทำหน้าที่อันเลิศประเสริฐนี้.

จะเป็นการดีมีประโยชน์มาก – แต่ก็ไม่ควรจะละเลยงานแพร่ธรรมสากลเสีย ที่จะทำการติดต่อกับธรรมทูตที่ไปจากประชาคมนั้นเอง หรือติดต่อกับสังฆตำบลหรือสังฆมณฑลสักแห่งหนึ่งในประเทศมิสซัง  เพื่อแสดงให้เห็นการร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวระหว่างประชาคมต่าง ๆ เรื่องนี้จะได้เป็นเรื่องเตือนความศรัทธาซึ่งกันและกัน.

หน้าที่แพร่ธรรมของพระสังฆราช

๓๘.  ในฐานะเป็นสมาชิกของคณะสังฆราชซึ่งเป็นผู้สืบตำแหน่งต่อจากคณะอัครสาวก พระสังฆราชทั้งหลายได้รับการอภิเษกมิใช่เพื่อสังฆมณฑลใดสังฆมณฑลหนึ่งเท่านั้น แต่เพื่อความรอดของโลกทั้งโลกด้วย.  คำสั่งของพระคริสตเจ้าให้ไปประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทุกรูปทุกนามนั้น (มก. ๑๖:๑๕)  เป็นคำสั่งโดยตรงและเบื้องแรกถึงบรรดาพระสังฆราชพร้อมกับเปโตรและโดยต้องขึ้นกับเปโตร. จากเรื่องนี้จึงเกิดความร่วมสนิทและการร่วมมือของคริสตจักรต่าง ๆ ซึ่งทุกวันนี้เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับทำงานแพร่ข่าวดีต่อไป.  เพราะความร่วมสนิทกันนี้เอง  คริสตจักรแต่ละแห่งจึงต้องมีความห่วงใยถึงคริสตจักรอื่น ๆ ทั้งหมด;  คริสตจักรต่าง ๆ ย่อมบอกความต้องการแก่กันและกันและมอบสิ่งของให้แก่กัน เพราะการขยายพระกายของพระคริสตเจ้านั้นเป็นหน้าที่ของคณะสังฆราชทั้งคณะ.

พระสังฆราชเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสังฆมณฑลของตน.  เมื่อพระสังฆราชกระตุ้น  ส่งเสริม  และควบคุมงานธรรมทูต  ก็เท่ากับทำให้จิตตารมณ์และความร้อนรนในงานธรรมทูตดำรงอยู่และเหมือนกับเห็นได้ จนสังฆมณฑลทั้งสังฆมณฑลเป็นธรรมทูตไป.

พระสังฆราชมีหน้าที่ต้องดำเนินงานในสังฆมณฑลของตน  เร้าใจสัตบุรุษ  โดยเฉพาะในหมู่คนเจ็บพิการและคนมีความทุกข์เข็ญ  ให้ถวายคำภาวนาและการใช้โทษบาปแด่พระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจเพื่องานประกาศศาสนาทั่วโลก.  พระสังฆราชต้องยินดีสิ่งเสริมกระแสเรียกเยาวชนและผู้ได้รับศีลบวชให้ไปเข้าคณะธรรมทูต และรู้คุณยินดีที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกบางคนทำงานธรรมทูต.  พระสังฆราชมีหน้าที่ต้องเตือนและช่วยคณะนักบวชของสังฆมณฑลให้มีส่วนร่วมในงานของมิสซัง;  พระสังฆราชมีหน้าที่ต้องส่งเสริมกิจการของคณะนักบวชธรรมทูตในความอุปถัมภ์ของพระสันตะปาปาเอง.  ความจริงเป็นการชอบแล้วที่ต้องถือกิจการเหล่านี้ว่ามีความสำคัญเป็นเอก เพราะมีวิะที่จะปลูกฝังจิตตารมณ์ธรรมทูตและสากลอย่างแท้จริงลงในใจของชาวคาทอลิกตั้งแต่อายุยังเยาว์  และมีวิธีที่จะเก็บเงินอุดหนุนได้อย่างมีผล  เพื่อประโยชน์ของทุกมิสซังตามความต้องการของแต่ละแห่ง.

