หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระธรรมนูญ พระสมณกฤษฎีกา
และคำแถลงแห่งสภาสังคายนา เล่มที่ 4

บทที่ 2  : พระสังฆราช กับคริสตจักรท้องที่หรืออีกนัยหนึ่งสังฆมณฑล ( ก - ข )

- - -  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 พระสมณกฤษฎีกา แห่ง สภาสังคายนาว่าด้วยหน้าที่ของ
พระสังฆราชในการอภิบาลสัตบุรุษ ในพระศาสนจักร

ก.พระสังฆราชประจำสังฆมณฑล

สังฆมณฑลคืออะไร  ? และพระสังฆราชมีบทบาทอะไรในสังฆมณฑลของตน ?

สังฆมณฑลคือ ประชากรของพระเป็นเจ้าส่วนหนึ่งที่ฝากให้พระสังฆราชเป็นผู้อภิบาลเลี้ยงดู โดยอาศัยคณะสงฆ์เป็นผู้ช่วย ดังนั้น สังฆมณฑลที่ผูกพันกับผู้อภิบาลและผู้อภิบาลก็รวบรวมไว้ในพระจิต อาศัยข่าวดีเรื่องพระคริสตเจ้าและศีลมหาสนิทนั้น จึงตั้งขึ้นเป็นคริสตจักรท้องที่ ซึ่งในคริสตจักรนี้พระศาสนจักรของพระคริสตเจ้าอันเป็นเอกะ ศักดิ์สิทธิ์ สากลและสืบมาจากอัครธรรมฑูต สถิตดำรงและปฏิบัติงานอย่างแท้จริง

พระสังฆราช แต่ละองค์ที่ได้รับมอบให้ดูแลปกครองคริสตจักรท้องที่แห่งหนึ่งนั้น ก็เลี้ยงดูแกะของตนในนามของพระเป็นเจ้า อยู่ใต้อำนาจของพระสันตะปาปา ในฐานะเป็นนายชุมพาบาลปกติ โดยเฉพาะและโดยตรง ปฎิบัติหน้าที่สอนปกครองและประสาทความศักดิ์สิทธิ์แก่เขา อย่างไรก็ตาม พระสังฆราช ต้องยอมรับนับถือสิทธิอันชอบธรรมของบรรดาพระสังฆัยกาหรือเจ้าหน้าที่ตามลำดับพระฐานานุกรมอื่น ๆ ด้วย

ขอให้พระสังฆราชเอาใจใส่หน้าที่แพร่ธรรม ในฐานะเป็นองค์พยานของพระคริสตเจ้าต่อหน้ามนุษย์ทั้งหลาย โดยมิใช่แต่สอดส่องดูแลผู้ที่เดินตามหัวหน้าของบรรดานายชุมพาบาลแล้วเท่านั้น และยังสมัครอุทิศตนแก่ผู้ที่เดินหันเหไปจากหนทางแห่งความจริงหรือยังไม่รู้ข่าวดีเรื่องพระคริสตเจ้าและพระเมตตาอันมีฤทธิ์ไถ่บาปของพระองค์ จนกว่าในที่สุด ทุกคนจะเดินไป “ในทุกสิ่งที่ดีงาม       ชอบธรรม และสัตย์จริง “ (อฟ. ๕: ๙)

หน้าที่สอน

๑๒. ในการปฎิบัติหน้าที่สอน ให้พระสังฆราชประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสตเจ้าแก่มนุษย์ หน้าที่นี้เป็นหน้าที่สำคัญกว่าหน้าที่อื่น ๆ ของพระสังฆราช และอาศัยพลกำลังของพระจิตให้พระสังฆราชเรียกมนุษย์มาถือความเชื่อหรือทำให้เขามั่นคงในความเชื่ออย่างแน่นแฟ้น ให้พระสังฆราชสอนให้เขารู้จักเหตุการณ์ลึกล้ำของพระคริสตเจ้าอย่างครบถ้วน หมายถึงข้อความจริงต่าง ๆ ซึ่งถ้าเขาไม่รู้ ก็เท่ากับไม่รู้จักพระคริสตเจ้าเอง ในทำนองเดียวกัน ให้พระสังฆราชชี้ให้มนุษย์เห็นหนทางที่พระเป็นเจ้าทรงเผยให้รู้ เพื่อเขาจะได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ และเมื่อถวายเกียรติ ดังนั้น ก็จะบรรลุถึงความสุขนิรันดร

