๒๔. ข้อสรุป
บัดนี้ เมื่อได้บรรยายอย่างสั้น ๆ ถึงเงื่อนไขในการปฎิบัติเพื่อสากลสัมพันธภาพกับได้ชี้แจงหลักเกณฑ์ให้แนวการปฎิบัติแล้ว เราขอหันไปดูอนาคตด้วยความหวัง สภาสังคายนาขอเตือนสัตบุรุษให้ละเว้นการกระทำด้วยเบาความ และใจร้อนรนแบบหัวเบาซึ่งอาจจะเกิดผลร้ายทำให้ไม่ก้าวหน้าไปสู่เอกภาพ สากลสัมพันธภาพ ของสัตบุรุษควรจะเป็นไปแต่ในแบบที่เป็นคาทอลิกอย่างสมบูรณ์และจริงใจ หมายความว่า ต้องซื่อสัตย์ต่อความจริงอันได้รับมาจากอัครธรรมฑูตและพระปิตาจารย์ต้องถูกต้องตรงกับความเชื่อที่พระศาสนจักรคาทอลิกประกาศอยู่เสมอ และต้องมุ่งถึงความสมบูรณ์ซึ่งพระเป็นเจ้าทรงปรารถนาให้พระกายของพระองค์เจริญเติบโตขึ้นในความสมบูรณ์นั้นตลอดเวลาทุกยุคสมัย
สภาสังคายนา ปรารถนาอย่างร้อนรนให้งานริเริ่มของลูกของพระศาสนจักรคาทอลิกเจริญก้าวหน้าพร้อมกันไปกับงานริเริ่มของพี่น้องที่แตกแยก
โดยไม่ขัดขวางทางแห่งพระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้าแต่อย่างใดและโดยไม่มีอคติซึ่งขัดขวางการดลใจภายหน้าของพระจิต นอกจากนี้ สภาสังคายนา ขอแถลงว่า สภาสังคายนา
มีความสำนึกรู้ดีว่าความตั้งใจที่จะทำให้คริสตศาสนิกชนทุกนิกายกลับคืนดีรวมเข้าในเอกภพาของพระศาสนจักรหนึ่งเดียวนั้น เป็นงานที่เหลือกำลังความสามารถของมนุษย์
เพราะเหตุนี้จึงขอบความไว้ใจทั้งสิ้นไว้ในคำภาวนาอธิษฐานของพระคริสตเจ้าอุทิศแก่พระศาสนจักร ไว้ในความรักของพระบิดาต่อเรา และไว้ในพระฤทธานุภาพของพระจิต
ความไว้ใจนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะพระจิตที่เราได้รับหลั่งความรักของพระเป็นเจ้าลงในดวงใจของเรา (รม. ๕ :๕ )
ข้อความแต่ละข้อทั้งสิ้นที่ประกาศไว้ในสังฆธรรมนูญฉบับนี้ บรรดาปิตาจารย์ได้เห็นชอบแล้วทั้งนั้น
อาศํยอำนาจของท่านอัครธรรมฑูต ซึ่งเราได้มอบจากพระคริสตเจ้า เราพร้อมกับบรรดาปิตาจารย์ที่เคารพเหล่านี้ ในพระจิตเจ้า จึงเห็นชอบกำหนดและตราไว้ และสิ่งใดที่สภาสังคายนาได้ตราขึ้น
เราก็สั่งให้ประกาศใช้เพื่อเป็นเกียรติแด่พระเป็นเจ้า
กรุงโรม ที่พระวิหารนักบุญเปโตร วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๖๔ เรา เปาโล สังฆราชแห่งพระศาสนจักรคาทอลิก
|