เนื่องจากยิ่งวันยิ่งมีความต้องการคนงานในสวนองุ่นของพระเป็นเจ้ามากขึ้น  และเพราะพระสงฆ์ประจำสังฆมณฑลก็ปรารถนาจะมีส่วนในงานแพร่ธรรมทั่วโลกยิ่งขึ้น  สภาสังคายนานี้ปรารถนาอย่างร้อนแรงให้พระสังฆราชคิดถึงเรื่องทำการแพร่ธรรมในภาคหลายแห่งไม่ได้ เพราะขาดแคลนพระสงฆ์อย่างร้ายแรง  และให้พระสังฆราชส่งพระสงฆ์ดี ๆ บางองค์ที่สมัครไปทำการแพร่ธรรมและเตรียมตัวเท่าที่ควรแล้ว ไปยังสังฆมณฑลที่ขาดแคลนพระสงฆ์.  พระสงฆ์เหล่านี้จะปฏิบัติงานธรรมทูตอย่างน้อยชั่วระยะหนึ่ง  โดยถือว่าเป็นงานรับใช้ช่วยเหลือกัน.

เพื่อให้งานธรรมทูตของพระสังฆราชปฏิบัติได้อย่างมีผลดียิ่งขึ้นสำหรับประโยชน์ของพระศาสนจักรทั่วไป เป็นการสมควรที่สภาสังฆราชจะควบคุมงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการร่วมมืออย่างมีระเบียบในท้องที่ของตน.

ในที่ประชุมสภา ให้พระสังฆราชพูดถึงพระสงฆ์ประจำสังฆมณฑลที่จะส่งไปทำการแพร่ธรรมในประเทศต่าง ๆ ; ให้พูดถึงจำนวนเงินที่กำหนดตามส่วนรายได้ซึ่งทุกสังฆมณฑลจำต้องบริจาคทุกปีให้แก่งานมิสซัง; ให้พูดถึงการควบคุมและหาช่องทางและวิธีที่จะช่วยมิสซังได้โดยตรง;  ให้พูดถึงการช่วยเหลือคณะธรรมทูตและสามเณราลัยที่ฝึกพระสงฆ์ของสังฆมณฑลไปทำงานมิสซัง และเมื่อต้องการ  ก็ให้พูดถึงการตั้งคณะนักบวชธรรมทูตและสามเณราลัยคณะสงฆ์สังฆมณฑลสำหรับมิสซังขึ้น ; ให้พูดถึงการส่งเสริมให้สถาบันเหล่านี้กับบรรดาสังฆมณฑลมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น.

สภาสังฆมณฑลยังมีหน้าที่ต้องตั้งและส่งเสริมกิจการที่อำนวยให้คนที่มาจากประเทศมิสซังเพื่อทำงานหรือเพื่อเรียนนั้นได้รับการต้อนรับฉันพี่น้องและความเอาใจอภิบาลทางวิญญาณตามสมควร.  เมื่อคนเหล่านี้เข้ามาอยู่ในประเทศของเรา ชนชาติที่อยู่ไกลก็เหมือนอยู่ใกล้ และประชาคมที่เป็นคริสตชนตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาแล้วก็มีโอกาสจะติดต่อเจรจากับชนชาติต่าง ๆ ที่ยังไม่เคยได้ยินข่าวดี และแสดงให้เขาเห็นพระพักตร์แท้จริงของพระคริสตเจ้าด้วยงานรับใช้ช่วยเหลือแสดงความรักที่ตนทำ.

