หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระธรรมนูญ พระสมณกฤษฎีกาและ
คำแถลงแห่งสภาสังคายนา  เล่มที่ 5

บทที่  2 : ว่าด้วยงานธรรมทูตเอง
ข้อหนึ่ง : การเป็นองค์พยานของคริสตชน

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 พระสมณกฤษฎีกาว่าด้วยงานธรรมฑูตแห่งพระศาสนจักร

การเป็นองค์พยานด้วยการดำรงชีวิตและการติดต่อกัน

๑. พระศาสนจักรต้องเข้าไปอยู่ในกลุ่มชนเหล่านี้ โดยมีลูกของพระศาสนจักรอยู่ในกลุ่มชนนั้นแล้ว  หรือส่งไปหากลุ่มชนนั้น เพราะคริสตชนทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ใดต้องเจริญชีวิตเป็นฉบับดี และเป็นองค์พยานด้วยคำพูดแสดงว่าเขาเป็นคนใหม่เมื่อรับศีลล้างบาปและมีพละกำลังของพระจิตเมื่อรับศีลกำลัง.  ดังนี้เมื่อคนทั้งหลายเห็นกิจการดีของเขา จะได้สรรเสริญพระบิดา (เทียบ มธ. ๕:๑๖) จะได้เข้าใจความหมายแท้จริงของชีวิตมนุษย์กับความเกี่ยวโยงผูกพันระหว่างมนุษย์ทั่วไปดียิ่งขึ้น.

เพื่อที่จะเป็นองค์พยานประกาศพระคริสตเจ้าอย่างได้ผลดี คริสตชนต้องรวมเข้ากับคนเหล่านี้โดยให้ความเคารพยกย่องและรักเขา  ถือว่าตนเป็นสมาชิกในกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ด้วย มีส่วนร่วมในชีวิตทางวัฒนธรรมและสังคมโดยทำการติดต่อคบค้าและธุระการงานในชีวิตมนุษย์; ต้องสนิทคุ้นเคยกับประเพณีนิยมทางชาติและศาสนาของเขา  ต้องรู้จักค้นพบพืชพันธุ์ของพระคริสตเจ้าที่ซ่อนอยู่ในประเพณีนิยมเหล่านั้นด้วยความชื่นชมและเคารพ; ในขณะเดียวกันต้องเอาใจใส่เฝ้าดูความชื่นชมและเคารพ; ในขณะเดียวกันต้องเอาใจใส่เฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งที่เกิดขึ้นในหมู่ชนชาติต่าง ๆ และดำเนินการอย่าให้มนุษย์ในสมัยของเราที่หลงวิทยาศาสตร์และวิชาการของโลกปัจจุบันจนเกินไปหันเหไปจากเรื่องของพระเป็นเจ้าเสีย  ตรงกันข้ามควรพยายามให้เขาเกิดมีความปรารถนาร้อนรนขึ้นที่จะรับรู้ความจริงและความรักที่พระเป็นเจ้าทรงเผยให้เราทราบ.  พระคริสตเจ้าเองทรงหยั่งดูจิตใจของมนุษย์และทรงนำเขามาถึงความสว่างของพระเป็นเจ้า  โดยตรัสสนทนากับเขาอย่างฉันเพื่อนมนุษย์จริง ๆ; ในทำนองเดียวกัน ศิษย์ของพระองค์ซึ่งดื่มด่ำด้วยพระจิตต้องรู้จักมนุษย์ที่ตนดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันและสนทนาสังสรรค์กับเขา  เพื่อเขาจะได้รู้ในการสนทนากันอย่างจริงใจและอดทนด้วยว่า พระเป็นเจ้าทรงมีพระทัยดีจ่ายแจกพระคุณอันเลอเลิศอะไรแก่ชนชาติต่าง ๆ บ้าง; ในขณะเดียวกันต้องพยายามใช้ความสว่างจากข่าวดีเรื่องพระคริสตสอดส่องดูพระคุณเหล่านี้  ช่วยให้หลุดพ้นและนำกลับมาอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้าพระผู้ไถ่.

