หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระธรรมนูญ พระสมณกฤษฎีกา
และคำแถลงแห่งสภาสังคายนา เล่มที่ 4

บทที่  2   : การทำงานสากลสัมพันธภาพ

- - -  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 พระสมณกฤษฎีกา แห่ง สภาสังคายนาว่าด้วยสากลสัมพันธภาพ

๕. พระศาสนจักรทั้งหมด ไม่ว่าสัตบุรุษหรือผู้อภิบาลสัตบุรุษมีความห่วงใยที่จะให้คริสต        ศาสนิกชนทุกนิกายรวมกันและยังเป็นความห่วงใยของแต่ละคนตามความสามารถ ทั้งในชีวิตประจำวันและในการศึกษาทางเทวศาสตร์และประวัติศาสตร์ ความห่วงใยเช่นนี้เป็นการสำแดงถึงสายสัมพันธ์ฉันพี่น้องซึ่งมีอยู่แล้วในระหว่างคริสตชนทุกนิกายและจะเป็นช่องทางชักจูงให้มาร่วมในเอกภาพอย่างสมบูรณ์ ตามพระทัยเมตตาของพระเป็นเจ้า

๖. การฟื้นฟูพระศาสนจักร  เนื่องจากการฟื้นฟูทุกอย่างในพระศาสนจักรหมายถึงการถือตามกระแสเรียกของพระศาสนจักรอย่างซื่อสัตย์ยิ่ง ๆ ขึ้นเป็นสำคัญ นั่นแหละคือเหตุผลที่อธิบายว่าเหตุใดจึงมีการเคลื่อนไหวไปสู่เอกภาพ ระหว่างที่พระศาสนจักรเดินทางอยู่บนแผ่นดิน พระคริสตเจ้า ทรงเรียกร้องให้ทำการปรับปรุงตนอยู่ตลอดเวลา ตามที่พระศาสนจักรต้องการเช่นนั้นอยู่เสมอในฐานะที่เป็นสถาบันของมนุษยโลก ฉะนั้นถ้าเผื่อว่ามีความบกพร่องต่าง ๆ เกิดขึ้นในขนบประเพณีก็ดี ในระเบียบวินัยของพระศาสนจัการก็ดี หรือแม้ในวิธีประกาศข้อคำสอน (ซึ่งต้องระวังแยกจากข้อความ) ก็ดี ก็ต้องฟื้นฟูทำการปรับปรุงแก้ไขเสียในโอกาสอันควร

ฉะนั้น การฟื้นฟูพระศาสนจักรจึงเป็นสิ่งมีค่ามากในด้านสากลสัมพันธภาพ การฟื้นฟูดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นแล้วในชีวิตของพระศาสนจักรด้านต่าง ๆ เช่น การเคลื่อนไหวทางด้านพระคัมภีร์และพิธีกรรม  การประกาศพระวาจาของพระเป็นเจ้า การอธิบายคำสอน การแพร่ธรรมของฆราวาส การถือชีวิตนักบวชแบบใหม่ ๆ การถือชีวิตสมรสอย่างศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนคำสอนและกิจกรรมของพระศาสนจักรเกี่ยวกับสังคม ต้องถือว่าการทั้งหมดนี้เป็นเครื่องประกันและเครื่องหมายชี้บอกในทางดีว่าต่อไปสากลสัมพันธภาพจะเจริญก้าวหน้า

๗. การเปลี่ยนใจ  ถ้าไม่มีการเปลี่ยนภายในจิตใจ ก็ไม่มีสากลสัมพันธภาพอย่างแท้จริง เพราะว่าความปรารถนาที่จะมีเอกภาพนั้นย่อมเกิดและเจริญสมบูรณ์จากการฟื้นฟูจิตใจ การสละทิ้งน้ำใจตนและการแสดงความรักอันมีอย่างท่วมท้นออกมาโดยความสมัครใจ เพราะเหตุนี้ เราต้องขอพระจิตโปรดให้เรารู้จักสละทิ้งน้ำใจตนเอง มีความถ่อมตัวและความอ่อนโยนในการรับใช้ตลอดจนมีน้ำใจกว้างขวางฉันพี่น้องต่อผู้อื่น นักบุญเปาโลกล่าวว่า “ ฉะนั้นข้าพเจ้าผู้ถูกคุมขังเพื่อพระเจ้า ขอวิงวอนท่านให้ปฏิบัติตามสมกับฐานะที่พระทรงเรียกให้ท่านรับ จงมีความอดทนต่อกันและกันด้วยความรัก ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความเพียร พยายามรักความเป็นหนึ่งเดียวกันเดชะพระจิตในสายสัมพันธ์แห่งสันติ “ (อฟ . ๔ : ๑– ๓ ) นี้เป็นคำเตือน เฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ได้รับศีลบวชเพื่อทำภารกิจของพระคริสตเจ้าต่อไป พระองค์เสด็จมาในท่ามกลางเรา “มิใช้เพื่อให้คนอื่นรับใช้ แต่เพื่อรับใช้ผู้อื่น “ (มธ. ๒๐ : ๒๘ )