หน้าที่ธรรมทูตของพระสงฆ์

๓๙.  พระสงฆ์เป็นผู้แทนพระคริสตเจ้า และเป็นผู้ร่วมมือกับคณะสังฆราชในหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์สามประการ ซึ่งมีลักษณะเดียวกับภารกิจของพระศาสนจักร.  ฉะนั้นพระสงฆ์ต้องเข้าใจโดยถ่องแท้ว่า  ชีวิตของตนได้อุทิศเพื่อรับใช้มิสซังด้วย.  เพราะเหตุว่าพระสงฆ์ชิดสนิทกับพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นศีรษะ  และยังชักนำคนอื่นให้มาในการร่วมชิดสนิทนี้โดยหน้าที่ของตนซึ่งโดยมากเกี่ยวกับศีลมหาสนิทที่ทำให้พระศาสนจักรพร้อมมูล  พระสงฆ์จึงเว้นที่จะไม่รู้สึกไม่ได้ว่ายังขาดอีกเพียงใด  พระกายจึงจะเติบใหญ่อย่างเต็มที่ และจะต้องทำอีกเพียงใด  พระกายจึงจะยิ่งวันยิ่งเติบใหญ่ขึ้นอีก. ฉะนั้นพระสงฆ์จะต้องดำเนินการให้ความห่วงใยทางด้านอภิบาลสัตบุรุษเกิดประโยชน์แก่การแพร่ข่าวดีในหมู่คนที่มิใช่คริสตชนด้วย.

ในงานหน้าที่อภิบาลสัตบุรุษ พระสงฆ์จะต้องกระตุ้นและส่งเสริมให้สัตบุรุษมีความร้อนรนในการแพร่ธรรมไปทั่วโลก  โดยการอธิบายคำสอนและเทศน์สอนให้เขารู้ถึงเรื่องพระศาสนจักรมีหน้าที่ประกาศพระคริสตเจ้าแก่คนต่างศาสนา โดยสอนครอบครัวคริสตชนให้รู้ถึงความจำเป็นและเกียรติที่จะชักจูงให้มีกระแสเรียกเป็นธรรมทูตในหมู่บุตรชายและบุตรหญิงของตน  โดยเตือนให้เยาวชนในโรงเรียนและสมาคมคาทอลิกต่าง ๆ มีความร้อนรนในงานธรรมทูตจนบางคนคิดอยากไปประกาศข่าวดีในภายหน้า.  พระสงฆ?ต้องสอนสัตบุรุษให้สวดภาวนาอุทิศแก่มิสซัง และไม่อายที่จะขอทานจากเขา เหมือนกับว่ากลายเป็นคนขอทานเพื่อพระคริสตเจ้าและเพื่อความรอดของวิญญาณไปฉะนั้น.

อาจารย์ในสามเณราลัยและมหาวิทยาลัยจะต้องสอนเยาวชนให้รู้ถึงสภาพแท้จริงของโลกและของพระศาสนจักร  เพื่อเขาจะได้เห็นความจำเป็นต้องประกาศเทศนาสอนคนที่มิใช่คริสตชนอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น เป็นการหล่อเลี้ยงความร้อนรนของเขา.  เวลาสอนวิชาสัจธรรม  คัมภีร์ ศีลธรรมและประวัติศาสตร์จะต้องชี้ให้เขาสังเกตงานด้านแพร่ธรรมซึ่งมีอยู่ในวิชานั้น ๆ เพื่อว่ามโนธรรมธรรมทูตของผู้ที่จะเป็นพระสงฆ์ในภายหน้าจะได้รับการฝึกอบรมด้วยวิธีนี้.

หน้าที่ธรรมทูตของคณะนักบวช

๔๐.  คณะนักบวชที่ถือชีวิตรำพึงภาวนาหรือทำงาน ก็มีส่วนร่วมและยังมีส่วนร่วมอยู่อย่างสำคัญในงานแพร่ธรรมไปทั่วโลกจนกระทั่วทุกวันนี้. สภาสังคายนาเต็มใจรับรู้คุณงามความดีของคณะนักบวชเหล่านี้  และขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่เขาได้ทำการเสียสละมากมายเพื่อพระเกียรติมงคลของพระเป็นเจ้าและงานรับใช้วิญญาณ. สภาสังคายนาขอเตือนคณะนักบวชเหล่านี้ให้ยืนหยัดอยู่ในงานที่ได้เริ่มทำมาแล้วโดยไม่ท้อถอย  เพราะทราบแล้วว่าคุณธรรมความรักซึ่งเขาจำเป็นต้องบำเพ็ญถือให้ดียิ่งขึ้นเพราะเป็นกระแสเรียกของเขานั้น ผลักดันและบังคับเขาให้มีจิตตารมณ์และทำงานที่มีลักษณะเป็นคาทอลิกอย่างแท้จริง.

