๑.
พระเป็นเจ้าทรงส่งพระศาสนจักรไปยังชาติต่าง ๆ เพื่อให้เป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้ทุกคนรอด ดังนั้นเนื่องจากความจำเป็นบังคับที่จะต้องมีลักษณะเป็นสากลและเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของพระผู้สถาปนา (เทียบ มก. ๑๖:๑๖) พระศาสนจักรจึงพยายามอย่างเต็มสติกำลังที่จะนำข่าวดีไปประกาศแก่มนุษย์ทุกรูปทุกนาม. อันที่จริงพวกอัครธรรมทูตเองซึ่งเป็นรากฐานของพระศาสนจักร ก็ได้ดำเนินรอยตามพระยุคลบาทของพระคริสตเจ้า ไปประกาศพระวาจาแห่งความจริงและตั้งกลุ่มคริสตชนต่าง ๆ ขึ้น. ผู้สืบตำแหน่งต่อจากอัครธรรมทูตมีหน้าที่ต้องดำเนินกิจการนี้ต่อไป เพื่อ พระวาจาของพระเป็นเจ้าจะได้แพร่หลายและได้รับความเคารพยกย่อง (๒ ธส. ๓:๑) อีกทั้งอาณาจักรของพระเป้นเจ้าจะได้รับการประกาศและสถาปนาขึ้นทั่วพิภพ.
แต่ในสภาวการณ์ปัจจุบันซึ่งทำให้มนุษย์มีฐานะใหม่ พระศาสนจักรซึ่งเป็นเกลือรักษาแผ่นดินและเป็นความสว่างส่องโลก (เทียบ มธ. ๕:๑๓๑๔)
ได้รับการเรียกร้องอย่างเร่งด่วนยิ่งขึ้นให้กอบกู้และฟื้นฟูมนุษย์ทั้งหลาย เพื่อว่าทุกสิ่งจะได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในพระคริสตเจ้า อีกทั้งมนุษย์ทั้งหลายจะได้รวมกันเข้าเป็นครอบครัวเดียวและประชากรเดียวของพระเป็นเจ้าในพระองค์.
ฉะนั้นสภาสังคายนานี้พร้อมกับที่ขอบพระคุณพระเป็นเจ้า เนื่องในผลงานอันงดงามที่พระศาสนจักรทั่วไปได้ประกอบมาด้วยน้ำใจร้อนรนและกว้างขวาง
สภาสังคายนานี้ใคร่จะวางหลักเกณฑ์งานธรรมทูตและผนึกกำลังของสัตบุรุษทุกคนเข้าด้วยกัน เพื่อว่าประชากรของพระเป็นเจ้าซึ่งมุ่งเดินหน้าไปทางประตูคับแคบแห่งกางเขน จะได้ขยายพระราชัยของพระคริสตเจ้าซึ่งกวาดสายพระเนตรมองเห็นกาลทุกยุคทุกสมัย (เทียบ บสร. ๓๖:๑๙) และจะได้เตรียมทางให้พระองค์เสด็จกลับมา.
|