๗๙. ยับยั้งความป่าเถื่อนในสงคราม
๑.
แม้ว่าสงคามครั้งหลัง ๆ นี้ได้ทำความเสียหายอย่างร้ายกาจทั้งในทางวัตถุและทางจิตใจแก่โลกเรา สงครามก็ยังทำการล้างทำลายในส่วนใดส่วนหนึ่งของโลกอยู่ทุกวันต่อไป. ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากมีการใช้อาวุธวิทยาศาสตร์ทุกชนิดในการทำสงครามกัน ความทารุณของสงครามคุกคามจะชักจูงนักรบทั้งสองฝ่ายให้ทำการป่าเถื่อนที่ร้ายยิ่งกว่าแต่ครั้งก่อน ๆ เป็นไหน ๆ. นอกจากนั้นสถานการณ์ยุ่งยากในปัจจุบันกับความสลับซับซ้อนในการติดต่อกันระหว่างชาติต่าง ๆ เป็นเหตุให้สงครามแบบกองโจรยืดเยื้ออยู่เป็นเวลานาน ๆ ด้วยวิธีการที่มีเล่ห์เหลี่ยมและบ่อนทำลายใหม่ ๆ ในหลาย ๆ กรณี. การใช้วิธีขู่ทำให้หวาดกลัวขวัญเสียก็ถือเป็นวิธีทำลายสงครามใหม่อีกแบบหนึ่ง.
๒.
เมื่อคำนึงถึงสภาพอันน่าอนาถของชาติมนุษย์ที่กล่าวนี้ ก่อนอื่นสภาสังคายนาใคร่จะขอเตือนทุกคนให้ระลึกว่า สิทธิโดยธรรมชาติของบุคคลกับหลักเกณฑ์ทั่วไปของสิทธินั้นยังมีผลใช้บังคับอยู่เสมอ. มโนธรรมของมนุษย์เองก็ประกาศรับรองหลักเกณฑ์เหล่านั้นอย่างมั่นคงหนักแน่นยิ่งขึ้นทุกที. ฉะนั้นกิจการใดที่ขัดต่อหลักเกณฑ์เหล่านั้นโดยจงใจตลอดจนคำสั่งที่ให้ประกอบกิจการเช่นนั้น ถือว่าเป็นอาชญากรรม และผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นจะแก้ตัวว่าต้องเชื่อฟังอย่างคนตาบอดไม่ได้. ในบรรดากิจการที่เป็นอาชญากรรมเหล่านี้ ก่อนอื่นต้องนับการประหารล้างชีวิตพวกหนึ่ง ชนชาติหนึ่งหรือชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งทั้งหมด ไม่ว่าด้วยเหตุอันใดและไม่ว่าด้วยวิธีใด. การกระทำเช่นนี้ต้องประณามอย่างรุนแรง ถือว่าเป็นอาชญากรรมอันน่าสยดสยอง และน้ำใจของผู้ที่กล้าขัดขวางผู้ที่ออกคำสั่งให้ประกอบอาชญากรรมเช่นนี้อย่างเปิดเผย สมควรได้รับคำชมเชยเป็นอย่างสูง.
๓.
เกี่ยวกับการทำสงคราม มีข้อตกลงต่าง ๆ ระหว่างชาติซึ่งมีหลายประเทศเหมือนกันได้ลงนามไว้เพื่อทำให้กิจการทหารและผลที่เกิดขึ้นลดความทารุณโหดร้ายลง เช่น ข้อตกลงเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อทหารบาดเจ็บหรือเชลย และสัญญาอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน. ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้นทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและผู้สันทัดในเรื่องนี้ ต้องพยายามสุดความสามารถที่จะทำให้ข้อตกลงเหล่านั้นสมบูรณ์กับมีผลยับยั้งความป่าเถื่อนของสงครามดียิ่งขึ้น. นอกจากนี้ดูเหมือนเป็นการเที่ยงธรรมที่กฎหมายจะบัญญัติโดยเห็นแก่มนุษยธรรม สำหรับกรณีที่มีคนไม่ยอมใช้อาวุธเนื่องจากเหตุผลทางมโนธรรม แต่ทว่าเขาต้องยอมรับใช้ประชาคมมนุษย์ในรูปอื่น.