อนึ่ง พระสังฆราช ต้องแสดงให้มนุษย์เห็นว่า ตามแผนการของพระผู้สร้าง แม้ของในโลกนี้และสิ่งที่มนุษย์ได้ตั้งขึ้นก็จัดไว้สำหรับช่วยมนุษย์ให้รอดเหมือนกัน และเพราะเหตุนี้สิ่งเหล่านั้นอาจมีส่วนช่วยก่อสร้างพระกายของพระคริสตเจ้าขึ้นมิใช่น้อย
อนึ่ง พระสังฆราช ต้องแสดงให้มนุษย์เห็นว่า ตามแผนการของพระผู้สร้าง แม้ของในโลกนี้และสิ่งที่มนุษย์ได้ตั้งขึ้นก็จัดไว้สำหรับช่วยมนุษย์ให้รอดเหมือนกัน และเพราะเหตุนี้สิ่งเหล่านั้นอาจมีส่วนช่วยก่อสร้างพระกายของพระคริสตเจ้าขึ้นมิใช่น้อย
ฉะนั้น ตามคำสอนของพระศาสนจักร พระสังฆราช ต้องสอนว่า ให้ตีค่าสิ่งต่อไปนี้สูงสักเพียงใด คือ ตัวบุคคลมนุษย์กับอิสรภาพและชีวิตฝ่ายร่างกายของมนุษย์ ครอบครัวกับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวและเสถียรภาพของครอบครัว การให้กำเนิดและอบรมเลี้ยงบุตร สังคมในบ้านเมืองกับกฎหมายและอาชีพของสังคม การทำงานและการพักผ่อนหย่อนใจ ศิลปศาสตร์และวิชาการ ความยากจนและความร่ำรวย ที่สุด พระสังฆราช ต้องอธิบายว่า จะขบปัญหาหนัก ๆ ต่อไปนี้อย่างไร คือ ปัญหาเรื่องมีทรัพย์สินที่เป็นวัตถุ ปัญหาเรื่องทรัพย์สินเหล่านี้ทวีขึ้นและต้องจ่ายแจกไปอย่างยุติธรรม ปัญหาเรื่องสันติภาพและสงคราม และปัญหาเรื่องชนชาติทั้งหลายต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติฉันพี่น้อง

วิธีอธิบายพระคริสตธรรม

๑๓. พระสังฆราชต้องสอนพระคริสตธรรมโดยวิธีเหมาะแก่ความต้องการของยุคคือให้ตรงกับความยุ่งยากและปัญหาที่บีบคั้น และทำให้มนุษย์กระวนกระวายใจมากที่สุด พระสังฆราชต้องปกป้องคำสอนเหล่านี้และสอนสัตบุรุษเองให้ป้องกันและเผยแพร่คำสอนนั้นด้วย เวลาสอนคำสอน      พระสังฆราชควรแสดงความห่วงใยอย่างแม่ที่พระศาสนจักรมีต่อมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเขาจะมีความเชื่อหรือไม่มีความเชื่อ และควรแสดงความเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อคนยากจนและคนที่ต่ำต้อย เพราะพระเป็นเจ้าส่งตนไปประกาศข่าวดีแก่คนเหล่านี้

เนื่องจากเป็นหน้าที่ของพระสังฆราชที่จะติดต่อเจรจากับสังคมมนุษย์ซึ่งพระศาสนจักรอาศัยอยู่ด้วย ก่อนอื่น จึงเป็นหน้าที่ของพระสังฆราชที่จะไปหามนุษย์ ขอทำการติดต่อเจรจาและขยายการติดต่อเจรจานั้นกับเขา ในการติดต่อเจรจาเพื่อความรอดนี้ ถ้าใคร่ให้ฝ่ายหนึ่งสอนความจริงด้วยเมตตาจิต และอีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจด้วยความรัก การติดต่อเจรจานั้นก็ต้องเป็นไปโดยใช้คำพูดจะแจ้งทั้งต้องมีความถ่อมตน ความอารีอารอบ ตลอดจนมีความฉลาดผสมคละเคล้าเข้ากับความไว้วางใจกันนั้นส่งเสริมมิตรภาพและโน้มน้าวจิตใจให้เข้าใกล้ชิดสนิทสนมกัน

พระสังฆราช ต้องพยายามใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่มีให้ใช้ในทุกวันนี้สำหรับประกาศพระคริสตธรรม ก่อนอื่นก็มีการเทศน์และการสอนคำสอนซึ่งต้องใช้ก่อนเสมอ ต่อไปก็มีการอธิบายคำสอนในโรงเรียน วิทยาลัย ในการแสดงปาฐกถาและในการประชุมทุกชนิด ที่สุด ก็มีการเผยแพร่คำสอนด้วยคำแถลงแก่ประชาชน เนื่องในบางโอกาส การใช้หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นอย่างเด็ดขาดต้องใช้เพื่อประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสตเจ้า

