การประกาศข่าวดีและการกลับใจ
๑๓. ไม่ว่าที่ใดที่พระเป็นเจ้าทรงเปิดช่องทางให้เทศนาเพื่อประกาศรหัสธรรมของพระคริสตเจ้า (เทียบ คส. ๔:๓)
ก็ให้ประกาศ (เทียบ ๑ คร. ๙:๑๕;รม. ๑๐:๑๔) แก่มนุษย์ทุกคน (เทียบ มก. ๑๖:๑๕) ด้วยความมั่นใจ (เทียบ กจ. ๔:๑๓,๒๙, ๓๑; ๙:๒๗, ๒๘; ๑๓:๔๖; ๑๔:๓; ๑๘-๘; ๒๖:๒๖; ๒๘:๓๑; ๑ ทธ. ๒:๒;๒ คร. ๓:๑๒;๗:๔;ฟป. ๑:๒๐;อฟ. ๓:๑๒;๖:๑๙,๒๐) ซึ่งองค์พระเจ้าผู้ทรงชีวิตและพระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงมากอบกู้มนุษย์ทุกคนให้รอด (เทียบ ทธ. ๑:๙-๑๐;๑ คร. ๑:๑๘๒๑; กท. ๑:๓๑; กจ. ๑๔:๑๕๑๗;๑๗:๒๒๓๑). ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่มิใช่คริสตชนเชื่อโดยพระจิตทรงเปิดใจของเขาแล้วสมัครกลับใจมาหาพระเป็นเจ้าและจงรักภักดีต่อพระองค์ด้วยน้ำใสใจจริง เพราะพระองค์ทรงเป็น หนทาง ความจริง และชีวิต (ยน. ๑๔:๖); พระองค์โปรดให้ตามที่เขาปรารถนาทางวิญญาณเกินกว่าที่เขาปรารถนาอย่างสุดที่ประมาณได้เสียอีก.
แน่ละ การกลับใจเช่นนี้ต้องเข้าใจว่าเป็นการกลับใจในขั้นต้น
แต่ก็พอที่จะทำให้มนุษย์มองเห็นว่า เมื่อละทิ้งบาปแล้วตนได้เข้าถึงรหัสธรรมเรื่องความรักของพระเป็นเจ้าซึ่งเรียกตนให้มาผูกความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระองค์ในพระคริสตเจ้า. แท้จริง ด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า ผู้กลับใจใหม่เปรียบเหมือนตั้งต้นเดินทางฝ่ายวิญญาณ: บนหนทางนั้นโดยที่มีส่วนร่วมแล้วเพราะมีความเชื่อถึงรหัสธรรมเรื่องพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์และกลับฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมา เขาจึงผ่านจากสภาพคนเก่าสู่สภาพคนใหม่ ซึ่งเป็นคนดีพร้อมในองค์พระคริสตเจ้า (เทียบ คส. ๓:๕-๑๐; อฟ. ๔:๒๐๒๔). การผ่านจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่งเช่นนี้ ซึ่งทำให้ความรู้สึกนึกคิดและกิริยาเปลี่ยนไปตามลำดับนั้น จำเป็นต้องปรากฏออกพร้อมด้วยผลติดตามมาทางสังคมและค่อย ๆ พัฒนาในระหว่างเวลาที่เรียนคำสอนอยู่. เนื่องจากพระคริสตเจ้าที่เขาเชื่อถึงนั้นเป็นเครื่องหมายแห่งความขัดแย้ง (เทียบ ลก. ๒:๓๔; มธ. ๑๐:๓๔๓๙) มีอยู่บ่อย ๆ ที่ผู้กลับใจจะถูกตัดขาดหรือถูกแยกไปแต่เขาก็จะได้รับความชื่นชมยินดีซึ่งพระเป็นเจ้าประทานให้อย่างไม่อั้นเหมือนกัน (เทียบ ๑ ธส. ๑:๖).
พระศาสนจักรห้ามอย่างเคร่งครัดมิให้บังคับผู้ใดก็ตามเข้าถือศาสนา
หรือชักนำหรือชักจูงให้ใครเข้าถือโดยวิธีการอันไม่สมควร เช่นเดียวกันพระศาสนจักรประกาศอย่างแข็งแรงว่าทุกคนมีสิทธิที่จะไม่ให้ใครขู่เข็ญมิให้เข้าศาสนาโดยการข่มเหงรังแกอย่างอยุติธรรม.
