หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระธรรมนูญ พระสมณกฤษฎีกาและ
คำแถลงแห่งสภาสังคายนา  เล่มที่ 5

บทที่  2 : การส่งเสริมวัฒนธรรม
หมวดที่  ๓ / คริสตชนมีหน้าที่บางอย่างที่รีบด่วนเกี่ยวกับวัฒนธรรม

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 พระธรรมนูญว่าด้วยพระศาสนจักรในโลกสมัยนี้
ภาคที่สอง  : ว่าด้วยปัญหาบางข้อที่รีบด่วน

๖๐.  การรับรองสิทธิของทุกคนที่จะได้รับคุณประโยชน์ของวัฒนธรรมและการปฏิบัติให้เป็นไปตามสิทธินั้น

๑. เนื่องจากเดียวนี้ เรามีทางจะช่วยคนส่วนใหญ่ให้พ้นจากความโง่เขลา จึงมีหน้าที่อย่างหนึ่งที่เหมาะแก่ยุคของเราเป็นอย่างยิ่ง เฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคริสตชน หน้าที่นั้นคือทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านการเมือง ทั้งในระดับชาติและในระดับระหว่างชาติ  ให้ทำงานอย่างทรหดเพื่อให้ในที่ทั่วไป มีการตัดสินใจในขั้นมูลฐานรับรองสิทธิของทุกคนที่จะให้ได้รับวัฒนธรรมอันเหมาะสมแก่ศักดิ์ศรีของบุคคล โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ  เพศ ศาสนาและฐานะในสังคม  กับปฏิบัติให้เป็นไปตามลัทธินี้. ฉะนั้น ต้องจัดการให้ทุกคนได้รับผลของวัฒนธรรมอย่างเพียงพอ  เฉพาะอย่างยิ่ง  ผลซึ่งประกอบขึ้นเป็นวัฒนธรรมที่เรียกว่า  วัฒนธรรมขั้นพื้นฐานเพื่อมิให้คนจำนวนมากมายร่วมมือในการทำประโยชน์แก่ส่วนรวมแบบมนุษย์จริงๆไม่ได้  เหตุเพราะไม่รู้หนังสือ หรือเพราะทำงานรับผิดชอบไม่ได้.

๒. ฉะนั้น   ต้องพยายามให้คนที่มีสติปัญญาดีเรียนได้จนถึงชั้นสูง  ทั้งนี้ เท่าที่สามารถทำได้ เพื่อให้เขามีหน้าที่ตำแหน่งในสังคมกับทำงานและทำการรับใช้ที่เหมาะตรงกับคุณสมบัติหรือความชำนาญที่เขาหาใส่ตัวมา. ถ้าปฏิบัติดังนี้  ไม่ว่ามนุษย์คนใดและไม่ว่ากลุ่มสังคมของชาติใดก็สามารถจะบรรลุถึงความเจริญรุ่งเรืองขั้นสูงสุดทางวัฒนธรรม  ซึ่งเหมาะสมกับคุณสมบัติและประเพณีนิยมของตน.

๓. นอกจากนี้  ยังต้องพยายามให้ทุก ๆ คนสำนึกถึงสิทธิที่จะได้รับวัฒนธรรม  กับสำนึกถึงหน้าที่ต้องฝึกฝนตนและช่วยเหลือคนอื่นให้ฝึกฝนตนด้วย    เพราะมีสภาพชีวิตและสภาพงานบางอย่างที่ขัดขวางมนุษย์ มิให้พยายามไปถึงวัฒนธรรมหรือทำให้เขาหมดความอาลัยใยดีต่อวัฒนธรรม. เรื่องนี้เป็นความจริงทีเดียวสำหรับชาวนาและกรรมกร ต้องจัดให้คนเหล่านี้ได้ทำงานในลักษณะที่ไม่ขัดขวางแต่ที่ส่งเสริมทำให้เขาทำการ ฝึกฝนตน. เดียวนี้ สตรีทำงานอยู่ในอาชีพการงานเกือบทุกแห่ง  สมควรจะให้สตรีได้แสดงบทบาทที่เหมาะสมกับลักษณะของเขา เป็นหน้าที่ของทุกๆคนที่ต้องรับรู้และส่งเสริมให้สตรีมีส่วนร่วมโดยเฉพาะและจำเป็นในชีวิตด้านวัฒนธรรม.