ตามที่นักบุญยวงยืนยันว่า “ หากเรากล่าวว่าเราไม่เคยทำบาป เราก็ทำให้พระองค์ได้ชื่อว่าเป็นผู้ไร้สัจจะ และพระวาจาของพระองค์ไม่อยู่ในเรา “ ( ๑ ยน. ๑ : ๑๐ ) คำยืนยันนี้อาจนำมาใช้กับบาปต่าง ๆ ที่ผิดต่อเอกภาพ ฉะนั้นเราต้องขอโทษต่อพระเป็นเจ้าและต่อพี่น้องที่แตกแยกออกไปด้วยการสวดภาวนาอย่างถ่อมตัว แบบเดียวกับที่เรายกโทษให้แก่ผู้ที่ทำผิดต่อเรา
ขอให้สัตบุรุษทุกคนระลึกว่า เขายิ่งพยายามเจริญชีวิตตามพระวรสารอย่างเคร่งครัดเพียงใดก็ยิ่งเป็นการส่งเสริมทำให้บรรดาคริสตชนรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้นเพียงนั้น เขาเองก็จะยิ่งนำไปปฎิบัติด้วย หมายความว่าเขายิ่งร่วมชิดสนิทกับพระบิดาพระบุตรและพระจิตเพียงใด ก็ยิ่งจะทำให้การเป็นพี่น้องกับเขายิ่งสนิทใกล้ชิดและง่ายขึ้นเพียงนั้นด้วย
๘. การภาวนาร่วมกัน การเปลี่ยนจิตใจและการเจริญชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์นี้ เมื่อรวมเข้ากับการสวดภาวนาส่วนรวมและส่วนตัวเพื่อเอกภาพของคริสตชน ก็ต้องถือว่าเป็นหัวใจของการมุ่งไปยังสากลสัมพันธภาพทุกชนิด และเรียกได้อย่างถูกต้องว่าเป็น “ สากลสัมพันธภาพ”

ชาวคาทอลิกมีธรรมเนียมดีอยู่แล้วที่จะชุมนุมกันบ่อย ๆ เพื่อสวดขอเอกภาพของ                  พระศาสนจักร ซึ่งเอกภาพนี้พระเยซูเจ้าเอง วันก่อนจะสิ้นพระชนม์ ได้วอนขอจากพระบิดาว่า “ ขอให้เขาทั้งหลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน “ (ยน. ๑๗ : ๒๑ )

ในบางโอกาสพิเศษ เช่นในการภาวนาที่จัดขึ้น “ เพื่อเอกภาพ “ และในการประชุมที่มุ่งถึงสากลสัมพันธภาพเป็นที่อนุญาต ยิ่งกว่านั้นเป็นที่พึงปรารถนาให้ชาวคาทอลิกร่วมภาวนากับพี่น้องที่แตกแยกออกไป การร่วมกันภาวนาเช่นนี้เป็นวิธีขอพระคุณเอกภาพได้อย่างมีผลแน่ และจะเป็นการแสดงให้เห็นประจักษ์ถึงสายสัมพันธ์ที่ยังเชื่อมโยงชาวคาทอลิกกับพี่น้องที่แตกแยกออกไป “ เพราะที่ใดที่มีคนสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราก็อยู่ในท่ามกลางเขา “ (มธ. ๑๘ : ๒๐ )