การสอนคำสอน

๑๔. การสอนคำสอน มีจุดมุ่งหมายจะทำให้ความเชื่อในตัวมนุษย์เข้มข้น เข้มแข็ง และมั่นคงอาศัยความสว่างแห่งคำสอน พระสังฆราช ต้องสอดส่องจัดการให้เด็กและวัยรุ่น ผู้ใหญ่อายุน้อยและอายุมากได้รับการสอนคำสอนแบบนี้ด้วยความเอาใจใส่อย่างกวดขันด้วย ในการสอนคำสอนให้ใช้ลำดับและตำรงที่มิใช่เหมาะแก่เรื่องที่สอนเท่านั้น แต่ให้เหมาะแก่อุปนิสัย ความสามารถ อายุและสภาพชีวิตของผู้ฟังด้วย การสอนที่กล่าวนี่จะต้องถือพระคัมภีร์ ธรรมประเพณี พิธีกรรม คำสอนทางการและชีวิตของพระศาสนจักรเป็นหลัก

อนึ่ง พระสังฆราช ต้องเอาใจใส่สอดส่องให้ผู้สอนคำสอนได้รับการเตรียมฝึกหัดอย่างสมควร เขาต้องรู้จักคำสอนของพระศาสนจักรดี และต้องเรียนจิตวิทยากับหลักการสอนทั้งหมดในภาคทฤษฎีและในภาคปฏิบัติ

พระสังฆราชยังต้องอุตส่าห์ฟื้นฟูหรือปรับปรุงการสอนคำสอนแก่ผู้ใหญ่ที่เป็นคริสตชนสำรองให้ดีขึ้นด้วย

พระสังฆราช มีหน้าที่ประสาทความศักดิ์สิทธิ์

๑๕.  เมื่อปฏิบัติหน้าที่ประสาทความศักดิ์สิทธิ์ พระสังฆราช พึงระลึกว่าตนได้รับการคัดเลือกมาจากหมู่มนุษย์ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ติดต่อระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ เพื่อถวายเครื่องบรรณาการและเครื่องบูชาอุทิศเพราะบาป พระสังฆราชได้รับศีลบวชอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ พระสงฆ์กับสังฆานุกรต้องขึ้นกับพระสังฆราชในการใช้อำนาจของตน พระสงฆ์นั้นได้รับการอภิเษกเป็นสงฆ์แท้แห่งพันธสัญญาใหม่ เพื่อเป็นผู้ร่วมมือที่เฉลียวฉลาดกับบรรดาพระสังฆราช                  ส่วนสังฆานุกรที่ได้รับการบวชเพื่อปฏิบัติหน้าที่ศาสนานั้น ทำการรับใช้ประชากรของพระเป็นเจ้าร่วมกับพระสังฆราชและคณะสงฆ์ของท่าน ฉะนั้น บรรดาพระสังฆราชจึงเป็นบุคคลสำคัญผู้จำหน่ายจ่ายแจกพระคุณของพระเป็นเจ้า เป็นผู้จัดระเบียบ ผู้ส่งเสริมและผู้เฝ้าพิทักษ์ชีวิตทางด้านพิธีกรรมทั้งหมด ในคริสตจักรที่มอบฝากแก่ท่าน

ฉะนั้น พระสังฆราช ต้องพยายามเป็นนิตย์ให้สัตบุรุษเข้าใจเหตุการณ์ลึกล้ำเรื่องปัสกาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นและดำรงชีวิตปัสกาของตนด้วยศีลมหาสนิท จนกลายเป็นอันเดียวที่ผูกพันอย่างสนิท  ใกล้ชิด โดยมีส่วนร่วมในความรักของพระคริสตเจ้า พระสังฆราช เป็น “ ผู้หมั่นสวดภาวนาและประกาศพระวาจา “ (กจ. ๖ : ๔)  ต้องมานะพยายามให้บรรดาคนที่ฝากไว้กับตน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในการภาวนากับให้เขาเจริญเติบโตในพระหรรษทาน ด้วยการรับศีลศักดิ์สิทธิ์และเป็นองค์พยาน ประกาศพระคริสตเจ้าอย่างซื่อสัตย์

