๖๐. การรับรองสิทธิของทุกคนที่จะได้รับคุณประโยชน์ของวัฒนธรรมและการปฏิบัติให้เป็นไปตามสิทธินั้น
๑.
เนื่องจากเดียวนี้ เรามีทางจะช่วยคนส่วนใหญ่ให้พ้นจากความโง่เขลา จึงมีหน้าที่อย่างหนึ่งที่เหมาะแก่ยุคของเราเป็นอย่างยิ่ง เฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคริสตชน หน้าที่นั้นคือทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านการเมือง ทั้งในระดับชาติและในระดับระหว่างชาติ ให้ทำงานอย่างทรหดเพื่อให้ในที่ทั่วไป มีการตัดสินใจในขั้นมูลฐานรับรองสิทธิของทุกคนที่จะให้ได้รับวัฒนธรรมอันเหมาะสมแก่ศักดิ์ศรีของบุคคล โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ เพศ ศาสนาและฐานะในสังคม กับปฏิบัติให้เป็นไปตามลัทธินี้. ฉะนั้น ต้องจัดการให้ทุกคนได้รับผลของวัฒนธรรมอย่างเพียงพอ เฉพาะอย่างยิ่ง ผลซึ่งประกอบขึ้นเป็นวัฒนธรรมที่เรียกว่า วัฒนธรรมขั้นพื้นฐานเพื่อมิให้คนจำนวนมากมายร่วมมือในการทำประโยชน์แก่ส่วนรวมแบบมนุษย์จริงๆไม่ได้ เหตุเพราะไม่รู้หนังสือ หรือเพราะทำงานรับผิดชอบไม่ได้.
๒.
ฉะนั้น ต้องพยายามให้คนที่มีสติปัญญาดีเรียนได้จนถึงชั้นสูง ทั้งนี้ เท่าที่สามารถทำได้ เพื่อให้เขามีหน้าที่ตำแหน่งในสังคมกับทำงานและทำการรับใช้ที่เหมาะตรงกับคุณสมบัติหรือความชำนาญที่เขาหาใส่ตัวมา. ถ้าปฏิบัติดังนี้ ไม่ว่ามนุษย์คนใดและไม่ว่ากลุ่มสังคมของชาติใดก็สามารถจะบรรลุถึงความเจริญรุ่งเรืองขั้นสูงสุดทางวัฒนธรรม ซึ่งเหมาะสมกับคุณสมบัติและประเพณีนิยมของตน.
๓.
นอกจากนี้ ยังต้องพยายามให้ทุก ๆ คนสำนึกถึงสิทธิที่จะได้รับวัฒนธรรม กับสำนึกถึงหน้าที่ต้องฝึกฝนตนและช่วยเหลือคนอื่นให้ฝึกฝนตนด้วย เพราะมีสภาพชีวิตและสภาพงานบางอย่างที่ขัดขวางมนุษย์ มิให้พยายามไปถึงวัฒนธรรมหรือทำให้เขาหมดความอาลัยใยดีต่อวัฒนธรรม. เรื่องนี้เป็นความจริงทีเดียวสำหรับชาวนาและกรรมกร ต้องจัดให้คนเหล่านี้ได้ทำงานในลักษณะที่ไม่ขัดขวางแต่ที่ส่งเสริมทำให้เขาทำการ ฝึกฝนตน. เดียวนี้ สตรีทำงานอยู่ในอาชีพการงานเกือบทุกแห่ง สมควรจะให้สตรีได้แสดงบทบาทที่เหมาะสมกับลักษณะของเขา เป็นหน้าที่ของทุกๆคนที่ต้องรับรู้และส่งเสริมให้สตรีมีส่วนร่วมโดยเฉพาะและจำเป็นในชีวิตด้านวัฒนธรรม.
๖๑. การอบรมด้านวัฒนธรรม
๑.
ทุกวันนี้ เป็นการยากกว่าแต่ก่อนที่จะทำการสังเคราะห์แขนงวิชาความรู้ต่าง ๆ เพราะจำนวนส่วนต่าง ๆ ที่ประกอบเป็นวัฒนธรรมนั้นยิ่งทวีขึ้น แต่มนุษย์ยิ่งมีความสามารถน้อยลงที่จะมองเห็นและทำให้ส่วนประกอบเหล่านั้นประสานกลมกลืนกัน จนอุดมคติของคนที่เรียกว่า คนมีความรู้รอบตัว ยิ่งวันยิ่งหมดไป. แต่ถึงกระนั้น มนุษย์ทุกคนยังคงมีหน้าที่ต้องรักษาบุคลิกลักษณะไว้อย่างครบถ้วน เพราะในตัวมนุษย์นั้นมีสติปัญญา เจตจำนง มโนธรรม และการชอบอยู่เป็นสังคมอันเป็นสิ่งมีค่าเด่นอยู่ และสิ่งมีค่าเหล่านั้นล่วนมีรากเง่าอยู่ในพระผู้สร้างกับได้รับการบำบัดและยกให้สูงขึ้นอย่างน่าพิศวงในพระคริสตเจ้า.
๒.