๔.
แน่นอน สงครามยังไม่ได้หมดจากโลกมนุษย์. ตราบใดภัยสงครามยังมีอยู่และตราบใดยังไม่มีเจ้าหน้าที่ระหว่างชาติที่มีอำนาจและกำลังเพียงพอ ตราบนั้นเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลไม่มีสิทธิที่จะป้องกันตัวโดยชอบธรรมเมื่อหมดช่องทางทุกอย่างที่จะตกลงกันโดยสันติ. ฉะนั้นผู้ปกครองบ้านเมืองและผู้มีส่วนรับผิดชอบในกิจการบ้านเมืองมีหน้าที่ต้องคุ้มครองความสงบสุขของราษฎรที่ฝากกับตนและต้องบริหารงานที่สำคัญเช่นนี้อย่างหนักแน่น. แต่การทำสงครามเพื่อป้องกันราษฎรโดยชอบธรรมนั้นเป็นอย่างหนึ่ง กับความต้องการปราบชนชาติอื่นให้อยู่ใต้อำนาจนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่งซึ่งไม่เหมือนกัน. ไม่ใช่ว่ามีกำลังอาวุธแล้ว จะใช้กำลังนั้นเพื่อจุดหมายทางการเมืองและทางทหารได้ทุกอย่าง และเมื่อเคราะห์ร้ายสงครามเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่ว่าคู่ปรปักษ์อยากทำอะรไก็ทำได้ทุกอย่าง.
๕. ส่วนผู้ที่ทำการรับใช้ปิตุภูมิอยู่ในกองทัพนั้น ให้ถือว่าตนเป็นผู้รับใช้ความรอดปลอดภัยและเสรีภาพของประชาชนและถ้าเขาถือหน้าที่อย่างถูกต้อง ก็เท่ากับมีส่วนผดุงสันติภาพไว้อย่างแท้จริง.
๘๐. การทำสงครามอย่างเต็มที่
๑.
ความเจริญก้าวหน้าของอาวุธวิทยาศาสตร์ทำให้สงครามน่าสยดสยองและร้ายยิ่งขึ้นอย่างสุดที่จะประมาณได้เพราะเมื่อใช้อาวุธที่กล่าวนี้ การปฏิบัติการในสงครามย่อมทำการทำลายอย่างใหญ่หลวงโดยไม่เลือกที่ ดังนั้นจึงทำเกินขอบเขตของการป้องกันตัวโดยชอบธรรมเป็นอันมาก. ยิ่งกว่านั้นถ้าให้อุปกรณ์ที่สะสมอยู่ในคลังอาวุธของมหาอำนาจทั้งหมด ผลที่เกิดก็คือ ปรปักษ์ทั้งสองฝ่ายจะล้างทำลายกันและกันจนวินาศเกือบสิ้นเชิง ทั้งนี้ยังไม่นับความพินาศทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นในโลกกับผลร้ายต่าง ๆ ที่สืบเนื่องมาจากการใช้อาวุธเหล่านี้.
๒.
ข้อคำนึงทั้งหมดนี้บังคับเราให้คิดพิจารณาเรื่องสงครามด้วยจิตใจที่เปลี่ยนใหม่อย่างแท้จริง. ขอให้มนุษย์ทุกวันนี้รู้ไว้ว่าจะต้องให้การอย่างเคร่งครัดถึงการที่ได้ปฏิบัติในสงครามเพราะเหตุการณ์ในเวลาข้างหน้าย่อมขึ้นกับการตัดสินใจของเขาในปัจจุบันนี้เป็นอันมาก.
๓. เมื่อคำนึงถึงข้อต่าง ๆ เหล่านี้ สภาสังคายนาขอยืมคำซึ่งพระสันตะปาปาองค์หลัง ๆ ได้ทรงกล่าวประณามการทำสงครามแบบไม่เลือกที่ และขอประกาศว่า:
๔.
การปฏิบัติการในสงครามที่มุ่งทำลายเมืองทั้งเมือง หรือดินแดนกว้างใหญ่พร้อมกับคนที่อาศัยในเมืองหรือดินแดนนั้น ถือว่าเป็นอาชญากรรมผิดต่อพระเป็นเจ้าเอง และอาชญากรรมนั้นเราต้องประณามอย่างแข็งแรงและโดยไม่ลังเลใจ
๕.