ในฐานะเป็นผู้อบรมคนอื่นให้เป็นคนดีพร้อม พระสังฆราชควรกระตุ้นคณะสงฆ์นักบวชและฆราวาส ให้ก้าวหน้าในความศักดิ์สิทธิ์ ตามกระแสเรียกเฉพาะของแต่ละคน พระสังฆราชต้องจำใส่ใจไว้ว่า ตนมีหน้าที่ต้องเป็นตัวอย่างความศักดิ์สิทธิ์โดยมีเมตตาจิต ถ่อมตนและเจริญชีวิตอย่างซื่อ ๆ ดังนั้น ให้บรรดาพระสังฆราชทำให้คริสตจักรต่าง ๆ ที่ฝากแก่ตนศักดิ์สิทธิ์ไป เพื่อว่าความรู้สึกของพระศาสนจักรสากลของพระคริสตเจ้าจะได้ปรากฏให้เห็นอย่างเต็มที่ในคริสตจักรเหล่านั้น เพราะเหตุนี้ ให้พระสังฆราชสนับสนุนส่งเสริมกระแสเรียกพระสงฆ์และนักบวชให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และให้สนใจเป็นพิเศษต่อกระแสเรียกธรรมฑูต

พระสังฆราชมีหน้าที่ปกครองและอภิบาล

๑๖.  เมื่อปฏิบัติหน้าที่เป็นบิดาและนายชุมพาบาล ให้พระสังฆราชอยู่ในท่ามกลางสัตบุรุษของตนดังผู้ที่คอยรับใช้ เป็นนายชุมพาบาลที่ดี ซึ่งรู้จักแกะของตนและแกะก็รู้จักนายชุมพาบาลเป็นบิดาแท้ที่มีน้ำใจรักและห่วงใยต่อทุกคน และทุกคนก็นอบน้อมยอมอยู่ใต้อำนาจที่ท่านได้รับมาจากพระเป็นเจ้าด้วยจิตใจอันรู้คุณให้พระสังฆราชปลุกใจและรวบรวมฝูงแกะที่เป็นครอบครัวใหญ่ไว้       ทั้งหมด แล้วดังนี้ เมื่อสำนึกถึงหน้าที่ของตนทุกคนก็จะดำรงชีวิตและปฏิบัติงานโดยมีความรักเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

เพื่อปฏิบัติการต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างแท้จริง พระสังฆราช“ ซึ่งพร้อมจะทำกิจการดีทุกอย่าง “ ( ๒ ทธ.๒ : ๒๑ ) และ “ ยอมทนทุกอย่างเพราะเห็นแก่บรรดาผู้ได้รับเลือก “ ( ๒ ทธ. ๒ : ๑๐ ) ต้องจัดระเบียบชีวิตของตนเองให้เข้ากับความต้องการของยุคสมัย

พระสังฆราชต้องแสดงความรักเป็นพิเศษต่อพระสงฆ์เพราะพระสงฆ์รับเอางานและความกังวลของพระสังฆราชส่วนหนึ่งไปปฏิบัติด้วยความเอาใจใส่ร้อนรนทุกวัน จึงต้องถือพระสงฆ์เป็นบุตรและมิตร ต้องพร้อมที่จะฟังความคิดเห็นของพระสงฆ์ ต้องติดต่อกับพระสงฆ์ด้วยความไว้วางใจและดังนี้ก็เท่ากับส่งเสริมงานอภิบาลสัตบุรุษทั่วทั้งสังฆมณฑลได้ทั้งหมด

พระสังฆราช ต้องเป็นห่วงถึงสภาพทางวิญญาณ ทางสติปัญญาและทางร่างกายของ        พระสงฆ์ เพื่อพระสงฆ์จะได้สามารถเจริญชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์และศรัทธา อีกทั้งปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างสัตย์ซื่อและเกิดผล เพราะฉะนั้น ให้พระสังฆราชส่งเสริมสถาบันและจัดให้มีการประชุมพิเศษสำหรับประกอบกิจการปฎิบัติทางวิญญาณให้นานสักหน่อยเพื่อจะชุบชีวิตของพระสงฆ์ขึ้นใหม่และสำหรับศึกษาวิชาความรู้ด้านพระศาสนจักร  โดยเฉพาะพระคัมภีร์และเทวศาสตร์ ปัญหาสังคมที่สำคัญ ๆ และวิธีอภิบาลสัตบุรุษแบบใหม่ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พระสังฆราชต้องแสดงความเมตตาด้วยการกระทำต่อพระสงฆ์ที่ตกอยู่ในภัยไม่ว่าชนิดใด หรือได้ทำการผิดพลาดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

