หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระธรรมนูญ พระสมณกฤษฎีกาและ
คำแถลงแห่งสภาสังคายนา  เล่มที่ 5

ข้อสรุป

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 พระธรรมนูญว่าด้วยพระศาสนจักรในโลกสมัยนี้
ภาคที่สอง  : ว่าด้วยปัญหาบางข้อที่รีบด่วน

๙๑.  หน้าที่ของสัตบุรุษแต่ละคนกับหน้าที่ของคริสตจักรท้องที่

๑. ข้อความที่สภาสังคายนาคัดมาจากพระคลังคำสอนของพระศาสนจักรและนำมาเสนอนี้  มุ่งจะช่วยมนุษย์ทุกคนในสมัยของเรา ซึ่งไม่ว่าจะเชื่อถึงพระเป็นเจ้าก็ดีหรือไม่ยอมนับถือพระองค์อย่างเปิดเผยก็ดี ให้เข้าใจกระแสเรียกของตนชัดเจนดียิ่งขึ้น  ให้ปรับโลกให้สมกับศักดิ์ศรีอันล้ำเลิศของมนุษย์ยิ่งขึ้น ๆ ให้แสวงหาภารดรภาพสากลซึ่งมีรากลึกอยู่  และเพราะการกระตุ้นเตือนของความรักให้ปฏิบัติตามที่สมัยของเรานี้เรียกร้องให้ทำอย่างรีบเร่งด้วยน้ำใจกว้างขวางและด้วยความพยายามร่วมกัน.

๒. ถูกแล้ว  เนื่องจากในโลก  สถานการณ์ก็ดี วัฒนธรรมก็ดี มีเป็นรูปต่าง ๆ มากมายเหลือเกิน  หลายตอนในคำบรรยายนี้จึงเป็นแต่คำบรรยายเรื่องทั่ว ๆ ไปโดยจงใจ. ยิ่งกว่านั้นแม้ว่าคำบรรยายนี้บรรจุคำสอนที่พระศาสนจักรรับรองแล้ว  แต่เนื่องจากบ่อยครั้งกล่าวถึงปัญหาที่อาจมีวิวัฒนาการต่อไปได้เรื่อย ๆ จึงเป็นคำบรรยายที่ต้องทำต่อและขยายความให้กว้างออกไปอีก. แต่เราหวังว่าเรื่องหลายเรื่องที่เราได้กล่าวโดยอ้างอิงพระวาจาของพระเป็นเจ้ากับจิตตารมณ์ของพระวรสารนั้นจะเป็นประโยชน์จริงจังแก่ทุกคน เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัตบุรุษจะได้ปรับเรื่องเหล่านี้ให้เข้ากับชาติและจิตใจของแต่ละคนตามคำแนะนำของนายชุมพาบาล.

๙๒.  การติดต่อเจรจาระหว่างมนุษย์ทุกคน

๑. เนื่องจากพระศาสนจักรมีหน้าที่ต้องนำแสงของพระวรสารไปฉายให้โลกทั้งโลกสว่างและต้องนำมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาติใด  เชื้อชาติใดหรือมีวัฒนธรรมแบบใด  ให้มารวมเข้าในพระจิตองค์เดียว ดังนั้นพระศาสนจักรจึงปรากฏเป็นเครื่องหมายของภราดรภาพ ซึ่งหนุนให้การติดต่อเจรจากันเป็นไปได้อย่างจริงใจและอย่างมั่นคง.

๒. เมื่อเป็นดังนี้  ก่อนอื่นทีเดียวเราต้องส่งเสริมให้มีการยกย่อง  การเคารพ  และความสามัคคีปรองดองภายในพระศาสนจักร  โดยยอมรับรู้ความแตกต่างที่ชอบธรรมทุกชนิด  เพื่อหาทางให้ทุกคนซึ่งรวมกันเป็นประชากรของพระเป็นเจ้า  ไม่ว่าจะเป็นนายชุมพาบาลหรือสัตบุรุษคริสตชนอื่น  ได้ติดต่อเจรจาอย่างมีผลดียิ่งขึ้นเสมอ.  ทั้งนี้เพราะว่าสิ่งที่ทำให้สัตบุรุษสามัคคีกันนั้นมีกำลังแรงกว่าสิ่งที่ทำให้สัตบุรุษแตกแยกกัน. ขอให้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวในสิ่งที่จำเป็น  ขอให้มีเสรีภาพในเรื่องที่สงสัยยังไม่เป็นที่ตกลงกัน  และขอให้มีความรักในเรื่องทุกอย่างไม่ว่าเรื่องอะไร.

๓. ในขณะเดียวกัน  ความคิดของเราครอบคลุมไปถึงพี่น้องกับหมู่ประชาคมที่ยังไม่อยู่ในความร่วมสนิทเป็นอันหนึ่งอันเดียวอย่างสมบูรณ์กับเรา แต่เราเกี่ยวพันกับเขาแล้วด้วยการประกาศนับถือพระบิดา  พระบุตร และพระจิต  กับด้วยเครื่องผูกพันแห่งความรัก  เรายังระลึกด้วยว่า  ทุกวันนี้เอกภาพของ  คริสตชนเป็นสิ่งที่แม้แต่คนที่ไม่เชื่อถึงพระคริสตเจ้าก็ยังหวังคอยและปรารถนา  เพราะยิ่งเอกภาพก้าวไปสู่ความจริงและความรักด้วยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเพียงใด  ก็ยิ่งเป็นนิมิตแห่งเอกภาพและสันติภาพสำหรับโลกทั้งโลกเพียงนั้นด้วย. ฉะนั้นให้เราร่วมแรงกันและใช้ช่องทางที่ดัดแปลงให้เหมาะยิ่งขึ้นสำหรับมีผลบรรลุถึงจุดประสงค์ข้อนี้ในปัจจุบัน  แล้วถือตามพระวรสารให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น  กระตือรือร้นที่จะร่วมมืออย่างฉันพี่น้องเพื่อทำการรับใช้ครอบครัวมนุษย์  ซึ่งได้รับเรียกให้มาเป็นครอบครัวลูกของพระเป็นเจ้าในพระคริสตเยซูเจ้า.