ภัยสำคัญของสงครามสมัยปัจจุบันก็คือ สงครามเหมือนกับเป็นโอกาสให้ผู้ที่มีอาวุธวิทยาศาสตร์ใหม่กว่าประกอบอาชญากรรมที่กล่าวนี้ และเหมือนกับเป็นเหตุเกี่ยวเนื่องที่ขัดขวางไม่ได้ สงครามนั้นอาจผลักดันมนุษย์ให้ตัดสินใจทำสิ่งอันโหดเหี้ยมที่สุดได้. เพื่อมิให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในอนาคตอีกบรรดาพระสังฆราชทั่วโลกซึ่งมาร่วมประชุมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขอวอนมนุษย์ทุกคน เป็นต้นผู้นำชาติต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ทหาร ให้ไตร่ตรองคิดถึงความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงต่อหน้าพระเป็นเจ้าและมนุษย์ชาติทั้งมวลทุก ๆ เวลา.
๘๑. การแข่งขันสร้างอาวุธ
๑.
อันที่จริง อาวุธวิทยาศาสตร์ไม่ได้สะสมไว้โดยมุ่งหมายแต่อย่างเดียวที่จะใช้ในเวลาสงคราม. โดยที่ถือกันว่าอำนาจในการป้องกันตัวของแต่ละฝ่ายขึ้นกับความสามารถที่จะทำการโต้ตอบประปักษ์ได้แบบสายฟ้าแลบ การสะสมอาวุธนี้ซึ่งยิ่งมากขึ้นทุกปี กลับใช้เป็นประโยชน์สำหรับทำให้ศัตรูมีความกลัวเกรงไม่กล้าโจมตี การป้องกันตัววิธีนี้เราไม่เคยรู้มาแต่ก่อนเลย. หลายคนคิดว่าเรื่องนี้เป็นวิธีที่มีผลชงัดที่สุดสำหรับประกันให้มีสิ่งที่พอจะเรียกได้ว่า สันติภาพในระหว่างชาติต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้.
๒.
วิธีขู่ให้กลัวแบบนี้จะเป็นอย่างไรก็ตาม มนุษย์ควรเชื่อตระหนักว่า การแข่งขันกันสร้างอาวุธซึ่งหลาย ๆ ชาติทำอยู่นั้น ไม่ใช่วิธีปลอดภัยสำหรับรักษาสันติภาพไว้อย่างมั่นคงและสิ่งที่เรียกว่าดุลยภาพอันสืบเนื่องมาจากการแข่งสร้างอาวุธนั้น หาใช่สันติภาพที่ยั่งยืนและแท้จริงไม่. สาเหตุแห่งสงครามแทนที่จะถูกกำจัดให้หมดไปด้วยวิธีนี้ น่ากลัวจะกลับค่อย ๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้น. เมื่อใช้สมบัติอย่างมากมายมหาศาลไปในการสร้างอาวุธใหม่อยู่เสมอเสีย ก็ไม่สามารถทำการทุเลาบรรเทาความทุกข์เข็ญซึ่งมีอยู่มากมายในโลกปัจจุบันได้อย่างเพียงพอแทนที่จะระงับข้อบาดหมางระหว่างชาติต่าง ๆ ให้สงบไปอย่างแท้จริง กลับเอาเชื้อข้อบาดหมางนั้นไปแพร่ติดส่วนอื่นของโลกด้วย. ต้องเลือกหาหนทางใหม่โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงจิตใจเพื่อกำจัดเรื่องน่าบัดสีนี้ให้หมดไป กับเพื่อช่วยโลกให้หลุดพ้นจากความกระวนกระวายที่บีบคั้นและกลับมีสันติภาพอันแท้จริง.
๓.
เพราะฉะนั้น ต้องขอแถลงอีกครั้งหนึ่งว่า การแข่งกันสร้างอาวุธเป็นภัยที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษยชาติและทำให้คนจนได้รับความเสียหายอย่างเหลือที่จะทนได้ และเป็นที่น่ากลัวเหลือเกินว่า ถ้ายังมีอีกต่อไป การแข่งกันสร้างอาวุธจะก่อความฉิบหายวายวอดให้สักวันหนึ่ง เพราะมันเตรียมเครื่องมือไว้ให้แล้ว.