๖๑.  การอบรมด้านวัฒนธรรม

๑. ทุกวันนี้  เป็นการยากกว่าแต่ก่อนที่จะทำการสังเคราะห์แขนงวิชาความรู้ต่าง ๆ  เพราะจำนวนส่วนต่าง ๆ ที่ประกอบเป็นวัฒนธรรมนั้นยิ่งทวีขึ้น  แต่มนุษย์ยิ่งมีความสามารถน้อยลงที่จะมองเห็นและทำให้ส่วนประกอบเหล่านั้นประสานกลมกลืนกัน จนอุดมคติของคนที่เรียกว่า  “คนมีความรู้รอบตัว” ยิ่งวันยิ่งหมดไป.  แต่ถึงกระนั้น มนุษย์ทุกคนยังคงมีหน้าที่ต้องรักษาบุคลิกลักษณะไว้อย่างครบถ้วน เพราะในตัวมนุษย์นั้นมีสติปัญญา เจตจำนง  มโนธรรม และการชอบอยู่เป็นสังคมอันเป็นสิ่งมีค่าเด่นอยู่  และสิ่งมีค่าเหล่านั้นล่วนมีรากเง่าอยู่ในพระผู้สร้างกับได้รับการบำบัดและยกให้สูงขึ้นอย่างน่าพิศวงในพระคริสตเจ้า.

๒. ผู้ให้กำเนิดและเฝ้าดูการอบรมนี้  ก่อนอื่นก็คือครอบครัว.  ในครอบครัวนั้น  ลูกเต้าซึ่งอบอุ่นด้วยความรัก  เห็นความเป็นระเบียบของสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น  ส่วนวัฒนธรรมที่ดีนั้นเหมือนกับจารึกลงไปเองในจิตใจของหนุ่มสาวที่กำลังเจริญเติบโตขึ้น.

๓. เมื่อการอบรมอันเดียวกันนี้ สังคมทั้งหลายในปัจจุบันมีโอกาสช่องทางสามารถจะส่งเสริมวัฒนธรรมทั่วไปได้ เฉพาะอย่างยิ่งอาศัยหนังสือที่แพร่หลายออกไปกับสื่อมวลชลด้านวัฒนธรรมและสังคม เพราะเมื่อเวลาทำงานน้อยลงเกือบทั่วไป  โอกาสที่จะฝึกฝนตนก็ยิ่งมีมากขึ้นสำหรับคนหลาย ๆ คน.  ขอให้ใช้เวลาว่างสำหรับหย่อนใจกับบำรุงให้สุขภาพของกายและใจแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยการสมัครใจศึกษาหรือทำงานบางอย่าง  โดยการเดินทางไปยังถิ่นอื่น (การทัศนาจร) ซึ่งการเดินทางเช่นนั้นย่อมลับสติปัญญาและทำให้มนุษย์รู้จักกันและกัน โดยการออกกำลังกายและการกีฬาซึ่งจะช่วยรักษาใจให้อยู่ระดับปกติ  แม้ในหมู่คณะกับช่วยสร้างความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างมนุษย์ทุกฐานะทุกสัญชาติและทุกเชื้อชาติ.  ฉะนั้น  ขอให้คริสตชนร่วมมือกันเพื่อทำให้การร่วมกันแสดงและปฏิบัติงานวัฒนธรรมในสมัยของเราดื่มด่ำไปด้วยจิตตารมณ์แบบมนุษย์และแบบคริสตชน.

๔. แต่ประโยชน์ทั้งหมดนี้ไม่สามารถจะอบรมมนุษย์ให้ฝึกฝนตนอย่างแท้จริงได้  ถ้าในขณะเดียวกันเราละเลยที่จะถามตนเองถึงความหมายอันลึกซึ้งของวัฒนธรรมและความรู้เพื่อตัวมนุษย์.