คณะนักบวชที่ถือชีวิตรำพึงภาวนานั้น เมื่อสวดภาวนาทำการใช้โทษบาปและสู้ทนความทุกข์ลำเค็ญ ก็ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการช่วยให้มนุษย์กลับใจ เพราะพระเป็นเจ้าทรงเป็นผู้ที่ส่งคนงานไปเกี่ยวเก็บข้าวของพระองค์ (เทียบ มธ. ๙:๓๘) ตามกำหนดของเรา  เปิดใจของคนที่มิใช่คริสตชนให้ฟังพระวรสาร (เทียบ กจ. ๑๖:๑๔)  และบันดาลให้พระวาจาแห่งความรอดเกิดผลขึ้นในใจของมนุษย์ (เทียบ ๑ คร. ๓:๗). ยิ่งกว่านั้นยังขอร้องคณะนักบวชเหล่านี้ให้สร้างสำนักขึ้นในดินแดนมิสซังเหมือนที่บางคณะได้ทำมาแล้ว เพื่อว่าเมื่อเจริญชีวิตในแบบที่เข้ากับประเพณีนิยมทางศาสนาอย่างแท้จริงของชาติต่าง ๆ เขาจะได้เป็นองค์พยานประกาศพระศักดานุภาพและความรักของพระเป็นเจ้าอีกทั้งการร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระคริสตเจ้าในท่ามกลางคนที่มิใช่คริสตชนอย่างดีวิเศษ.

ส่วนคณะนักบวชที่ถือชีวิตประเภททำงาน  ไม่ว่าจะมีจุดหมายธรรมทูตแท้ ๆ ทีเดียวหรือไม่ก็ตาม ให้ตั้งปัญหาถามตนเองต่อหน้าพระเป็นเจ้าอย่างจริงใจว่า ตนจะขยายงานเพื่อขยายอาณาจักรของพระเป็นเจ้าให้กว้างออกไปได้หรือไม่  จะทิ้งงานบางอย่างไว้ให้คนอื่นเพื่อทุ่มเทสติกำลังในงานมิสซังได้หรือไม่  จะรับทำงานในมิสซัง โดยถ้าจำเป็นจะดัดแปลงแก้ไขกฎข้อบังคับแต่ยังถือตามจิตตารมณ์ของผู้สถาปนาคณะอยู่ได้หรือไม่  สมาชิกมีส่วนร่วมในงานธรรมทูตตามสติกำลังหรือไม่ และวิธีดำเนินชีวิตตามเคยของเขาเป็นการประกาศข่าวดีที่ปรับเข้ากับอุปนิสัยและสภาพของประชาชนในถิ่นนั้นอย่างแท้จริงแล้วหรือไม่.

เพราะเหตุว่าคณะนักบวชฆราวาสที่อยู่ในโลกยิ่งวันยิ่งเจริญขึ้นในพระศาสนจักรตามการดลใจของพระจิตเจ้า  งานช่วยเหลือของคณะเหล่านี้ซึ่งอยู่ใต้อำนาจของพระสังฆราชอาจเป็นผลดีในมิสซังได้หลาย ๆ ทาง  เป็นเครื่องหมายแสดงว่า  เขาได้อุทิศตัวอย่างสิ้นเชิงเพื่องานประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสตเจ้าแก่โลก.