เพื่อสามารถหาทางทำประโยชน์แก่สัตบุรุษตามฐานะของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น พระสังฆราชต้องพยายามรู้ความต้องการของเขาในวงสังคมที่เขาดำรงชีพอยู่อย่างถ่องแท้ และต้องใช้วิธีการที่เหมาะสมสำหรับกรณีนี้ โดยเฉพาะการสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการสังคม พระสังฆราช ต้องแสดงตนว่าเป็นผู้มีความห่วงใยต่อทุกคน ไม่ว่าเขาจะมีอายุเท่าไร มีฐานะอย่างไรหรือเป็นคนชาติไหน ไม่ว่าเขาจะเป็นคนพื้นเมืองหรือเป็นคนต่างด้าวหรือเป็นคนเดินทาง เมื่อแสดงความห่วงในงานอภิบาลวิญญาณดังนี้ พระสังฆราช ควรจัดให้สัตบุรุษมีส่วนร่วมในกิจการของพระศาสนจักรเท่าที่เขาสมควรมีส่วนร่วมด้วยและรับรู้ว่า สัตบุรุษมีหน้าที่และสิทธิที่จะทำงานอย่างแข็งขันเพื่อสร้างพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าขึ้น

พระสังฆราช ต้องแสดงความรักต่อพี่น้องคริสตชนที่แตกแยกออกไป ต้องกำชับสัตบุรุษให้ถือต่อเขาโดยมีเมตตาจิตและมนุษยธรรมอย่างสูง และยังต้องส่งเสริมเอกภาพนิยมตามแบบที่        พระศาสนจักรเข้าใจ พระสังฆราช ต้องมีแก่ใจ คิดถึงบรรดาผู้ที่มิได้รับศีลล้างบาปด้วย เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้มองเห็นความรักของพระคริสตเจ้า ซึ่งมีบรรดาพระสังฆราชเป็นองค์พยานประกาศพระองค์ต่อหน้ามนุษย์ทั้งหลายดุจเดียวกัน

การแพร่ธรรมแบบพิเศษต่าง ๆ

๑๗.  ต้องสนับสนุรการแพร่ธรรมต่าง ๆ ในสังฆมณฑลทั่วทุกแห่งหรือเฉพาะบางแห่ง ต้องส่งเสริมให้กิจการแพร่ธรรมทุกอย่างประสานงานกันอย่างสนิทใกล้ชิด ภายใต้การควบคุมดูแลของพระสังฆราช ถ้ามีการประสานงานนี้แล้ว งานริเริ่มและสถาบันต่าง ๆ ไม่ว่าเกี่ยวกับงานสอนคำสอน งานธรรมฑูต งานเมตตาจิต งานสังคมสงเคราะห์ งานครอบครัว งานสอนและอื่นใดทั้งหมดที่มุ่งอภิบาลสัตบุรุษ ก็จะทำไปในแนวเดียวเข้ากันดี และดังนี้ก็จะเห็นเอกภาพของสังฆมณฑลอย่างเด่นชัดยิ่งขึ้นในเวลาเดียวกันด้วย

ต้องเน้นอย่างแข็งขันถึงเรื่องที่สัตบุรุษมีหน้าที่ต้องทำการแพร่ธรรม ตามฐานะและความสามารถของแต่ละคน และต้องกำชับสัตบุรุษให้มีส่วนร่วมหรือช่วยงานแพร่ธรรมของฆราวาสสาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจการคาทอลิก ยังต้องสนับสนุนหรือส่งเสริมสมาคมต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเหนือธรรมชาติโดยตรงหรือทางอ้อม เช่น พยายามจะเจริญชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสตเจ้าแด่มนุษย์ทุกคน เผยแพร่พระคริสตธรรมพัฒนาขยายคารวกิจของส่วนรวม มุ่งถึงจุดหมายทางสังคม บำเพ็ญกิจศรัทธาหรือเมตตา

งานแพร่ธรรมแบบต่าง ๆ ต้องทำให้เหมาะกับความต้องการในปัจจุบัน โดยมิใช้คำนึงแต่สภาพของวิญญาณและศีลธรรมเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงสภาพทางสังคม สถิติประชากรและเศรษฐกิจด้วย การสอบสำรวจทางสังคมและศาสนา ซึ่งจัดทำโดยสำนักสังคมศาสตร์ด้านอภิบาลสัตบุรุษบางแห่งเท่านั้นจะช่วยให้ทำการเรื่องนี้เป็นผลสำเร็จดีได้มากทีเดียวและเราขอกำชับให้ใช้อย่างแข็งแรง