๖๒.  วัฒนธรรมประสานกลมกลืนกับพระคริสตศาสนา

๑. แม้พระศาสนจักรเคยมีส่วนช่วยให้วัฒนธรรมเจริญก้าวหน้าเป็นอันมาก  ประสบการณ์ก็แสดงว่า เพราะเหตุผลบางอย่างที่อาจเกิดขึ้น การที่จะทำให้วัฒนธรรมประสานกลมกลืนกับพระคริสตศาสนานั้นไม่ใช่เป็นการง่ายเสมอไป.

๒. ความยากลำบากเหล่านี้ไม่ใช่จะทำความเสียหายให้แก่ชีวิตของความเชื่อทุกทีไป  ยิ่งกว่านั้นอาจกระตุ้นจิตใจให้เข้าใจความเชื่ออย่างถูกต้องและลึกซึ้งยึ่งขึ้นอีก  เพราะสิ่งที่วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์และปรัชญาค้นคว้าและค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้เกิดปัญหาใหม่ ๆ ซึ่งมีผลกระทบกระเทือนถึงชีวิตทำให้พวกนักเทวศาสตร์ต้องทำการค้นคว้าใหม่ต่อไปอีก.  นอกจากนั้น  แม้ว่าใช้ตำราและกฎที่ได้เฉพาะแก่วิชาเทวศาสตร์ พวกนักเทวศาสตร์ก็ยังถูกขอร้องเสมอให้หาวิธีที่เหมาะยิ่งขึ้นสำหรับถ่ายทอดคำสอนไปถึงมนุษย์ในสมัยของเขา  เพราะความเชื่อหรือข้อความจริงเองเป็นอย่างหนึ่ง วิธีที่จะอธิบายข้อความจริงนั้นให้มีความหมายและใจความอย่างเดียวกันนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่งในการเอาใจใส่อภิบาลสัตบุรุษ  ขอให้รู้อย่างเพียงพอและให้ใช้มิใช่แต่หลักเทวศาสตร์เท่านั้น  แต่ให้รู้และใช่สิ่งที่ค้นพบในวิชาทางโลก  ซึ่งได้แก่จิตวิทยาและสังคมวิทยาเป็นต้น  ถ้าทำได้ดังนี้คริสตชนก็จะได้รับการชักจูงให้ถือชีวิตความเชื่ออย่างหมดจดและรู้แจ้งยิ่งขึ้น.

๓. วรรณคดีและศิลปศาสตร์ก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งตามแบบฉบับของมันสำหรับชีวิตของพระศาสนจักรด้วย  เพราะวิชาเหล่านี้พยายามจะแสดงลักษณะโดยเฉพาะของมนุษย์ตลอดจนปัญหาและประสบการณ์ของมนุษย์ที่พยายามจะรู้จักและทำให้ตนเองกับโลกดียิ่ง ๆ ขึ้น วิชาเหล่านี้พยายามจะเผยตำแหน่งของมนุษย์ในประวัติศาสตร์และในโลก พยายามที่จะแสดงให้เห็นความทุกข์และความสุข  ความต้องการและความเข้มแข็งของมนุษย์และวาดเค้าชะตากรรมของมนุษย์ให้มีความสุขดีกว่านี้.  ฉะนั้น  วรรณคดีและศิลปศาสตร์สามารถจะยกชีวิตของมนุษย์ให้สูงขึ้นได้หลาย ๆ แบบ แล้วแต่เวลาและสถานที่.