๔.
เมื่อทราบถึงมหาภัยพิบัติที่มนุษยชาติอาจทำให้เกิดขึ้นได้ฉะนี้ เราจงใช้เวลาที่สวรรค์ประทานให้และที่เรายังมีบุญมีอยู่นี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อว่าเมื่อสำนึกถึงความรับผิดชอบส่วนตัวยิ่งขึ้นแล้ว เราจะได้หาทางตกลงข้อขัดแย้งของเราด้วยวิธีที่สมควรแก่มนุษย์ยิ่งขึ้น. พระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้ารบเร้าให้เรากอบกู้ตัวเราให้พ้นจากการตกเป็นทาสเก่าแก่ของสงคราม. ถ้าเราไม่ยอมอุตส่าห์ดังนี้ เราก็ไม่รู้ว่าหนทางชั่วร้ายที่เราเดินไปนั้นจะพาเราไปถึงไหน.
๘๒. ต้องห้ามสงครามอย่างเด็ดขาด นานาชาติร่วมมือกันหลีกเลี่ยงสงคราม
๑.
ฉะนั้น จึงเป็นที่เห็นได้ชัดว่า เราต้องพยายามเต็มสติกำลังเพื่อเตรียมเวลาที่ทุก ๆ ชาติจะยินยอมพร้อมใจให้ห้ามมิให้มีสงครามใด ๆ อย่างเด็ดขาด. แน่นอน สำหรับเรื่องนี้จำเป็นต้องตั้งเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจทั่วโลกที่ใคร ๆ ยอมรับนับถือและทรงไว้ซึ่งอำนาจอันมีประสิทธิภาพสามารถจะจัดการให้ทุกคนได้รับความปลอดภัย การถือความยุติธรรม และการเคารพสิทธิต่าง ๆ. แต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่ซึ่งน่าปรารถนานี้จะตั้งขึ้นได้ เจ้าหน้าที่สูงสุดระหว่างชาติในปัจจุบันนี้ต้องพยายามอย่างเข้มแข็งที่จะศึกษาถึงวิธีที่สามารถจะทำให้เกิดความมั่นคงขึ้นทั่วไป โดยที่สันติภาพต้องเกิดจากความไว้ใจซึ่งกันและกันระหว่างชาติต่าง ๆ ไม่ใช้อาวุธข่มขู่ให้ชาติต่าง ๆ รับเอา ดังนั้นทุกคนต้องพยายามดำเนินการให้มีการเลิกแข่งขันกันสร้างอาวุธ. เพื่อให้การลดอาวุธกลายเป็นเรื่องจริงขึ้น การลดอาวุธเป็นไปมิใช่ฝ่ายข้างเดียว แต่ต้องเป็นไปทั้งสองฝ่ายโดยจังหวะเดียวกันตามสัญญาตกลงและโดยมีการรับประกันที่มีผลอย่างแท้จริง.
๒.
ในขณะเดียวกัน ไม่ควรดูหมิ่นความพยายามของคนที่ได้อุตส่าห์มาแล้ว และยังอุตส่าห์อยู่ที่จะกำจัดภัยสงคราม. ทางที่ถูกควรจะส่งเสริมนั้นใจดีของคนเป็นจำนวนมาก ที่แม้จะมีความกังวลมากมายในตำแหน่งอันสูง แต่เพราะสำนึกถึงความรับผิดชอบอันหนักอึ้งของเขา จึงพยายามอุตส่าห์กำจัดสงครามซึ่งเขาเกลียดกลัว ทั้ง ๆ ที่ไม่สามารถจะปลีกตัวจากความยุ่งยากสลับซับซ้อนของเรื่องต่าง ๆ ดังที่เป็นอยู่. อีกประการหนึ่ง ต้องวอนขอพระเป็นเจ้าโปรดให้เขามีกำลังที่จะยืนหยัดดำเนินการอย่างเข้มแข็งให้งานนี้สำเร็จไป งานนี้เป็นงานแสดงความรักอย่างสูงสุดต่อมนุษย์และเป็นงานสร้างสันติภาพขึ้นอย่างเข้มแข็ง. แน่ทีเดียวในปัจจุบันคนเหล่านี้มีจิตใจเผื่อแผ่คิดเลยเขตแดนประเทศของตน ต้องทิ้งความเห็นแก่ตัวประจำชาติ ต้องลดความมักใหญ่ใฝ่สูงที่จะบังคับครองชาติอื่น และต้องมีความเคารพอย่างสูงต่อมนุษยชาติทั้งสิ้นซึ่งพยายามก้าวไปสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวยิ่งขึ้นด้วยความยากลำบากถึงปานนี้.
