๔๖. อารัมภบท
๑.
สภาสังคายนาหลังจากแสดงให้เห็นว่า บุคคลมนุษย์มีศักดิ์ศรีอย่างไร และได้ถูกสร้างมาให้มีบทบาทในโลกทั้งในทางส่วนตัวและในทางสังคมอย่างไรแล้ว บัดนี้ สภาสังคายนาขอเชิญชวนทุกคนให้มาสนใจพิจารณาปัญหาที่เร่งด่วนเป็นพิเศษบางข้อในสมัยของเรา โดยอาศัยความสว่างแห่งความเชื่อและประสพการณ์ของมนุษย์ เพราะปัญหาเหล่านี้เกี่ยวข้องกับชาติมนุษย์อย่างสำคัญทีเดียว.
๒.
ในเรื่องมากมายหลายเรื่องซึ่งเป็นที่สนใจของคนทั่วไปทุกวันนี้ เราควรพิจารณาเรื่องต่อไปนี้เป็นต้น คือ เรื่องการสมรสกับเรื่องครอบครัว เรื่องวัฒนธรรม เรื่องชีวิตทางเศรษฐกิจสังคม เรื่องชีวิตทางการเมือง เรื่องชาติต่าง ๆ ร่วมมือช่วยเหลือกันกับเรื่องสันติภาพ. เราควรใช้หลักการและความสว่างที่มาจากพระคริสตเจ้าพิจารณาเรื่องแต่ละเรื่องเหล่านี้ หลักการเหล่านั้นจะนำทางคริสตชนและจะให้ความสว่างแก่มนุษย์ทุกคนในการแสวงหาทางขบปัญหาที่ยอกย้อนซ่อนเงื่อนมากมายหลายข้อเช่นนี้.
บทที่ 1 : ศักดิ์ศรีของการสมรสและของครอบครัว
๔๗. การสมรสและครอบครัวในโลกปัจจุบัน
๑.
ความเป็นอยู่ดีของบุคคลและของสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมของมนุษย์หรือของคริสตชน ย่อมผูกพันอย่างใกล้ชิดกับสภาพความเจริญของหมู่คนที่เกิดขึ้นเพราะการสมรสและครอบครัว เพราะฉะนั้น คริสตชนตลอดจนบรรดาผู้ที่เคารพยกย่องหมู่คนที่กล่าวนี้เป็นอย่างสูง จึงชื่นชมยินดีอย่างจริงใจที่มีเครื่องค้ำจุนต่าง ๆ ทำให้มนุษย์ก้าวหน้าในการเคารพชีวิตและส่งเสริมหมู่คนที่รักกันนี้ อีกทั้งยังช่วยสามีภรรยาและพ่อแม่ในการปฏิบัติหน้าที่อันสูงส่งของเขา แต่ผู้ที่ยินดีเหล่านี้ยังหวังผลเลิศกว่านี้และพยายามจะส่งเสริมด้วย.
๒.
แต่ศักดิ์ศรีของจารีตประเพณีนี้ (การสมรส) ไม่มีแสงสุกใสเหมือน ๆ กันในที่ทุกแห่ง เพราะถูกทำให้อับเฉาไปด้วยธรรมเนียมมีภรรยาหลายคน การหย่าร้างกันที่เป็นโรคระบาดความรักแบบที่เรียกกันว่า รักกันอย่างอิสระ หรือความประพฤติแผลง ๆ แบบอื่น ๆ อีก. นอกจากนี้บ่อยครั้งความรักของสามีภรรยายังถูกทำทุราจารด้วยความเห็นแก่ตัว ความคิดหาแต่ความสนุกและการปฏิบัติมิชอบที่ขัดขวางการให้กำเนิด. มิใช่แต่เท่านั้นภาวะทางเศรษฐกิจ ทางสังคม จิตวิทยา และทางบ้านเมือง ยังทำให้เกิดการปั่นป่วนวุ่นวายมิใช่น้อยขึ้นในครอบครัว. ที่สุด ในบางส่วนของโลก ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะพลเมืองเพิ่มขึ้นมากทำให้เกิดความปริวิตก เรื่องทั้งหมดเหล่านี้ล้วนทำให้เราท่านทั้งหลายกระวนกระวายใจ แต่อย่างไรก็ดี เรายังเห็นได้ว่าจารีตประเพณีแต่งงานและมีครอบครัวนั้นยังแข็งแรงและมั่นคงอยู่ กล่าวคือ ความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในสังคมปัจจุบัน ถึงแม้จะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากต่าง ๆ ขึ้น บ่อย ๆ ทีเดียวก็ยังเผยให้เราเห็นลักษณะอันแท้จริงของจารีตประเพณีนี้ด้วยวิธีต่าง ๆ กัน.