ต้องมีเมตตาอยู่ช่วยผู้อื่น

๑๒.  คริสตชนที่อยู่ในกลุ่มชนต่าง ๆ ต้องมีความรักแบบเดียวกับที่พระเป็นเจ้าทรงรักเรา  พระองค์นั้นทรงปรารถนาให้เรารักกันและกันด้วยความรักอย่างเดียวกัน (เทียบ ๑ ยน. ๔:๑๑).  ความรักแบบคริสตชนแผ่คลอบคลุมไปถึงมนุษย์ทุกคนอย่างแท้จริงโดยไม่เลือกชาติ ศาสนา  หรือ  ฐานะทางสังคม  และไม่หวังจะได้ประโยชน์หรือบำเหน็จแต่อย่างใด. พระเป็นเจ้าทรงรักเราด้วยความรักที่ให้เปล่า;  เช่นเดียวกัน  เวลาประกอบเมตตากิจสัตบุรุษต้องนึกถึงแต่ตัวคนที่จะช่วยเท่านั้น. พระคริสตเจ้าทรงตระเวนไปทุกหมู่บ้านและหัวเมือง  ทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บและความทุพพลภาพทุกชนิด  เป็นการแสดงว่าอาณาจักรของพระเป็นเจ้ามาถึงแล้ว (เทียบ มธ. ๙:๓๕ และต่อไป; กิจ ๑๐:๓๘). เช่นเดียวกัน  พระศาสนจักรทำการติดต่อกับมนุษย์ไม่ว่าอยู่ในฐานะอะไร โดยใช้ลูกของพระศาสนจักรไปหาเขา.  พระศาสนจักรยังติดต่อ โดยเฉพาะกับคนจนและคนทนทุกขทรมาน  แล้วทำการสละพลีตนเพื่อเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ (เทียบ ๒ คร. ๑๒:๑๕). พระศาสนจักรร่วมทุกข์ร่วมสุข  รู้ความใฝ่ฝันและปัญหาชีวิตของคนเหล่านี้ ร่วมทุกข์กับเขาเวลาทุรนทุรายใกล้จะตาย.  สำหรับผู้ที่แสวงหาความสงบสุข  พระศาสนจักรใคร่สนองตามความต้องการของเขา โดยเชิญให้มาสนทนาสังสรรค์กันอย่างฉันพี่น้อง  แล้วนำความสงบสุขและความสว่างจากพระวรสารมาให้แก่เขา.

ฉะนั้นคริสตชนต้องทำงานและต้องร่วมมือกับคนอื่น ๆ ทั่วไป เพื่อจัดงานเศรษฐกิจและงานสังคมขึ้นอย่างถูกต้อง ยังต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษอุทิศตนให้แก่การอบรมเด็กและเยาวชนโดยอาศัยโรงเรียนทุกประเภทเป็นเครื่องมือ  อันว่าโรงเรียนต่าง ๆ นั้นเราถือเป็นเครื่องมือวิเศษมิใช่สำหรับอบรมและกล่อมเกลาเยาวชนคริสตชนเท่านั้น แต่ยังต้องถือเป็นการรับใช้อันมีค่าสูงสำหรับผู้ใหญ่  โดยเฉพาะสำหรับชาติต่าง ๆ ที่กำลังเจริญพัฒนาเพื่อเชิดชูศักดิ์ศรีมนุษย์และเตรียมให้เกิดสภาพที่เหมาะแก่มนุษย์มากยิ่งขึ้น.

นอกจากนี้คริสตชนต้องมีส่วนร่วมในความพยายามของชาติต่าง ๆ ที่อุตส่าห์ปรับสภาพการดำรงชีวิตให้ดีขึ้น กับอุตส่าห์ทำให้มีสันติภาพมั่นคงในโลก  โดยทำสงครามกับความหิว ความโง่ ไม่มีความรู้ และโรคภัยไข้เจ็บ.  ในงานที่กล่าวนี้สัตบุรุษต้องปรารถนาอย่างร้อนรนที่จะทำการเสียสละอย่างฉลาดช่วยงานที่ส่งเสริมโดยสถาบันเอกชนและสาธารณะ  รัฐบาล  องค์การระหว่างชาติ  หมู่คณะต่าง ๆ ที่เป็นคริสตชนและบรรดาศาสนาที่มิใช่คริสตศาสนา.

แต่พระศาสนจักรไม่ปรารถนาเข้าไปยุ่งเกี่ยวในการปกครองบ้านเมืองในโลกนี้แต่อย่างใดทั้งสิ้น.  พระศาสนจักรไม่ต้องการอะไรอื่นนอกจากได้ชื่อว่าเป็นผู้รับใช้มนุษย์ทั้งหลายด้วยความรักและการบริการอย่างซื่อสัตย์อาศัยความช่วยเหลือของพระเป็นเจ้า (เทียบ มธ. ๒๐:๒๖,๒๓:๑๑).

ศิษย์ของพระคริสตเจ้าเมื่อรวมอยู่กับมนุษย์อย่างใกล้ชิดในชีวิตและเวลาทำงาน ย่อมหวังจะเป็นองค์พยานประกาศพระคริสตเจ้าแก่เขาอย่างแท้จริงและจะทำงานเพื่อความรอดของเขาแม้ในที่ที่จะประกาศพระคริสตเจ้าอย่างเต็มที่ไม่ได้  เพราะคริสตชนไม่แสวงหาความก้าวหน้าและความเจริญในด้านวัตถุแท้ ๆ ของมนุษย์  แต่หากตั้งใจจะส่งเสริมศักดิ์ศรีและความสามัคคีฉันพี่น้องกับเขา โดยสอนข้อความจริงทางด้านศาสนาและศีลธรรมซึ่งพระคริสตเจ้าทรงแนะนำชี้แจงมาแล้ว  ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดทางให้ก้าวเป็นขั้น ๆ ไปหาพระเป็นเจ้าดีขึ้น. ด้วยประการฉะนี้แหละ  คริสตชนช่วยมนุษย์ให้บรรลุถึงความรอดโดยรักพระเป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์  และรหัสธรรมของพระคริสตเจ้าก็เริ่มจะฉายแสงคือ  ให้รหัสธรรมนี้ มนุษย์คนใหม่ซึ่งสร้างขึ้นคล้ายพระเป็นเจ้า (เทียบ อฟ. ๔:๒๔) ได้ปรากฏขึ้นและในรหัสธรรมนี้ ความรักของพระเป็นเจ้าเผยออกมาให้เราเห็น.