๔. ฉะนั้น ต้องพยายามทำให้ผู้ที่ฝึกฝนศิลปศาสตร์เหล่านี้รู้ว่า พระศาสนจักรเข้าใจเขาในงานที่เขาทำ  กับหาทางให้เขาทำการติดต่อกับประชาคมคริสตชนได้ง่ายขึ้นโดยมีเสรีภาพอันควรมี ขอให้พระศาสนจักรรับรองศิลปแบบใหม่ ๆ ที่เหมาะแก่คนในสมัยของเรา  ตามลักษณะของชาติและสถานที่ต่าง ๆ ด้วยและขอให้รับเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าศิลปะเหล่านี้ยกใจของสัตบุรุษขึ้นไปหาพระเป็นเจ้าด้วยวิธีแสดงความรู้สึกที่เหมาะสมและตรงกับพิธีกรรมกำหนด.

๕. ด้วยประการฉะนี้  ความรู้ถึงพระเป็นเจ้าจะเผยได้ดียิ่งขึ้น และการประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสตเจ้าก็จะเป็นที่เข้าใจแจ่มแจ้งยิ่งขึ้นสำหรับสติปัญญาของมนุษย์ ทั้งจะปรากฎว่ามีลักษณะอย่างเดียวกับสภาพความเป็นอยู่ของเขา.

๖. ฉะนั้น ขอให้สัตบุรุษอยู่อย่างสนิทใกล้ชิดกับมนุษย์ในสมัยของตน  ขอให้พยายามเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงวิธีคิดและความรู้สึกของเขาซึ่งแสดงออกมาทางวัฒนธรรมของเขา.  ขอให้สัตบุรุษเอาความรู้กับวิชาและทฤษฎีใหม่ ๆ ตลอดจนความรู้ถึงสิ่งที่ค้นพบใหม่ ๆ มารวมเข้ากับจารีตประเพณีของพระคริสตธรรม เพื่อให้การถือศาสนาและการมีศีลธรรมของเขาเดินเป็นคู่กันไปกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์และวิชาการที่เจริญก้าวหน้าทุกวันและดังนี้เขาจะสามารถพิสูจน์และตีความหมายทุกสิ่งได้ด้วยความรู้สึกที่เป็นแบบคริสตชนอย่างแท้จริง.

๗. ผู้ที่ตั้งใจศึกษาเทวศาสตร์ในสามเณราลัยและมหาวิทยาลัย ให้พยายามร่วมมือกับคนที่เชี่ยวชาญในวิชาอื่น  โดยร่วมกำลังและความคิดอ่านเข้าด้วยกัน ผู้ที่ค้นคว้าทางเทวศาสตร์ขณะที่ศึกษาความจริงที่พระเป็นเจ้าทรงเปิดเผยให้ลึกซึ้งนั้น  ก็อย่าละเลยที่จะสนใจถึงสมัยของตน  เพื่อสามารถช่วยมนุษย์ที่ทำงานในวิชาความรู้แขนงต่าง ๆ มีความเข้าใจความเชื่อดีขึ้น ความพยายามร่วมกันนี้จะเป็นประโยชน์มากที่สุดในการอบรมพระสงฆ์คือพระสงฆ์จะสามารถอธิบายคำสอนของพระศาสนจักรเกี่ยวกับพระเป็นเจ้า มนุษย์และโลกให้แก่คนในสมัยของเราได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น  และคนเหล่านั้นก็เต็มใจรับฟังคำของพระสงฆ์มากยิ่งขึ้น. ยิ่งกว่านั้น เป็นที่น่าปรารถนาให้ฆราวาสมาก ๆ ได้รับการอบรมอย่างเหมาะสมในวิชาศาสนา กับให้หลาย ๆ คนทำการศึกษาเหล่านี้ให้ลึกซึ้งด้วยความวิริยอุตสาหะของตนเอง. แต่เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ปฏิบัติงานของเขาให้สำเร็จลุล่วงไป ควรให้สัตบุรุษซึ่งไม่อาจจะเป็นนักบวชหรือฆราวาสมีเสรีภาพอันพีงมีที่จะค้นคว้าและคิดตลอดจนแสดงความคิดเห็นในเรี่องที่เขามีความชำนาญชัดเจน แต่ทั้งนี้พึงแสดงด้วยความถ่อมตัว และไม่ขลาดกลัว.