ผู้ให้กำเนิดและเฝ้าดูการอบรมนี้ ก่อนอื่นก็คือครอบครัว. ในครอบครัวนั้น ลูกเต้าซึ่งอบอุ่นด้วยความรัก เห็นความเป็นระเบียบของสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ส่วนวัฒนธรรมที่ดีนั้นเหมือนกับจารึกลงไปเองในจิตใจของหนุ่มสาวที่กำลังเจริญเติบโตขึ้น.
๓.
เมื่อการอบรมอันเดียวกันนี้ สังคมทั้งหลายในปัจจุบันมีโอกาสช่องทางสามารถจะส่งเสริมวัฒนธรรมทั่วไปได้ เฉพาะอย่างยิ่งอาศัยหนังสือที่แพร่หลายออกไปกับสื่อมวลชลด้านวัฒนธรรมและสังคม เพราะเมื่อเวลาทำงานน้อยลงเกือบทั่วไป โอกาสที่จะฝึกฝนตนก็ยิ่งมีมากขึ้นสำหรับคนหลาย ๆ คน. ขอให้ใช้เวลาว่างสำหรับหย่อนใจกับบำรุงให้สุขภาพของกายและใจแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยการสมัครใจศึกษาหรือทำงานบางอย่าง โดยการเดินทางไปยังถิ่นอื่น (การทัศนาจร) ซึ่งการเดินทางเช่นนั้นย่อมลับสติปัญญาและทำให้มนุษย์รู้จักกันและกัน โดยการออกกำลังกายและการกีฬาซึ่งจะช่วยรักษาใจให้อยู่ระดับปกติ แม้ในหมู่คณะกับช่วยสร้างความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างมนุษย์ทุกฐานะทุกสัญชาติและทุกเชื้อชาติ. ฉะนั้น ขอให้คริสตชนร่วมมือกันเพื่อทำให้การร่วมกันแสดงและปฏิบัติงานวัฒนธรรมในสมัยของเราดื่มด่ำไปด้วยจิตตารมณ์แบบมนุษย์และแบบคริสตชน.
๔. แต่ประโยชน์ทั้งหมดนี้ไม่สามารถจะอบรมมนุษย์ให้ฝึกฝนตนอย่างแท้จริงได้ ถ้าในขณะเดียวกันเราละเลยที่จะถามตนเองถึงความหมายอันลึกซึ้งของวัฒนธรรมและความรู้เพื่อตัวมนุษย์.
๖๒. วัฒนธรรมประสานกลมกลืนกับพระคริสตศาสนา
๑.
แม้พระศาสนจักรเคยมีส่วนช่วยให้วัฒนธรรมเจริญก้าวหน้าเป็นอันมาก ประสบการณ์ก็แสดงว่า เพราะเหตุผลบางอย่างที่อาจเกิดขึ้น การที่จะทำให้วัฒนธรรมประสานกลมกลืนกับพระคริสตศาสนานั้นไม่ใช่เป็นการง่ายเสมอไป.
๒.
ความยากลำบากเหล่านี้ไม่ใช่จะทำความเสียหายให้แก่ชีวิตของความเชื่อทุกทีไป ยิ่งกว่านั้นอาจกระตุ้นจิตใจให้เข้าใจความเชื่ออย่างถูกต้องและลึกซึ้งยึ่งขึ้นอีก เพราะสิ่งที่วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์และปรัชญาค้นคว้าและค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้เกิดปัญหาใหม่ ๆ ซึ่งมีผลกระทบกระเทือนถึงชีวิตทำให้พวกนักเทวศาสตร์ต้องทำการค้นคว้าใหม่ต่อไปอีก. นอกจากนั้น แม้ว่าใช้ตำราและกฎที่ได้เฉพาะแก่วิชาเทวศาสตร์ พวกนักเทวศาสตร์ก็ยังถูกขอร้องเสมอให้หาวิธีที่เหมาะยิ่งขึ้นสำหรับถ่ายทอดคำสอนไปถึงมนุษย์ในสมัยของเขา เพราะความเชื่อหรือข้อความจริงเองเป็นอย่างหนึ่ง วิธีที่จะอธิบายข้อความจริงนั้นให้มีความหมายและใจความอย่างเดียวกันนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่งในการเอาใจใส่อภิบาลสัตบุรุษ ขอให้รู้อย่างเพียงพอและให้ใช้มิใช่แต่หลักเทวศาสตร์เท่านั้น แต่ให้รู้และใช่สิ่งที่ค้นพบในวิชาทางโลก ซึ่งได้แก่จิตวิทยาและสังคมวิทยาเป็นต้น ถ้าทำได้ดังนี้คริสตชนก็จะได้รับการชักจูงให้ถือชีวิตความเชื่ออย่างหมดจดและรู้แจ้งยิ่งขึ้น.
๓.