อย่างไรก็ตาม สำหรับการประกอบคารวกิจร่วมกัน จะถือเป็นวิธีที่ต้องใช้สำหรับรื้อฟื้นเอกภาพของหมู่คริสตชนโดยไม่ระมัดระวังหาได้ไม่ การประกอบคารวกิจร่วมกันเช่นนี้ขึ้นกับหลักใหญ่สองประการคือ ประการหนึ่งต้องแสดงเอกภาพของพระศาสนจักร และประการสองต้องมีส่วนร่วมในวิธีการที่จะได้รับพระหรรษทาน การที่ต้องแสดงเอกภาพนั้น โดยมากทำให้การประกอบคารวกิจร่วมกันมีขึ้นไม่ได้ แต่การต้องมีส่วนร่วมในวิธีการที่จะได้รับพระหรรษทานนั้น บางครั้งก็สนับสนุนให้มีการประกอบคารวกิจร่วมกันได้ สำหรับวิธีปฎิบัตินั้น เมื่อคำนึงถึงกรณีแวดล้อมเกี่ยวกับเวลา สถานที่ และบุคคลแล้ว  ให้อยู่ในดุลยพินิจอันฉลาดรอบคอบของพระสังฆราชประจำท้องที่เว้นแต่สภาพระสังฆราชตามกฎที่ได้ตั้งเอง หรือพระสันตะสำนักจะได้กำหนดเป็นอย่างอื่น

๙ . การรู้จักกันและกันฉันพี่น้อง เราต้องรู้จักสภาพจิตใจของพี่น้องที่แตกแยกออกไป เราจำเป็นต้องทำการศึกษาเรื่องนี้ให้ตรงกับความจริงและโดยมีน้ำใจโอบอ้อมอารี เมื่อได้รับการเตรียมพอสมควรแล้ว ชาวคาทอลิกต้องพยายามรู้คำสอนและประวัติชีวิตทางฝ่ายจิตและฝ่ายพิธีกรรม       จิตวิทยาด้านศาสนาและวัฒนธรรมที่เป็นของพี่น้องที่แตกแยกออกไปให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น เพื่อได้ผลดังกล่าวนี้ วิธีที่ดีอย่างหนึ่งก็คือทั้งสองฝ่ายชุมนุมกันเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อถกปัญหาเกี่ยวกับเทวศาสตร์ ทั้งสองฝ่ายให้ถือว่าเสมอภาค และผู้ที่เข้าประชุมโดยพระสังฆราชเป็นผู้สอดส่องดูแลนั้นต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง จากการติดต่อเจรจาแบบนี้แหละ จะเห็นสภาพแท้จริงของ           พระศาสนจักรคาทอลิกแจ่มแจ้งดียิ่งขึ้น ดังนั้น เราจะรู้จักความคิดเห็นของพี่น้องที่แตกแยกของเราดีขึ้น และจะบรรยายความเชื่อของเราให้เขาฟังได้อย่างเหมาะสมดียิ่งขึ้น

๑๐. การอบรมเพื่อส่งเสริมสากลสัมพันธภาพ   เทวศาสตร์และวิชาต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาที่มีลักษณะเป็นประวัติศาสตร์ ก็ต้องสอนไปในทางมุ่งส่งเสริมสากลสัมพันธภาพเพื่อปฏิบัติให้ตรงกับสภาพความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น แท้จริง เป็นการสำคัญมากที่ผู้ซึ่งจะเป็นพระสงฆ์และพระสังฆราชในวันข้างหน้าต้องรู้เทวศาสตร์ในแบบที่อธิบายอย่างถูกต้องเช่นนี้ ไม่ใช้ในแบบที่อธิบายเป็นลักษณะทุ่มเถียงกัน เฉพาะอย่างยิ่งในปัญหาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่แตกแยกไปกับพระศาสนจักรคาทอลิก เพราะการอบรมฝ่ายวิญญาณของสัตบุรุษและนักบวชจะเป็นอย่างไรนั้นย่อมขึ้นกับการอบรมของพระสงฆ์เองเป็นสำคัญ

ในทำนองเดียวกัน ธรรมฑูตคาทอลิกที่ทำงานอยู่ในประเทศเดียวกับคริสตชนนิกายอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทุกวันนี้ต้องรู้จักปัญหาและคุณประโยชน์ที่เกิดจากการแพร่ธรรมของตนอันเป็นผลเนื่องมาจากการส่งเสริมสากลสัมพันธภาพ

๑๑.  วิธีแสดงและบรรยายคำสอนแห่งความเชื่อ   แบบแผนและวิธีอธิบายความเชื่อ       คาทอลิกนั้น จะต้องไม่มีอุปสรรคขัดขวางการติดต่อเจรจากับพี่น้องที่แตกแยกออกไปแต่อย่างใดเลย จำเป็นทีเดียวต้องบรรยายคำสอนทั้งหมดอย่างแจ่มแจ้ง ไม่มีอะไรจะผิดต่อจิตตามรณ์แห่งสากล       สัมพันธภาพยิ่งกว่าการแสร้งทำเป็นเห็นคล้อยตามความเชื่อถือของผู้อื่น ซึ่งทำให้คำสอนคาทอลิกไม่บริสุทธิ์แท้และทำให้ความหมายดั้งเดิมแน่นอนของคำสอนนั้นเป็นที่เคลือบคลุมสงสัย