หน้าที่ธรรมทูตของฆราวาส

๔๑.  ฆราวาสร่วมมือในงานของพระศาสนจักรคือการแพร่ข่าวดีและมีส่วนในงานช่วยมนุษย์ให้รอดในฐานะที่ตนเป็นองค์พยานและเป็นเครื่องมืออันมีชีวิต  โดยเฉพาะถ้าพระเป็นเจ้าทรงเรียกและพระสังฆราชรับเขาให้มาทำงานนี้.
ในดินแดนที่มีคริสตชนแล้ว ฆราวาสร่วมมือในงานแพร่ข่าวดีโดยส่งเสริมให้ตนเองและคนอื่นรู้จักมิสซัง โดยทำให้เกิดกระแสเรียกขึ้นในครอบครัวของตนเองหรือในบรรดาสมาคมคาทอลิกและโรงเรียน  และโดยถวายเงินอุดหนุนจุนเจือทุกประเภทเพื่อให้คนอื่นได้รับความเชื่อบ้าง  เหมือนกับที่ตนเองได้รับมาเปล่า ๆ.

ในดินแดนมิสซัง ฆราวาสไม่ว่าจะเป็นชาวต่างด้าวหรือคนพื้นเมือง ต้องทำการสอนในโรงเรียน ดำเนินกิจการงานทางโลก  ร่วมมือในงานของสังฆตำบลและสังฆมณฑล  จัดตั้งและส่งเสริมงานแพร่ธรรมของฆราวาสแบบต่าง ๆ เพื่อให้สัตบุรุษในคริสตจักรใหม่ได้มีส่วนในชีวิตของพระศาสนจักรโดยเร็วที่สุด.

ที่สุดฆราวาสต้องเต็มใจให้ความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและสังคมแก่ชนชาติต่าง ๆ ที่กำลังพัฒนา. การร่วมมือเช่นนี้เป็นสิ่งน่าชมเชย เป็นต้นเพราะมุ่งจะตั้งสถาบันที่มีดครงสร้างขั้นพื้นฐานของชีวิตสังคม หรือมุ่งจะอบรมคนที่มีความรับผิดชอบต่อกิจการบ้านเมือง.

ผู้ที่สมได้รับคำชมเชยเป็นพิเศษก็คือคนที่ในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิชาความรู้ทำการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์หรือทางวิชาความรู้และศาสนา  ทำให้รู้จักชนชาติและศาสนาต่าง ๆ ดียิ่งขึ้น  นับเป็นการช่วยเหลือผู้ประกาศข่าวดีและเตรียมการติดต่อเจรจากับคนที่มิใช่คริสตศาสนิกชน.

ฆราวาสต้องร่วมมืออย่างฉันพี่น้องกับคริสตชนและกับคนที่มิใช่คริสตชน  โดยเฉพาะกับสมาชิกของสมาคมระหว่างชาติต่าง ๆ โดยระลึกอยู่เสมอว่า “การสร้างนครในโลกนี้ขึ้นต้องสร้างบนพระคริสตเจ้า และต้องมุ่งไปหาพระองค์.”

เพื่อปฏิบัติงานนี้ทั้งหมด  ฆราวาสต้องได้รับการตระเตรียมทางวิชาการและจิตใจซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นละเว้นมิได้และต้องได้รับในสถาบันพิเศษ เพื่อใช้ชีวิตเป็นการประกาศพระคริสตเจ้าในหมู่คนที่มิใช่คริสตชน  ตามที่นักบุญเปาโลกกล่าวว่า “อย่าทำขัดเคืองใจชาวยิวหรือชาวกรีกหรือพระศาสนจักรของพระเป็นเจ้า เหมือนดังที่ข้าพเจ้าพยายามทำให้เป็นที่พอใจแก่ทุกคนในทุก ๆ เรื่องโดยไม่แสวงหาผลประโยชน์ของข้าพเจ้าเอง แต่แสวงหาผลประโยชน์ของคนส่วนมาก  เพื่อให้เขาเอาตัวรอด” (๑ คร. ๑๐ : ๓๒ - ๓๓).