๔. เรายังหันมาคิดถึงผู้ที่นับถือพระเป็นเจ้ากับรักษาส่วนประเสริฐของศาสนาและของมนุษย์ไว้ในประเพณีนิยมของตนเราปรารถนาขอให้การติดต่อเจรจากันอย่างเปิดอกชักจูงเราให้รับการดลใจของพระจิตอย่างซื่อสัตย์และถือตามอย่างร้อนรน.

๕. ในส่วนที่เกี่ยวกับเรา  ความปรารถนาให้มีการติดต่อเจรจากันเช่นนี้  ซึ่งเกิดจากความรักต่อความจริงอย่างเดียวและต้องทำด้วยความฉลาดที่พึงมีนั้น  มิได้ยกเว้นใคร  ไม่ว่าผู้ที่เคารพยกย่องความงามดีเด่นของมนุษย์ แต่ยังไม่ยอมรับนับถือผู้ให้กำเนิดความดีงามเหล่านั้น  ไม่ว่าผู้ที่ต่อสู้และข่มเหงรังแกพระศาสนจักรด้วยวิธีต่าง ๆ.  โดยที่พระบิดาเป็นเบื้องต้นและบั้นปลายของมนุษย์ทั้งหลาย เราทุกคนจึงได้รับเรียกมาให้เป็นพี่น้องกันและเพราะเหตุที่พระทรงกำหนดมาให้เรามีกระแสเรียกอันเดียวกันซึ่งเป็นทั้งของพระเป็นเจ้าและของมนุษย์ เราจึงสามารถร่วมมือและต้องร่วมมือในการสร้างโลกขึ้นในความผาสุกอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องข่มขู่และไม่ต้องใช้เล่ห์.

๙๓.  ต้องสร้างโลกขึ้นและนำไปถึงจุดหมายของมัน

๑. เมื่อคิดถึงพระวาจาของพระคริสตเจ้าผู้ตรัสว่า  “พระท่านรักกันและกัน  ทุกคนก็จะรู้ได้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา” (ยน. ๑๓:๓๕) คริสตชนจะปรารถนาอะไรร้อนแรงยิ่งกว่าที่จะรับใช้มนุษย์ในโลกสมัยนี้ด้วยน้ำใจกว้างขวางและเกิดผลดียิ่งขึ้นไม่ได้. เพราะเหตุนี้เขาจึงถือตามพระวรสารอย่างซื่อสัตย์ ทรงไว้ซึ่งพละกำลังของพระวรสารนั้น  ร่วมสนิทกับผู้ที่รักและถือความยุติธรรม มีภารกิจอันยิ่งใหญ่จะต้องปฏิบัติให้สำเร็จลุล่วงในโลกนี้และต้องให้การเกี่ยวกับภารกิจนั้นต่อพระผู้ที่จะพิพากษามนุษย์ทุกคนในวันสุดท้าย. ไม่ใช่ผู้ที่กล่าวว่า “พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า !” ที่จะเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์  แต่เป็นผู้ที่ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระบิดาและทำงานอย่างเข้มแข็ง.  อันว่า น้ำพระทัยของพระบิดาก็คือ ให้เราถือว่า พระคริสตเจ้าพระเชษฐาของเราอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน  และให้เรารักพระองค์อย่างแท้จริง ทั้งด้วยกิจการและคำพูด  ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศยืนยันถึงความจริง.  พระยบิดายังทรงปรารถนาให้เราแจ้งเหตุการณ์ลึกล่ำเรื่องความรักของพระองค์แก่มนุษย์คนอื่นด้วย.  ด้วยประการฉะนี้แหละ มนุษย์ทั่วพิภพจะรับการปลุกให้มีความหวังอย่างแรงกล้าซึ่งเป็นพระคุณของพระจิต เพื่อในที่สุดพระจะได้รับเขาเข้าในสันติภาพและความบรมสุขในถิ่นฐานที่รุ่งโรจน์สุกใสด้วยความสว่างและมีสง่าราศีของพระคริสตเจ้า

๒. “สิริโรจนาแด่พระองค์ผู้ทรงสามารถทำมากและเกินกว่าที่เราจะขอหรือคิดได้ อาศัยพลานาภาพที่ก่อให้บังเกิดผลแก่เรา  สิริโรจนาแด่พระองค์ในพระศาสนจักรและในพระคริสตเยซู ตลอดทุกอายุขัยและทุกกาลสมัย  อาแมน” (อฟ. ๓:๒๐–๒๑)

ข้อความแต่ละข้อทั้งสิ้นที่ประกาศไว้ในสังฆธรรมนูญฉบับนี้  บรรดาปิตาจารย์ได้เห็นชอบแล้วทั้งนั้น  อาศัยอำนาจของท่านอัครธรรมฑูต ซึ่งเราได้มอบจากพระคริสตเจ้า เราพร้อมกับบรรดาปิตาจารย์ที่เคารพเหล่านี้ในพระจิตเจ้า  จึงเห็นชอบกำหนดและตราไว้ และสิ่งใดที่สภาสังคายนาได้ตราขึ้นเราก็สั่งให้ประกาศใช้เพื่อเป็นเกียรติแด่พระเป็นเจ้า.