๓.
เพราะเหตุนี้ ที่สภาสังคายนาจะอธิบายคำสอนของพระศาสนจักรบางข้อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไปนี้ ก็โดยที่ปรารถนาจะให้กำลังใจและความกระจ่างแจ่มแจ้งแก่คริสตชนตลอดจนบรรดาผู้ที่พยายามป้องกันและสนับสนุนศักดิ์ศรีแต่เดิมทีกับคุณค่าอันล้ำเลิศและศักดิ์สิทธิ์ของการสมรส.
๔๘. การสมรสและครอบครัวเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
๑.
การที่ชายหญิงสองคนร่วมชีวิตและรักกันอย่างสนิทนั้น เป็นสิ่งที่พระผู้สร้างทรงตั้งขึ้นและกำหนดให้มีกฎเกณฑ์การนั้นเกิดขึ้นจากการที่สามีภรรยาสร้างพันธสัญญาต่อกัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เกิดขึ้นจากความสมัครใจของแต่ละฝ่ายซึ่งจะเพิกถอนไม่ได้. ดังนี้ จารีตประเพณีซึ่งบัญญัติของพระเป็นเจ้าที่รับรองนั้น แม้สังคมก็เห็นว่าเกิดจากการกระทำของมนุษย์ คือการที่สามีภรรยารับและมอบตัวให้เป็นกรรมสิทธิ์ของกันและกัน. พันธะศักดิ์สิทธิ์อันนี้ เพื่อประโยชน์ของสามีภรรยา ของลูก และของสังคม จะให้สุดแล้วแต่ความพอใจของมนุษย์จะทำอย่างหาได้ไม่ เพราะพระเป็นเจ้าเองเป็นผู้ให้กำเนิดการสมรสซึ่งมีประโยชน์และจุดหมายหลายอย่างต่างกัน. ประโยชน์และจุดหมายทั้งหมดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับสืบชาติมนุษย์ สำหรับความเจริญก้าวหน้าส่วนตัว และสำหรับชะตากรรมในโลกหน้าของสมาชิกในครอบครัวแต่ละคน สำหรับศักดิ์ศรี ความมั่นคงความสงบสุขและความเจริญของครอบครัว และของสังคมมนุษย์ทั้งมวล. จารีตประเพณีแต่งงานและความรักของสามีภรรยานั้นมีลักษณะเป็นสิ่งที่จัดไว้สำหรับมีลูกและอบรมลูก สองสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นจุดสุดยอดของการแต่งงาน. เพราะเหตุนี้ ชายและหญิงที่ผูกพันสมรสกัน จึงไม่ใช่คนสองคน แต่เป็นเนื้อเดียวกัน (มธ. ๑๙:๖) เขาช่วยเหลือและจุนเจือกันด้วยการหล่อหลอมตัวและหล่อหลอมการงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนั้น เขาทั้งสองมีความสำนึกและรู้สึกยิ่งวันยิ่งมากขึ้นว่า เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน. การร่วมสนิทกันดังนี้ ซึ่งก็เป็นการที่คนสองคนมอบตัวให้แก่กันและกันกับคุณประโยชน์ของลูกเต้า เรียกร้องให้สามีภรรยาซื่อตรงต่อกันอย่างไม่มีที่ติ และเป็นอันหนึ่งอันเดียวอย่างไม่รู้จักแตกสลาย.
๒.
