๗๗. อารัมภบท
๑.
ในสมัยของเรานี้ ความทุกข์ลำเค็ญและความกระวนกระวายอันเกิดจากสงครามที่กำลังดำเนินหรือกำลังคุกคามนั้น ยังมีอยู่ในหมู่มนุษย์อย่างร้ายแรงที่สุด ครอบครัวมนุษย์ทั้งมวลได้เดินมาถึงเวลาที่อันตรายที่สุดในการก้าวย่างไปถึงความสำเร็จสมบูรณ์ของตน พระศาสนจักรซึ่งค่อย ๆ รวมกันเข้าและสำนึกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของตนดีขึ้นในที่ทั่วไปนั้น ไม่สามารถจะประกอบงานอันหนึ่งให้สำเร็จ คือ งานสร้างโลกให้มีมนุษยธรรมดีขึ้นอย่างแท้จริงสำหรับทุกคนในที่ทั่วไป เว้นแต่ทุกคนจะรื้อฟื้นจิตใจใหม่หันไปหาสันติภาพที่แท้จริง. ถ้าเป็นดังนั้น พระวรสารซึ่งสอดคล้องกับความใฝ่ฝันและความปรารถนาอันลึกซึ้งที่สุดของมนุษย์ก็จะส่องแสงสุดใสใหม่ โดยที่ประกาศว่าผู้สร้างสันติเป็นผู้มีบุญ เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเป็นเจ้า (มธ. ๕:๙).
๒.
เพราะเหตุนี้ เมื่อได้อธิบายความหมายอันแท้จริงและมีเกียรติสูงของสันติภาพกับความป่าเถื่อนของสงครามแล้ว สภาสังคายนาตั้งใจจะเรียกร้องให้คริสตทั้งหลาย อาศัยพระคริสตเจ้าผู้ทรงสร้างสันติภาพ ทำการร่วมมือกับมนุษย์ทุกคนในอันที่จะผดุงสันติภาพด้วยความยุติธรรมและความรักกับเตรียมเครื่องมือสันติภาพไว้.
๗๘. สันติภาพมีลักษณะอย่างไร
๑.
สันติภาพไม่ใช่เป็นภาระไม่มีสงครามอย่างเดียวหรือเป็นเพียงการจัดให้ปรปักษ์สองฝ่ายมีกำลังสมดุลย์เท่ากัน. สันติภาพมิใช่เกิดจากการปกครองแบบบังคับกดขี่ แต่เรียกได้โดยถูกต้องเหมาะเจาะว่า เป็น งานที่เกิดจากความยุติธรรม (อสย. ๓๒:๑๗). สันติภาพเป็นผลที่เกิดจากระเบียบอันพระผู้สร้างได้ทรงจารึกไว้ในสังคมมนุษย์และซึ่งมนุษย์ผู้กระหายให้มีความยุติธรรมสมบูรณ์ยิ่งขึ้นจะต้องทำให้สำเร็จไป ด้วยว่าแม้ประโยชน์ส่วนรวมของมนุษยชาติถูกกำหนดไว้โดยกฎนิรันดรตามความหมายเดิมของมัน แต่มันก็เปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดหย่อน. ดังนั้น สันติภาพจึงไม่ใช่ของที่ได้มาครั้งหนึ่งแล้วก็คงอยู่ แต่เป็นสิ่งที่ต้องเสริมสร้างตลอดไป นอกจากนั้นเนื่องจากเจตจำนงของมนุษย์ไม่มั่นคงและอ่อนแอลงเพราะบาป ฉะนั้นถ้าอยากให้มีสันติภาพ ทุกคนจะต้องควบคุมกิเลสตัณหาอยู่เป็นนิตย์ และเจ้าหน้าที่โดยชอบจะต้องมีความระมัดระวัง.
๒.
แต่เท่านี้ยังไม่พอ สันติภาพที่เรากล่าวถึงนั้นจะมีขึ้นในโลกไม่ได้ เว้นแต่คุณค่าของบุคคลจะได้รับความคุ้มครองและมนุษย์จะต้องสมัครใจและไว้ใจ กับถ่ายทอดสมบัติความคิดและสติปัญญาให้แก่กันและกัน. ความตั้งใจแน่วแน่ที่จะเคารพมนุษย์และชนชาติอื่น ๆ ตลอดจนศักดิ์ศรีของเขาก็ดี การเอาใจใส่ถือภารดรภาพก็ดี เป็นสิ่งจำเป็นอย่างเด็ดขาดสำหรับสร้างสรรค์สันติภาพ ดังนี้สันติภาพยังเป็นผลของความรักที่ทำเกินกว่าที่ความยุติธรรมจะทำให้ได้.
๓.
สันติภาพในโลกที่เกิดจากความรักต่อเพื่อนมนุษย์นั้นเป็นรูปสัญญลักษณ์และเป็นผลของสันติภาพของพระคริสตเจ้าซึ่งมาจากพระบิดา เพราะพระบุตรเองซึ่งเสด็จมาเกิดเป็นมนุษย์และเป็นเจ้าแห่งสันติภาพนั้น ได้ทำให้มนุษย์ทุกคนกลับคืนดีกับพระเป็นเจ้าด้วยกางเขนของพระองค์ เมื่อทำให้ทุกคนกลับเป็นอันหนึ่งอันเดียวโดยเป็นประชากรและกายอันเดียว พระองค์ทรงฆ่าความเกลียดให้ตายไปในเนื้อหนังของพระองค์เอง และเมื่อได้รับการยกย่องด้วยการกลับฟื้นคนพระชนม์แล้ว พระองค์ได้ทรงถ่ายเทพระจิตแห่งความรักลงในจิตใจของมนุษย์.
๔. เพราะเหตุนี้คริสตชนทุกคนถูกรบเร้าให้ ถือความจริงด้วยความรัก (อฟ. ๔:๑๕) และให้สมทบกับมนุษย์ที่ใฝ่สันติอย่างแท้จริง เพื่อวอนขอและสร้างสันติภาพขึ้น.
๕.
เนื่องจากมีจิตตารมณ์อย่างเดียวกัน เราอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญผู้ซึ่งละเว้นไม่ทำการรุนแรงในการเรียกร้องทวงสิทธิแล้วใช้วิธีการป้องกันตัว ซึ่งแม้แต่ผู้มีกำลังน้อยก็ใช้ได้ ขอแต่เพียงว่าให้ทำการเรื่องนี้โดยไม่ก่อความเสียหายแก่สิทธิหรือหน้าที่ของผู้อื่นหรือหมู่ประชาคม.
๖.
โดยเหตุที่มนุษย์เป็นคนบาป ภัยสงครามก็ย่อมคุกคามมนุษย์และจะคุกคามเช่นนั้นจนกระทั่งพระคริสตเจ้าเสด็จมากแต่ถ้ามนุษย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในความรักและเอาชนะบาปได้ เขาก็จะชนะการใช้กำลังบังคับด้วย จนกว่าจะสำเร็จไปตามวาทะที่ว่า เขาจะดีตาบของเขาให้เป็นคันไถ และจะตีหอกให้เป็นเคียว. นานาชาติจะไม่ชักดาบออกมาสู้กันและจะไม่ฝึกซ้อมเพื่อรบกันอีก (อสย. ๒:๔).
|