ความห่วงใยเป็นพิเศษถึงสัตบุรุษบางพวก

๑๘.  ควรมีความเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อสัตบุรุษพวกที่อยู่ในสภาพไม่สามารถได้รับผลอย่างเพียงพอจากการปฏิบัติหน้าที่อภิบาลตามปกติทั่วไปของพระสงฆ์ เจ้าอาวาส หรือไม่ได้รับผลนั้นเสียเลย เช่นส่วนใหญ่ในพวกที่อพยพมาจากถิ่นอื่น ผู้ถูกเนรเทศ ผู้หลบลี้ภัย กลาสีหรือนักบิน ผู้สัญจรท่องเที่ยว และคนประเภทอื่นที่คล้ายคลึงกัน ยังต้องคิดส่งเสริมหาวิธีอภิบาลที่เหมาะสมสำหรับบำรุงหล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายวิญญาณของผู้ที่เดินไปยังดินแดนถิ่นอื่นเพื่อการหย่อนใจด้วย

สภาสังฆราช เป็นต้นสภาสังฆราชในระดับชาติ ต้องตั้งใจศึกษาปัญหาต่าง ๆ ที่รีบด่วนกว่าเกี่ยวกับสัตบุรุษประเภทต่าง ๆ เหล่านี้ อาศัยดำรงวิธีและสถาบันที่เหมาะสม อาศัยความสามัคคีและความพยายามอุตส่าห์ของทุก ๆ คน สภาสังฆราชต้องคิดถึงการดูแลเอาใจใส่วิญญาณของสัตบุรุษเหล่านี้ โดยก่อนอื่นต้องคำนึงถึงกฏที่พระสันตะสำนักได้ตั้งหรือจะตั้ง แล้วดัดแปลงกฎนั้นให้เข้ากับสภาพเวลา สถานที่ และบุคคล อย่างเหมาะสม

เสรีภาพของพระสังฆราช ; การติดต่อของพระสังฆราชกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

๑๙.  ในการปฏิบัติหน้าที่แพร่ธรรมซึ่งมุ่งถึงความรอดของวิญญาณ พระสังฆราชย่อมมีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์เต็มที่และไม่ขึ้นแก่อำนาจฝ่ายบ้านเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเหตุนี้ การขัดขวางไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อมมิให้พระสังฆราชปฏิบัติหน้าที่ทางศาสนาหรือการห้ามมิให้พระสังฆราชติดต่ออย่างเสรีกับพระสันตะสำนักและเจ้าหน้าที่ฝ่ายพระศาสนจัการอื่น ๆ และผู้อยู่ในบังคับบัญชาเป็นสิ่งที่กระทำมิได้

จริงทีเดียว เมื่อพระสังฆราชเอาใจใส่ดูแลวิญญาณสัตบุรุษของตน ก็เท่ากับทำงานเพื่อความเจริญและความสุขของสังคมและบ้านเมืองด้วย ดังนั้น เมื่อพระสังฆราชปฎิบัติงานของตนเอง ก็เท่ากับร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตามลักษณะหน้าที่และตามที่พระสังฆราชสมควรจะทำ และพระสังฆราชยังกำชับให้ถือกฎหมาย ก็เท่ากับร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตามลักษณะหน้าที่และตามที่พระสังฆราชสมควรจะทำ และพระสังฆราชยังกำชับให้ถือกฎหมายที่เที่ยงธรรมกับให้เคารพเจ้าหน้าที่ที่ตั้งขึ้นโดยถูกต้องตามทำนองครองธรรม

เสรีภาพในการแต่งตั้งพระสังฆราช

๒๐. เนื่องจากพระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ตั้งตำแหน่งหน้าที่แพร่ธรรมของพระสังฆราชและตำแหน่งหน้าที่นั้นมุ่งถึงจุดหมายฝ่ายวิญญาณและเหนือธรรมชาติ สภาสังคายนาสากลนี้จึงขอแถลงว่าสิทธิที่จะแต่งตั้งและตั้งพระสังฆราชนั้น เป็นสิทธิของผู้มีอำนาจฝ่ายพระศาสนจักรโดยเฉพาะพิเศษอย่างเด็ดขาด

ฉะนั้น เพื่อป้องกันเสรีภาพของพระศาสนจัการอย่างสมควรและเพื่อส่งเสริมประโยชน์ของ สัตบุรุษอย่างเหมาะสมและง่ายยิ่งขึ้น สภาสังคายนาปรารถนาให้ต่อไปนี้ไม่มีการมอบสิทธิและเอกสิทธิที่จะเลือก แต่งตั้ง เสนอและตั้งใครให้รับตำแหน่งพระสังฆราชแก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองอีกต่อไป