พระคริสตเจ้าทรงประทานพรมากมายแก่ความรักที่กล่าวนี้ซึ่งมีหลายด้าน เกิดจากธารความรักของพระเป็นเจ้าและสร้างขึ้นตามแบบที่พระองค์ร่วมสนิทกับพระศาสนจักร เพราะตามที่แต่ก่อนพระเป็นเจ้าได้ทรงพระดำริทำสัมพันธไมตรีความรักและซื่อสัตย์กับประชากรของพระองค์มาแล้ว บัดนี้ พระผู้ไถ่มนุษย์ เจ้าบ่าวแห่งพระศาสนจักร เสด็จมาต้อนรับสามีภรรยาคริสตชนโดยทางศีลสมรส. พระองค์ยังคงประทับอยู่กับเขาเพื่อว่าพระองค์ทรงรักพระศาสนจักรและมอบพระองค์เพื่อพระศาสนจักรฉันใด สามีภรรยาจะได้มอบพระองค์ให้แก่กันและกันด้วยความซื่อสัตย์ตลอดไปฉันนั้น. ความรักฉันสามีภรรยาที่แท้จริงมีส่วนอยู่ในความรักของพระเป็นเจ้า ความรักนั้นถูกนำและเจริญสมบูรณ์ไปด้วยอำนาจไถ่บาปของพระคริสตเจ้า และด้วยฤทธิ์ช่วยให้รอดของพระศาสนจักร สามารถจะนำสามีภรรยาไปหาพระเป็นเจ้าอย่างได้ผลกับช่วยและทำให้เขามั่นคงในหน้าที่สูงส่งเป็นพ่อและแม่. เพราะเหตุนี้สามีภรรยาคริสตชนได้รับกำลังและเหมือนกับได้รับการอภิเษกด้วยศีลพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามฐานะของเขาอย่างสมควร เมื่อเขาปฏิบัติหน้าที่สามีภรรยาในครอบครัวอาศัยฤทธิ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์และโดยดื่มด่ำไปด้วยพระจิตของพระคริสตเจ้าซึ่งซึมซาบเข้าไปในชีวิตทั้งชีวิตของเขาด้วยความเชื่อความไว้ใจและความรัก เขาก็ยิ่งเขยิบเข้าใกล้ความดีพร้อมส่วนตัวและความศักดิ์สิทธิ์ร่วมกัน ดังนั้น เขาก็มีส่วนทำให้พระเป็นเจ้าได้รับพระเกียรติ.
๓.
ดังนี้ เมื่อพ่อแม่ทำหน้าที่โดยเป็นแบบฉบับและภาวนาในครอบครัวมาก่อนแล้ว ลูก ๆ และแม้แต่ผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ในวงครอบครัวก็จะมีความรู้สึกมนุษย์ธรรมและจะพบหนทางความรอดและความศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายขึ้น ส่วนสามีภรรยาซึ่งมีศักดิ์ศรีและหน้าที่เป็นบิดามารดา ก็เอาใจใส่ทำหน้าที่อบรมเฉพาะอย่างยิ่งในด้านศาสนา ซึ่งเป็นภาระของเขาก่อนใคร ๆ.
๔.
ลูก ๆ ในฐานะเป็นสมาชิกที่มีชีวิตในครอบครัว ก็มีส่วนช่วยทำให้พ่อแม่ศักดิ์สิทธิ์ตามวิธีของลูกด้วย. เขาจะสนองคุณพ่อแม่ด้วยความกตัญญู ความจงรักภักดีและความไว้ใจ และจะช่วยเหลือพ่อแม่เวลามีเหตุภัยและเมื่อชราต้องอยู่โดดเดี่ยยวเยี่ยงลูกที่ดี. เมื่อพ่อหรือแม่ตกเป็นหม้าย ถ้าถือความเป็นหม้ายด้วยความกล้าหาญต่อจากชีวิตสมรสก็จะได้รับความยกย่องนับถือจากคนทั่วไป. ครอบครัวจะถ่ายเทสมบัติฝ่ายวิญญาณให้แก่ครอบครัวอื่นด้วยน้ำใจกว้างขวางด้วย. ถ้าปฏิบัติดังนั้น ครอบครัวคริสตชนซึ่งเกิดจากการสมรสอันเป็นรูปและการมีส่วนร่วมในความสัมพันธ์ความรักระหว่างพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักรก็จะสำแดงให้มนุษย์ทุกคนเห็นว่าพระผู้ไถ่สถิตอยู่ในโลกอย่างมีชีวิตชีวา และพระศาสนจักรมีลักษณะแท้จริงเช่นนี้คือ ด้วยการที่สามีภรรยามีความรักกัน มีลูกตามความสามารถ เป็นอันหนึ่งอันเดียวและมีความซื่อตรงต่อกัน อีกทั้งสมาชิกทุกคนในครอบครัวก็ร่วมมือกันด้วยความรักใคร่.
๔๙. ความรักของสามีภรรยา
๑.