ตามธรรมเนียมที่พระศาสนจักรเคยปฏิบัติแต่ดึกดำบรรพ์มา จะต้องพิจารณาอย่างพินิจพิเคราะห์ว่า
ใครคนใดคนหนึ่งกลับใจเพราะเหตุอะไรบ้าง และในกรณีที่จำเป็น ก็ต้องแก้ไขให้เขามีเหตุผลกลับใจที่บริสุทธิ์และถูกต้อง
การสอนคำสอนและการแนะให้รู้เรื่องศาสนา
๑๔.
ผู้ที่ได้รับความเชื่อถึงพระคริสตเจ้าจากพระเป็นเจ้าทางพระศาสนจักรจะต้องรับให้มาเรียนคำสอนโดยประกอบจารีตทางพิธีกรรม. การสอนคำสอนไม่ใช่เป็นการบรรยายข้อสัจธรรมและคำสั่งสอนเท่านั้น
แต่เป็นการฝึกอบรมให้ถือชีวิตแบบคริสตชนอย่างครบถ้วน
และเป็นการฝึกหัดที่มีคนสอนอย่างดีรวมความว่า เป็นการฝึกอบรมและฝึกหัดให้สานุศิษย์มีความสนิทเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระคริสตเจ้าพระอาจารย์ของตน. ฉะนั้นผู้เรียนคำสอนต้องได้รับการแนะให้รู้จักรหัสธรรมเรื่องความรอดและการถือคำสั่งสอนของพระวรสาร อีกทั้งต้องได้รับการสอนให้รู้จักชีวิตแห่งความเชื่อ พิธีกรรมและความรักแห่งประชากรของพระเป็นเจ้าด้วยจารีตศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องประกอบในเวลาต่าง ๆ ต่อ ๆ กันไป.
หลังจากนั้น เมื่อหลุดพ้นจากอำนาจแห่งความมืด (เทียบ คส. ๑:๑๓) ด้วยศีลที่รับเวลาเข้าศาสนา เมื่อตายพร้อมกับพระคริสตเจ้า
ถูกฝังพร้อมกับพระองค์และกลับคืนชีวิตขึ้นมาพร้อมกับพระองค์แล้ว (เทียบ รม. ๖:๔-๑๑; คส. ๒:๑๒๑๓;๑ ปต. ๓:๒๑๒๒; มก. ๑๖:๑๖) เขาก็รับพระจิตที่รับเราเป็นบุตรบุญธรรม (เทียบ ๑ ธส. ๓:๕-๗; กจ. ๘:๑๔๑๗) และประกอบพิธีรำลึกถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสตเจ้ารวมกับประชากรทั้งมวลของพระเป็นเจ้า.
เป็นที่น่าปรารถนาให้พิธีกรรมในเทศกาลมหาพรตและในเทศกาลปัสกาได้รับการปรับปรุงในทำนองให้เป็นการเตรียมจิตใจของผู้เรียนคำสอนให้ทำการฉลองรหัสธรรมปัสกา เพราะในระหว่างงานฉลองรหัสธรรมนี้เขาได้เกิดใหม่
ด้วยศีลล้างบาปในพระคริสตเจ้า.
การแนะให้รู้เรื่องศาสนาในระหว่างเวลาเรียนคำสอนนั้นไม่ควรจะเป็นหน้าที่ของผู้สอนคำสอนพวกเดียวหรือพระสงฆ์พวกเดียวเท่านั้น
แต่ควรจะเป็นหน้าที่ของพระชาสัตบุรุษทั้งหมด โดยเฉพาะพิเศษควรจะเป็นหน้าที่ของผู้เป็นพ่อแม่ทูนหัว. ถ้าทำดังนี้ ผู้เรียนคำสอนจะรู้สึกตัวตั้งแต่ต้นทีเดียวว่า เขาเข้าอยู่ในหมู่ประชากรของพระเป็นเจ้า. เนื่องจากชีวิตจิตใจของพระศาสนจักรคือการแพร่ธรรม ดังนั้นผู้เรียนคำสอนต้องหัดร่วมมือในการแพร่ข่าวดีและสร้างพระศาสนจักรอย่างขันแข็งด้วยการดำรงชีวิตเป็นองค์พยานและประกาศความเชื่อของตน.
ที่สุดต้องกำหนดบ่งฐานะทางกฎหมายของผู้เรียนคำสอนให้ชัดแจ้งในประมวลกฎหมายใหม่ของพระศาสนจักร เพราะเขารวมเข้าอยู่ในพระศาสนจักรและเป็นคนในพระเคหะของพระคริสตเจ้าแล้ว
และบ่อยทีเดียวเขาดำรงชีวิตอย่างมีความเชื่อความไว้ใจและความรัก.
|