วรรณคดีและศิลปศาสตร์ก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งตามแบบฉบับของมันสำหรับชีวิตของพระศาสนจักรด้วย เพราะวิชาเหล่านี้พยายามจะแสดงลักษณะโดยเฉพาะของมนุษย์ตลอดจนปัญหาและประสบการณ์ของมนุษย์ที่พยายามจะรู้จักและทำให้ตนเองกับโลกดียิ่ง ๆ ขึ้น วิชาเหล่านี้พยายามจะเผยตำแหน่งของมนุษย์ในประวัติศาสตร์และในโลก พยายามที่จะแสดงให้เห็นความทุกข์และความสุข ความต้องการและความเข้มแข็งของมนุษย์และวาดเค้าชะตากรรมของมนุษย์ให้มีความสุขดีกว่านี้. ฉะนั้น วรรณคดีและศิลปศาสตร์สามารถจะยกชีวิตของมนุษย์ให้สูงขึ้นได้หลาย ๆ แบบ แล้วแต่เวลาและสถานที่.
๔.
ฉะนั้น ต้องพยายามทำให้ผู้ที่ฝึกฝนศิลปศาสตร์เหล่านี้รู้ว่า พระศาสนจักรเข้าใจเขาในงานที่เขาทำ กับหาทางให้เขาทำการติดต่อกับประชาคมคริสตชนได้ง่ายขึ้นโดยมีเสรีภาพอันควรมี ขอให้พระศาสนจักรรับรองศิลปแบบใหม่ ๆ ที่เหมาะแก่คนในสมัยของเรา ตามลักษณะของชาติและสถานที่ต่าง ๆ ด้วยและขอให้รับเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าศิลปะเหล่านี้ยกใจของสัตบุรุษขึ้นไปหาพระเป็นเจ้าด้วยวิธีแสดงความรู้สึกที่เหมาะสมและตรงกับพิธีกรรมกำหนด.
๕.
ด้วยประการฉะนี้ ความรู้ถึงพระเป็นเจ้าจะเผยได้ดียิ่งขึ้น และการประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสตเจ้าก็จะเป็นที่เข้าใจแจ่มแจ้งยิ่งขึ้นสำหรับสติปัญญาของมนุษย์ ทั้งจะปรากฎว่ามีลักษณะอย่างเดียวกับสภาพความเป็นอยู่ของเขา.
๖.
ฉะนั้น ขอให้สัตบุรุษอยู่อย่างสนิทใกล้ชิดกับมนุษย์ในสมัยของตน ขอให้พยายามเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงวิธีคิดและความรู้สึกของเขาซึ่งแสดงออกมาทางวัฒนธรรมของเขา. ขอให้สัตบุรุษเอาความรู้กับวิชาและทฤษฎีใหม่ ๆ ตลอดจนความรู้ถึงสิ่งที่ค้นพบใหม่ ๆ มารวมเข้ากับจารีตประเพณีของพระคริสตธรรม เพื่อให้การถือศาสนาและการมีศีลธรรมของเขาเดินเป็นคู่กันไปกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์และวิชาการที่เจริญก้าวหน้าทุกวันและดังนี้เขาจะสามารถพิสูจน์และตีความหมายทุกสิ่งได้ด้วยความรู้สึกที่เป็นแบบคริสตชนอย่างแท้จริง.
๗.
ผู้ที่ตั้งใจศึกษาเทวศาสตร์ในสามเณราลัยและมหาวิทยาลัย ให้พยายามร่วมมือกับคนที่เชี่ยวชาญในวิชาอื่น โดยร่วมกำลังและความคิดอ่านเข้าด้วยกัน ผู้ที่ค้นคว้าทางเทวศาสตร์ขณะที่ศึกษาความจริงที่พระเป็นเจ้าทรงเปิดเผยให้ลึกซึ้งนั้น ก็อย่าละเลยที่จะสนใจถึงสมัยของตน เพื่อสามารถช่วยมนุษย์ที่ทำงานในวิชาความรู้แขนงต่าง ๆ มีความเข้าใจความเชื่อดีขึ้น ความพยายามร่วมกันนี้จะเป็นประโยชน์มากที่สุดในการอบรมพระสงฆ์คือพระสงฆ์จะสามารถอธิบายคำสอนของพระศาสนจักรเกี่ยวกับพระเป็นเจ้า มนุษย์และโลกให้แก่คนในสมัยของเราได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น และคนเหล่านั้นก็เต็มใจรับฟังคำของพระสงฆ์มากยิ่งขึ้น. ยิ่งกว่านั้น เป็นที่น่าปรารถนาให้ฆราวาสมาก ๆ ได้รับการอบรมอย่างเหมาะสมในวิชาศาสนา กับให้หลาย ๆ คนทำการศึกษาเหล่านี้ให้ลึกซึ้งด้วยความวิริยอุตสาหะของตนเอง. แต่เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ปฏิบัติงานของเขาให้สำเร็จลุล่วงไป ควรให้สัตบุรุษซึ่งไม่อาจจะเป็นนักบวชหรือฆราวาสมีเสรีภาพอันพีงมีที่จะค้นคว้าและคิดตลอดจนแสดงความคิดเห็นในเรี่องที่เขามีความชำนาญชัดเจน แต่ทั้งนี้พึงแสดงด้วยความถ่อมตัว และไม่ขลาดกลัว.
|