หลายครั้งหลายหน พระเป็นเจ้าตรัสในพระคัมภีร์เชิญชวนบรรดาคู่หมั้นให้บำรุงและส่งเสริมการหมั้นของเขาด้วยความรักอันบริสุทธิ์ และเชิญชวนบรรดาสามีภรรยาให้บำรุงและส่งเสริมการสมรสของเขาด้วยความรักที่ไม่แบ่งปันให้คนอื่น. คนในสมัยของเรานี้เป็นอันมากก็เช่นเดียวกัน ยกย่องความรักแท้ระหว่างสามีภรรยาที่แสดงออกด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วแต่ประเพณีดันสุจริตชนชนชาติต่าง ๆ และยุคสมัย. อันความรักนี้เป็นความรักแบบมนุษย์แท้ เพราะออกจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งด้วยอำนาจของกำลังใจ และครอบคลุมถึงคุณประโยชน์ของบุคคลหนึ่งหมดทั้งตัว ฉะนั้น จึงสามารถทำให้การสำแดงออกมาของภายและจิตใจมีศักดิ์ศรีและทำให้มีค่า โดยถือเป็นส่วนประกอบและเครื่องหมายพิเศษแสดงความรักชอบพอฉันสามีภรรยา ความรักนี้ พระคริสตเจ้าทรงบำบัดทำให้ดีและยกย่องให้สูงขึ้น โดยประทานพระหรรษทานและความรักเป็นพิเศษ. ความรักแบบนี้ ซึ่งรวมเอาสิ่งที่เป็นของมนุษย์กับสิ่งที่เป็นของพระคริสตเจ้าเข้าด้วยกัน ชักนำสามีภรรยาให้มอบฝากตัวแก่กันและกันด้วยความสมัครใจ ซึ่งแสดงออกมาด้วยความรู้สึกและกิริยาอาการเสน่หา. ความรักแบบนี้ซึมซาบเข้าไปในชีวิตทั้งชีวิตของเขา ยิ่งกว่านั้นมันเจริญดีและเติบใหญ่ขึ้น เพราะได้รับการปฏิบัติด้วยน้ำใจกว้างขวาง. ฉะนั้น ความรักแบบนี้จึงประเสริฐกว่าความโน้มเอียงไปในทางรัก ๆ ใคร่ ๆ มากมายนัก เพราะความรัก ๆ ใคร่ ๆ นั้น เมื่อได้รับการบำรุงโดยความเห็นแก่ตัว ย่อมละลายหายไปอย่างรวดเร็วและอย่างน่าอนาถ.
๒.
ความรักนี้มีวิธีของมันเองที่จะแสดงออกและสำเร็จไปด้วยกิจการโดยเฉพาะของการสมรส ฉะนั้น กิจการใดที่สามีภรรยากระทำเพื่อร่วมกันอย่างสนิทสนมและบริสุทธิ์จึงเป็นกิจการที่สุจริตและสมควร และเมื่อประกอบตามแบบอย่างมนุษย์โดยแท้ กิจการเหล่านั้นก็มีความหมายและส่งเสริมการมอบฝากตัวแก่กันซึ่งทำให้เขามีความชื่นชมและสำนึกรู้คุณ. ความรักนี้ซึ่งได้รับคำมั่นสัญญาจะถือซื่อสัตย์ต่อกัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ศักดิ์สิทธิ์ไปด้วยศีลของพระคริสตเจ้านั้น ยังคงซื่อสัตย์อย่างไม่รู้จักเสื่อมคลาย ทั้งด้วยกายใจและทั้งในเวลาสุขทุกข์ ฉะนั้น จึงไม่รู้จักการล่วงประเวณีและการหย่าร้างใด ๆ ทั้งสิ้น. ในทำนองเดียวกัน การที่ต้องรับว่า ชายและหญิงมีศักดิ์ศรีส่วนตัวอย่างเท่าเสมอกันในความรักเต็มที่ต่อกันนั้น ก็เป็นการแสดงให้เห็นประจักษ์ว่าสมรสแล้วหย่าร้างไม่ได้ ตามที่พระคริสตเจ้าทรงยืนยันรับรองเพื่อจะถือหน้าที่ตามกระแสเรียกคริสตชนเช่นนี้ตลอดไป เขาจำเป็นต้องมีคุณธรรมความดีมิใช่น้อย ฉะนั้นสามีภรรยาซึ่งได้รับพระหรรษทานมีกำลังถือชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ได้ จงอย่าหยุดยั้งที่จะบำรุงความรักอันมั่นคง ความมีจิตใจสูง และจิตตารมณ์ความเสียสละในตน และให้ขอคุณธรรมเหล่านี้ในคำภาวนา.
๓.