การสละตำแหน่งของพระสังฆราช

๒๑.  เนื่องจากตำแหน่งหน้าที่อภิบาลของพระสังฆราชมีความสำคัญมากและเป็นภาระที่หนักยิ่ง จึงขอรบเร้าวอนพระสังฆราชที่ปกครองสังฆมณฑลกับพระสังฆราชอื่นในกฎหมายถือว่า มีตำแหน่งเท่าเสมอกัน ให้ลาออกด้วยตนเองหรือเมื่อผู้มีอำนาจเชิญชวน ถ้าเพราะความสูงอายุหรือเพราะเหตุผลสำคัญอื่นใด ไม่สามารถจะปฎิบัติหน้าที่ได้ดังแต่ก่อน เมื่อรับการลาของพระสังฆราชดังกล่าวแล้ว ผู้มีอำนาจต้องสอดส่องจัดการให้ผู้ลาออกได้รับการเลี้ยงดูอย่างสมควร และต้องรับรู้สิทธิพิเศษบางอย่างของท่านเหล่านั้นด้วย

ข.การกำหนดเขตแดนของสังฆมณฑล

จำเป็นต้องปรับปรุงอาณาเขตของสังฆมณฑล

๒๒. เพื่อที่จะบรรลุถึงเป้าหมายของสังฆมณฑล ประการที่หนึ่ง ลักษณะของพระศาสนจักรจะต้องปรากฎให้เห็นได้อย่างเด่นชัดในหมู่ประชากรของพระเป็นเจ้า ส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นสังฆมณฑลนี้ ประการที่สอง พระสังฆราชจะต้องปฎิบัติหน้าที่อภิบาลในหมู่ประชากรนั้นได้อย่างมีผลดี ประการที่สามความผาสุกของประชากรแห่งพระเป็นเจ้าต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีที่สุด

การณ์จะเป็นไปตามที่กล่าวนี้ได้ก็ต้องมีการกำหนดเขตแดนของสังฆมณฑลอย่างเหมาะสม และมีการจัดแบ่งพระสงฆ์กับปัจจัยให้สัมพันธ์กับความต้องการของการแพร่ธรรม ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มิใช่เพื่อประโยชน์ของพระสงฆ์และสัตบุรุษซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงเท่านั้น แต่เพื่อประโยชน์ของพระศาสนจักรคาทอลิกทั้งมวลด้วย

เพราะฉะนั้น เกี่ยวกับการกำหนดอาณาเขตสังฆมณฑล สภาสังคายนา กำหนดว่าเท่าที่ควรจะกระทำเพื่อประโยชน์ของวิญญาณ ให้ดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอาณาเขตใหม่อย่างรอบคอบและเร็วที่สุด โดยวิธีแบ่ง เฉือนหรือรวมสังฆมณฑลเข้า โดยวิธีจัดระเบียบภายในสังฆมณฑลใหม่ เป็นต้นในกรณีที่สังฆมณฑลมีเมืองใหญ่ ๆ

กฎที่ต้องถือ

๒๓.  เวลาจะปรับปรุงอาณาเขตของสังฆมณฑล ก่อนอื่นทั้งปวงจะต้องจัดให้แต่ละสังฆมณฑลมีส่วนประกอบที่กลมกลืนเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ หมายถึงตัวบุคคล สำนักงานและสถาบันต่าง ๆ แบบเดียวกับร่างกายที่มีชีวิตจะต้องมี แต่ไม่ว่าในกรณีใด  เมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างรอบคอยแล้วให้คำนึงถึงกฎเกณฑ์ทั่ว ๆ ไปดังต่อไปนี้

( ๑ ) เท่าที่จะทำได้ในเวลากำหนดเขตสังฆมณฑล ให้คำนึงถึงเรื่องว่า หมู่คนที่ประกอบผสมกันขึ้นเป็นประชากรของพระเป็นเจ้านั้น  มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เรื่องนี้อาจจะช่วยได้มากทีเดียว ให้ทำหน้าที่อภิบาบสัตบุรุษได้สะดวกยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ต้องเอาใจใส่สอดส่องให้หมู่สัตบุรุษ ซึ่งมีเป็นหลายกลุ่มหลายพวกนี้ มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวเท่าที่จะเป็นไปได้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและสถาบันสังคมต่าง ๆ ซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นโครงสร้างของหมู่สัตบุรุษนั้นเอง เพราะเหตุนี้ อาณาเขตของแต่ละสังฆมณฑลจึงต้องติดต่อกันเป็นผืนเดียวเท่านั้น