ในขณะเดียวกัน ต้องอธิบายคำสอนคาทอลิกให้ลึกซึ้งและถูกต้องยิ่งขึ้น โดยใช้วิธีพูดและภาษาที่พี่น้องผู้แตกแยกจะเข้าใจได้โดยง่าย

อนึ่ง  ในการติดต่อเจรจาที่มุ่งถึงสากลสัมพันธภาพ นักเทวศาสตร์คาทอลิกผู้ยึดมั่นในคำสอนคาทอลิกและจะทำการค้นคว้าเกี่ยวกับรหัสธรรมร่วมกับพี่น้องที่แตกแยกออกไป ควรจะปฏิบัติงาน   ดังกล่าวด้วยความเคารพต่อความจริง ความรักต่อเพื่อนมนุษย์และความถ่อมตน เมื่อบรรยาย         คำสอน เขาควรระลึกว่าความจริงในคำสอนคาทอลิกนั้นมีเป็นลำดับชั้น เพราะมีความสัมพันธ์กับรากฐานแห่งความเชื่อคริสตชนไม่เหมือนกัน การแข่งขันกันอย่างพี่น้องเช่นนี้จะเป็นทางให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักและเข้าใจขุมมหาสมบัติอันสุดจะหยั่งถึงของพระคริสตเจ้าอย่างลึกซึ้งและแจ่มแจ้งดียิ่งขึ้น

๑๒. การร่วมมือกับพี่น้องที่แตกแยก    ต่อหน้าชนทุกชาติ ขอให้คริสตชนทุกคนประกาศตนรับเชื่อถึงพระเจ้าหนึ่งเดียวเป็นสามพระบุคคล และเชื่อถึงพระบุตรของพระเจ้าซึ่งอวตารมาเกิดเป็นมนุษย์กับเป็นพระผู้ไถ่และพระสวามีเจ้าของเรา และโดยพยายามร่วมกันกับนับถือยกย่องกันและกัน ขอให้คริสตศาสนิกชนทุกคนประกาศยืนยันถึงความหวังของเราซึ่งจะไม่หวังเสียเปล่า โดยที่ทุกวันนี้มีการร่วมมือในด้านสังคมทั่วไป ผู้ที่ได้รับเรียกให้มาทำงานส่วนรวมนี้จึงเป็นมนุษย์ทุกคนโดยไม่มียกเว้นและเฉพาะอย่างยิ่งที่เชื่อถึงพระเป็นเจ้าและโดยเฉพาะที่สุดคือคริสตศาสนิกชนทุกคน เพราะเขาใช้ชื่อของพระคริสตเจ้าเรียกตน การที่คริสตศาสนิกชนทุกคนร่วมมือกันนั้น เป็นการแสดงสัมพันธภาพซึ่งมีอยู่ระหว่างกันและกันก่อนแล้ว และทำให้เห็นพระพักตร์ของพระคริสตเจ้าในฐานะเป็นผู้รับใช้อย่างเด่นชัดยิ่งขึ้น  การร่วมมือกันนี้ซึ่งก่อตั้งขึ้นในหลายประเทศแล้วจะต้องส่งเสริมต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนที่กำลังมีวิวัฒนาการทางสังคมหรือทางวิชาการโดยทำให้ตัวมนุษย์ได้รับการตีค่าสมกับศักดิ์ศรีก็ดี  โดยทำงานเพื่อส่งเสริมสันติภาพก็ดี โดยนำหลักการของพระวรสารมาใช้กับสังคมก็ดี โดยพัฒนาวิชาความรู้และศิลปศาสตร์ตามจิตตารมณ์ของคริสตชนก็ดี หรือนำโอสถทุกชนิดมาบำบัดความทุกข์เข็ญต่าง ๆ ในสมัยของเรา เช่นความหิวโหยและเหตุภัย      ต่าง ๆ ความโง่เขลาและความยากจน การขาดแคลนที่อยู่และการได้รับแจกจ่ายโภคทรัพย์ไม่เท่าเสมอกัน ถ้าร่วมมือกันแบบนี้ ผู้ที่เชื่อถึงพระคริสตเจ้าทุกคนจะเรียนรู้โดยง่ายว่าเราสามารถจะรู้จักกันดีขึ้น ยกย่องนับถือกันมากขึ้นและเตรียมทางให้คริสตชนทุกนิกายมารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวได้ อย่างไร