แต่ความรักอย่างแท้จริงของสามีภรรยาจะได้รับการยกย่องยิ่งขึ้นและมติมหาชนจะคิดเกี่ยวกับความรักนี้อย่างถูกต้องถ้าแม้ว่าสามีภรรยาคริสตชนจะแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า มีความซื่อตรงและความปรองดองกัน ตลอดจนมีความเสียสละในการอบรมลุก และถ้าแม้ว่าเขามีส่วนในการฟื้นฟูวัฒนธรรมจิตวิทยาและสังคม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อส่งเสริมการสมรสและครอบครัว. ต้องสอนเยาวชนในเวลาอันควรและอย่างเหมาะสมโดยเฉพาะอย่างยิ่งควรสอนในครอบครัวเองให้รู้ว่า ความรักของสามีภรรยามีศักดิ์ศรีอย่างไร มีหน้าที่อะไรและต้องปฏิบัติอย่างไร. เมื่อสอนให้เขาถือความบริสุทธิ์ดังนี้และเมื่อถึงอายุอันสมควรแล้ว เขาจะได้แต่งงาน หลังจากได้ทำการหมั้นอย่างมีเกียรติ.
๕๐. การมีลูก
๑.
ลักษณะของการสมรสและความรักของสามีภรรยาก็คือ มีไว้สำหรับมีลูกและอบรมลูก. อันที่จริง ลูกก็คือ ผลอันประเสริฐที่สุดของการแต่งงานและมีส่วนช่วยให้พ่อแม่มีความเป็นอยู่ดีได้มากที่สุด. พระเป็นเจ้าได้ตรัสว่า ไม่ควรให้มนุษย์อยู่คนเดียว (ปฐก. ๒:๑๘) และตั้งแต่ปฐมกาลพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง (เทียบ มธ. ๑๙:๔) พอพระทัยให้มนุษย์มีส่วนร่วมเป็นพิเศษในงานสร้างสรรค์ของพระองค์เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงอำนวยพรแก่ชายและหญิง ตรัสว่า จงมีลูกหลานและเพิ่มทวีมากขึ้น (ปฐก. ๑:๒๘) ดังนั้น โดยที่เราไม่ตีค่าจุดหมายอื่นของการสมรสต่ำไป ความรักฉันสามีภรรยาที่แท้จริงและเข้าใจถูกต้อง ตลอดจนโครงสร้างชีวิตครอบครัวทั้งหมดที่สืบเนื่องมาจากความรักนั้น มุ่งที่จะให้สามีภรรยามีจิตใจกล้าหาญพร้อมที่จะร่วมมือกับความรักของพระผู้สร้างและพระผู้ไถ่ ซึ่งมีพระประสงค์ที่จะอาศัยเขาขยายและทำให้ครอบครัวของพระองค์มั่งคั่งยิ่ง ๆ ขึ้น.
๒.
ในหน้าที่ที่ต้องถ่ายทอดชีวิตและเป็นผู้อบรมลูก ซึ่งต้องถือเป็นหน้าที่โดยเฉพาะของสามีภรรยานั้น สามีภรรยารู้ว่าตนเป็นผู้ร่วมมือกับความรักของพระผู้สร้างกับเป็นเหมือนตัวแทนพระองค์. ฉะนั้น เขาจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของเขาด้วยความรับผิดชอบในฐานะเป็นมนุษย์และคริสตชน และจะต้องมีความวินิจฉัยถูกต้อง โดยมีความเคารพแบบว่านอนสอนง่ายต่อพระเป็นเจ้าและโดยปรึกษาหารือกับพยายามร่วมกัน. เขาจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของตนและประโยชน์ของลูกที่เกิดแล้วก็ดีหรือที่คาดว่าจะเกิดอีกก็ดี. เขาจะต้องพิจารณาภาวะทางฝ่ายวัตถุและฝ่ายวิญญาณของยุคและฐานะชีวิตของเขา. ที่สุด เขาต้องคิดถึงประโยชน์ของครอบครัว ความต้องการของสังคมฝ่ายโลกและของพระศาสนจักรเอง. สามีภรรยาต้องทำการวินิจฉัยที่กล่าวนี้เป็นขั้นสุดท้ายต่อหน้าพระเป้นเจ้า. ในทางปฏิบัติ สามีภรรยาพึงสำเหนียกว่าตนจะประพฤติตามอำเภอใจไม่ได้ แต่มีพันธะต้องปฏิบัติตามมโนธรรมเสมอ และมโนธรรม และมโนธรรมนั้นต้องดัดให้ตรงกับพระบัญญัติของพระเป็นเจ้า. สามีภรรยาต้องอ่อนน้อมเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตีความอธิบายพระบัญญัตินั้นอาศัยความสว่างของพระวรสาร. พระบัญญัติของพระเป็นเจ้านั้น ชี้บอกความหมายอันสมบูรณ์ของความรักฉันสามีภรรยา ทำการป้องกันและนำความรักนั้นไปถึงความสำเร็จสมบูรณ์ของมันซึ่งเป็นแบบมนุษย์แท้ ดังนี้ สามีภรรยาคริสตชนที่ไว้ใจในพระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้าและมีจิตตารมณ์ความเสียสละ ก็ทำการถวายพระเกียรติแด่พระเป็นเจ้าและมุ่งไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ในพระคริสตเจ้า เมื่อเขาทำหน้าที่เป็นผู้ให้กำเนิดโดยมีความสำนึกรับผิดชอบอย่างกว้างขวางในฐานะเป็นมนุษย์และคริสตชน. ในบรรดาสามีภรรยาที่ปฏิบัติภาระหน้าที่ที่พระเป็นเจ้ามอบแก่เขาเช่นนี้ ต้องยกย่องเป็นพิเศษ บรรดาสามีภรรยาที่ปรึกษากันและคิดรอบคอบแล้ว เต็มใจจะอบรมเลี้ยงดูลูกอย่างสมควร แม้จะมีจำนวนค่อนข้างมาก.