( ๒ ) อาณาเขตและจำนวนคนในสังฆมณฑล โดยปกติต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้ คือ ประการแรก พระสังฆราช แม้จะมีผู้อื่นช่วย ก็ต้องสามารถประกอบจารีตเฉพาะของพระสังฆราชเยี่ยมเยียนสังฆมณฑลโดยสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรู้จักพระสงฆ์ของตน ตลอดจนนักบวชและฆราวาสที่มีส่วนร่วมในกิจการริเริ่มของสังฆมณฑล ประการที่สอง อาณาเขตปฏิบัติงานจะต้องเหมาะและกว้างพอให้พระสังฆราชก็ดี นักบวชก็ดี อุทิศกำลังทั้งหมดเพื่อปฏิบัติงานได้อย่างเป็นผลดี แต่ไม่ควรลืมความต้องการของพระศาสนจักรสากลเสีย

( ๓ ) ที่สุด เพื่อปฏิบัติงานแห่งความรอดให้สังฆมณฑลได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น ให้ถือกฎต่อไปนี้ : พระสงฆ์ในทุก ๆ สังฆมณฑล  จะต้องมีคุณสมบัติและจำนวนมากพอที่จะอภิบาลประชากรของพระเป็นเจ้าได้อย่างสมควร ; จะต้องจัดให้มีสำนักงาน สถาบัน และกิจการที่เหมาะแก่คริสตจักรท้องที่ และซึ่งเป็นที่ประจักษ์ตามที่ได้เห็นมาแล้วว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปกครองและการแพร่ธรรมของคริสตจักรนี้ ; ที่สุด ปัจจัยอันจำเป็นสำหรับให้บุคคลและสถาบันต่าง ๆ ดำรงอยู่ได้ สังฆมณฑล จะต้องมีอยู่แล้ว หรืออย่างน้อยมีความมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าจะไม่ขาดมือ

เพื่อจุดหมายอันเดียวกันนี้ ที่ใดมีสัตบุรุษถือจารีตต่างกัน พระสังฆราช ผู้ปกครองสังฆมณฑลต้องคำนึงถึงความต้องการทางวิญญาณของเขา โดยจัดให้มีพระสงฆ์หรือสังฆตำบลที่ถือจารีตเดียวกันก็ได้ หรือจัดให้มีผู้แทนสังฆมณฑลที่มีอำนาจตามความเหมาะสมและถ้าเห็นสมควรจะให้เป็นถึงขั้นพระสังฆราชก็ได้ หรือพระสังฆราชผู้ปกครองสังฆมณฑลจะทำหน้าที่เป็นประมุขที่ถือจารีตต่าง ๆ เสียเองก็ได้ ตามคำวินิจฉัยของพระสันตะสำนัก ถ้าวิธีต่าง ๆ เหล่านี้ปฏิบัติไม่ได้ เพราะเหตุผลพิเศษบางประการก็ให้ตั้งฐานานุกรมต่างหากขึ้นตามความแตกต่างของจารีต

ในกรณีคล้ายคลึงกัน ต้องคิดถึงสัตบุรุษที่พูดภาษาไม่เหมือนกัน โดยจัดให้มีพระสงฆ์หรือสังฆตำบลที่ใช้ภาษาของเขาก็ได้ หรือจัดให้มีผู้แทนสังฆราชที่รู้ภาษาของเขาดี ซึ่งถ้าเห็นสมควร จะให้มียศเป็นพระสังฆราชาก็ได้ หรือใช้วิธีอื่นที่เหมาะสมกว่าก็ได้

การลงคะแนนออกเสียงของสภาสังฆราช

๒๔.  เกี่ยวกับการแก้ไขหรือปรับปรุงสังฆมณฑลตามกฎในข้อ ๒๓– ๒๔ ซึ่งเรื่องนี้ไม่บังคับครอบคลุมไปถึงระเบียบวินัยของบรรดาคริสตจักรตะวันออกแต่อย่างใด เป็นการสมควรที่สภาสังฆราชผู้มีอำนาจทั้งหลายจะพิจารณาเรื่องเหล่านี้ เพื่อประโยชน์ของแต่ละท้องที่ และถ้าเห็นสมควรจะอาศัยคณะกรรมการสังฆราชที่ตั้งขึ้นเป็นพิเศษชุดหนึ่งก็ได้ แต่ต้องฟังความคิดเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งของพระสังฆราชในเขตแขวงหรือภาคที่เกี่ยวข้องด้วยเสมอ เมื่อพิจารณาแล้วสภาสังฆราชจึงเสนอความคิดเห็นและความปรารถนาต่อพระสันตะสำนัก