๓.
เกี่ยวกับปัญหาสันติภาพและการปลดอาวุธ ต้องคำนึงถึงการสืบสวนที่ทำกันอย่างละเอียดกล้าหาญและไม่ท้อถอย กับต้องคำนึงถึงการประชุมระหว่างชาติหลายครั้งที่พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ และต้องถือว่าเป็นก้าวแรกที่ย่างไปสู่การแก้ปัญหาหนัก ๆ เช่นนี้ อีกทั้งในอนาคตต้องทำต่อไปอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อได้ผลในทางปฏิบัติ. อย่างไรก็ตาม ควรระวังอย่าคิดถึ่งแต่ความพยายามของคนบางคนเท่านั้นโดยไม่เอาใจใส่ถึงภาวะจิตใจของตนเอง เพราะผู้นำประชาชนซึ่งเป็นทั้งผู้รับผิดชอบต่อประโยชน์ส่วนรวมของชาติและเป็นผู้ส่งเสริมประโยชน์ส่วนรวมของโลกนั้น ต้องฟังความคิดเห็นและความรู้สึกของมวลชนมากที่สุด ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะสร้างสันติภาพขึ้นตราบใดที่ความรู้สึกเป็นอริศัตรู ดูหมิ่นและไม่ไว้ใจกัน ความเกลียดเชื้อชาติและลัทธิความเชื่อถืออย่างดื้อรั้นยังแบ่งแยกมนุษย์ให้ขัดสู้กันอยู่. เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องรีบด่วนที่จะปรับปรุงการอบรมจิตใจและต้องมีแนวความคิดใหม่ในเรื่องมติมหาชน. ขอให้ผู้ที่อุทิศตนในการอบรมหนุ่มสาวเป็นต้น หรือผู้ที่สร้างมติมหาชน ถือเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดที่จะต้องเอาใจใส่อบรมจิตใจของทุกคนให้มีความรู้สึกใฝ่สันติแบบใหม่ อันที่จริง เราทุกคนต้องเปลี่ยนจิตใจของเรา และต้องปักตาดูโลกทั้งโลกตลอดจนภาระหน้าที่ต่าง ๆ ที่เราสามารถทำร่วมกันเพื่อความเจริญของชาติมนุษย์.
๔.
แต่เราจงอย่างหวังอะไรผิด ๆ เพราะเมื่อละทิ้งความเป็นอริและความเกลียดชังแล้ว ถ้าเราไม่ทำสัญญาสุจริตและมั่นคงเพื่อให้มีสันติภาพทั่วโลกในอนาคตแล้ว น่ากลัวว่ามนุษยชาติซึ่งอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงแล้ว และแม้จะมีความรู้อย่างน่าพิศวง จะต้องมาถึงเวลาอันน่าพึงกลัวแห่งความตาย. อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ พระศาสนจักรของพระคริสตเจ้าซึ่งร่วมอยู่ในท่ามกลางความกระวนกระวายของยุคนี้ ก็ไม่หยุดยั้งที่จะมีความหวังอย่างมั่นคงที่สุด. พระศาสนจักรใคร่จะเสนอวาทะของอัครธรรมทูตคำหนึ่งแก่ยุคของเราซ้ำไปซ้ำมา. โดยไม่คำนึงว่าจะถูกกาลเทศะหรือไม่ถูกกาลเทศะวาทะคำนั้นมีว่า เวลานี้แหละเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับกลับใจเวลานี้แหละเป็นวันแห่งความรอด.
|