๓.
อย่างไรก็ดี การสมรสไม่ได้มีไว้สำหรับเกิดลูกเท่านั้น แต่พันธะผูกพันระหว่างสามีภรรยาซึ่งมีลักษณะแตกสลายไม่ได้กับคุณประโยชน์ของลูกนั้น เรียกร้องให้ความรักระหว่างสามีภรรยาต้องแสดงออกมา เจริญและงอกงามเต็มที่อย่างถูกแบบแผน. ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าแต่งงานแล้ว สามีภรรยาไม่มีลูกตามที่บ่อย ๆ อยากได้นัก การสมรสในฐานที่เป็นการอยู่ร่วมและสนิทกันจนตลอดชีวิต ก็ยังคงดำรงอยู่กับยังมีคุณค่าของมันและหย่าร้างกันไม่ได้.
๕๑. ความรักของสามีภรรยากับความเคารพต่อชีวิตของมนุษย์
๑.
สภาสังคายนาทราบว่า สภาพชีวิตบางอย่างในปัจจุบันนี้ บ่อยครั้งขัดขวางมิให้สามีภรรยาถือชีวิตสมรสอย่างปกติสม่ำเสมอและเขาอาจอยู่ในฐานะไม่สามารถจะมีลูกเพิ่มขึ้นได้อย่างน้อยก็ในชั่วระยะหนึ่ง. เมื่อเป็นดังนี้ การบำรุงส่งเสริมความรักอย่างซื่อสัตย์และการมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสนิทก็เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ไม่ใช่ง่าย ๆ. อันว่าถ้าการร่วมสนิทฉันสามีภรรยาต้องหยุดชะงักเมื่อใดแล้ว ก็อาจเกิดอันตรายสำหรับการถือซื่อสัตย์ต่อกันและความเสียหายต่อผลประโยชน์ของลูก เพราะในกรณีเช่นนั้น ย่อมมีอันตรายทั้งสำหรับการอบรมลูก ทั้งสำหรับกำลังใจที่จะมีลูกต่อไปอีก.
๒.
มีคนกล้านำวิธีอันไม่สุจริตมาใช้แก้ปัญหาเหล่านี้ และไม่กลัวแม้แต่วิธีฆ่าคน แต่พระศาสนจักรเตือนให้ระลึกว่า ไม่อาจจะมีการขัดแย้งกันอย่างแท้จริงระหว่างบัญญัติของพระเป็นเจ้าที่ให้ถ่ายทอดชีวิตกับบัญญัติที่ให้ส่งเสริมความรักอันแท้จริงของสามีภรรยา.
๓.
ด้วยว่าพระเป็นเจ้าซึ่งเป็นเจ้านายชีวิต ได้มอบให้มนุษย์มีหน้าที่อันประเสริฐต้องรักษาชีวิต และมนุษย์ต้องถือหน้าที่นั้นด้วยวิธีอันเหมาะสมกับมนุษย์. เพราะฉะนั้นชีวิตต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองด้วยความเอาใจใส่ยิ่ง ตั้งแต่เวลาปฏิสนธิทีเดียว. การทำแท้งและการฆ่าทารกเป็นอาชญากรรมอันน่าเกลียดน่าชังที่สุด. ความรู้สึกทางเพศของมนุษย์ตลอดจนความสามารถที่จะให้กำเนิดของมนุษย์นั้นประเสริฐกว่าระเบียบชีวิตของสิ่งที่มีชีวิตขั้นต่ำกว่ามากมายนัก เพราะฉะนั้น กิจการโดยเฉพาะในชีวิตสมรส ซึ่งประกอบตามศักดิ์ศรีอันแท้จริงของมนุษย์ จึงควรได้รับความเคารพเป็นอย่างสูง. ฉะนั้น เมื่อจะให้ความรักของสามีภรรยาไม่ขัดกับการให้กำเนิดอย่างมีความรับผิดชอบ การกระทำใดจะถูกศีลธรรมหรือไม่ย่อมไม่สุดแล้วแต่เจตนาหรือการคำนึงถึงเหตุที่จูงใจให้ทำอย่างเดียว แต่ยังต้องกำหนดตามหลักเกณฑ์แน่นอนที่ได้จากการศึกษาธรรมชาติของมนุษย์กับธรรมชาติกิจการของมนุษย์. หลักเกณฑ์เหล่านี้บ่งชี้ความหมายของการแต่งงานว่า เป็นการมอบตัวให้แก่กันและกัน และเป็นการให้กำเนิดมนุษย์ในบรรยากาศแห่งความรักที่แท้จริง การเรื่องนี้จะเป็นไม่ได้นอกจากจะทำการร่วมเพศโดยละเว้นไม่ทำสิ่งที่ผิดอย่างซื่อตรง. เมื่อถือตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ ลูกของพระศาสนจักรจึงต้องละเว้นจากการใช้วิธีคุมกำเนิดซึ่งผู้มีอำนาจสั่งสอนในพระศาสนจักรอธิบายบัญญัติของพระเป็นเจ้าให้เห็นแล้วว่าเป็นการกระทำที่ผิด.
๔. ทุกคนควรจะตระหนักว่า การมีชีวิตของมนุษย์กับหน้าที่ถ่ายทอดชีวิตนั้นไม่ใช่สำหรับในโลกนี้เท่านั้น เพราะโลกไม่สามารถวัดและเข้าใจได้ แต่ควรจะคำนึงถึงจุดหมายปลายทางชั่วนิรันดรของมนุษย์เสมอ.
๕๒. ทุกคนต้องเอาใจใส่ส่งเสริมการสมรสและครอบครัว
๑.
ครอบครัวเปรียบเป็นเหมือนโรงเรียนที่สอนมนุษย์ให้มีมนุษยธรรมมากยิ่งขึ้น แต่เพื่อให้ครอบครัวเข้มแข็งและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ สามีภรรยาต้องมีจิตใจสนิทสนมรักใคร่กัน ปรึกษาหารือกัน พ่อแม่ต้องเอาใจใส่ร่วมมือกันในการอบรมลูก. ถ้าพ่ออยู่และเอาการเอางาน ก็จะเป็นประโยชน์แก่การ อบรมลูกมาก แต่เด็ก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กอายุน้อย ต้องการความดูแลของแม่ที่บ้าน ต้องให้แม่ได้ทำหน้าที่ที่บ้าน โดยไม่ละเลยส่งเสริมฐานะของสตรีทางสังคมเท่าที่ควรด้วย. ต้องอบรมเด็กในลักษณะที่ว่า เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จนมีความสำนึกในความรับผิดชอบของตนเอย่างเต็มที่แล้ว จะสามารถถือตามกระแสเรียก รวมทั้งกระแสเรียกนักบวชกับเลือกแบบชีวิตของเขา และถ้าแต่งงาน ก็ให้เขาสามารถตั้งครอบครัวได้ในสภาพด้านจิตใจ สังคมและเศรษฐกิจอันอบอุ่น. พ่อแม่หรือผู้ปกครองมีหน้าที่ต้องให้คำคิดอ่านแนะนำคนหนุ่มสาวในการตั้งครอบครัว. คนหนุ่มสาวควรเต็มใจฟังคำแนะนำ แต่พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องระวังอย่าบังคับ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ให้เขาแต่งงานหรือเลือกคู่ครอง.
๒.
ดังนี้ ครอบครัวอันเป็นสถานที่คนหลาย ๆ ชั่วอายุคนมาพบปะกันช่วยเหลือกันให้มีความฉลาดยิ่งขึ้นกับช่วยหาทางให้สิทธิของบุคคลประสานเข้ากับความต้องการอื่น ๆ ในชีวิตทางสังคมจึงนับเป็นรากฐานของสังคม. เพราะเหตุนี้ บุคคลใด ๆ ที่มีอิทธิพลเหนือบรรดาประชาคมและหมู่สังคมต่าง ๆ ต้องพยายามส่งเสริมการสมรสและครอบครัวอย่างจริงจังให้ได้ผล ผู้มีอำนาจฝ่ายบ้านเมืองต้องถือเป็นหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่จะรู้จัก ป้องกันและส่งเสริมลักษณะอันแท้จริงของการสมรสและครอบครัวต้องป้องกันศีลธรรมของประชาชนและกระตุ้นความเจริญของครอบครัว ต้องประกันรับรองสิทธิให้กำเนิดของพ่อแม่และสิทธิจะอบรมเลี้ยงลูกในครอบครัว นอกนั้น ยังต้องออกกฎหมายเห็นการณ์ไกลและทำการริเริ่มต่าง ๆ ป้องกันและให้ความช่วยเหลืออันเหมาะสมแก่เด็กที่เคราะห์ร้ายไม่มีครอบครัว.
๓.
สัตบุรุษคริสตชนซึ่งใช้เวลาปัจจุบันนี้ให้เป็นประโยชน์และรู้จักแยกสิ่งที่ดำรงอยู่นิรันดรจากสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องขยันขันแข็งในการส่งเสริมสิ่งอันมีคุณค่าของการสมรสและครอบครัว ทั้งด้วยการเป็นแบบฉบับในชีวิตของตนเองและด้วยการร่วมมือกับมนุษย์ทุกคนที่มีน้ำใจดี และดังนี้ เมื่อขจัดอุปสรรคทั้งหลายแล้ว เขาจะจัดให้ครอบครัวได้ตามที่ต้องการกับได้รับประโยชน์ที่เหมาะแก่เวลาในยุคใหม่. ความนึกคิดแบบคริสตชนของสัตบุรุษ มโนธรรมเที่ยงตรงของมนุษย์ ตลอดจนความปรีชาฉลาดและความชำนาญของผู้ที่หมกมุ่นอยู่ในวิชาความรู้ทางศาสนา จะช่วยให้บรรลุถึงจุดหมายที่กล่าวนี้ได้เป็นอันมาก
๔.
ผู้ที่มีความรู้พิเศษ เป็นต้นในชีววิทยา แพทยศาสตร์ สังคมศาสตร์และจิตวิทยา อาจทำให้การได้มากเพื่อประโยชน์ของการสมรสและครอบครัวกับเพื่อความสงบของมโนธรรม ถ้าเขาจะร่วมกันศึกษาและพยายามอธิบายสภาพต่าง ๆ ที่ส่งเสริมการคุมกำเนิดมนุษย์อย่างถูกต้อง ให้แจ่มแจ้งยิ่งขึ้น.
๕.
พระสงฆ์ที่มีความรู้ดีในเรื่องครอบครัว มีหน้าที่ต้องบำรุงกระแสเรียกของสามีภรรยาด้วยวิธีอภิบาลสัตบุรุษต่าง ๆ ด้วยการประกาศพระวาจาของพระเป็นเจ้า ด้วยคารวกิจทางพิธีกรรม หรือด้วยความช่วยเหลือทางวิญญาณอื่น ๆ มีหน้าที่ต้องปลุกใจเขาให้เข้มแข็งในความทุกข์ยากลำบากด้วยความอารีอารอบและอดทน กับให้กำลังใจเขาด้วยความรัก เพื่อเขาจะได้สร้างครอบครัวที่เปล่งปลั่งแจ่มใสอย่างแท้จริง.
๖.
ให้สถาบันต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาสมาคมครอบครัว พยายามทำให้คนหนุ่มสาวกับสามีภรรยา เฉพาะอย่างยิ่งคนที่เพิ่งแต่งงานใหม่ มีใจมั่นคงด้วยคำสอนและกิจการ กับอบรมเขาให้ถือชีวิตครอบครัว สังคมและงานแพร่ธรรม.
๗.
ที่สุด ขอให้สามีภรรยาเองซึ่งสร้างมาตามพระฉายาของพระเจ้าผู้ทรงชีวิตและได้รับศักดิ์ศรีเป็นบุคคลอย่างแท้จริง จงร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวโดนมีความรักและความคิดอันเดียวกันกับมีความศักดิ์สิทธิ์ร่วมกัน ดังนี้ เขาจะตามพระคริสตเจ้าผู้เป็นเบื้องต้นของชีวิตไป และในท่ามกลางความชื่นชมยินดีและความเสียสละในกระแสเรียก อาศัยความรักอย่างซื่อสัตย์ เขาจะได้เป็นองค์พยานประกาศรหัสธรรมความรักซึ่งพระคริสตเจ้าทรงเผยแพร่แก่โลกด้วยการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระองค์.
|