สมาชิกของคณะนักบวชแต่ละแห่งควรระลึกก่อนอื่นหมดว่าการปฎิญาณที่จะถือข้อแนะนำแห่งพระวรสานนั้นเป็นการตอบสนองกระแสเรียกของพระเป็นเจ้า เพื่อว่าตนจะได้ไม่เพียงแต่ตายต่อบาปเท่านั้น (ดู รม. ๖ :
๑๑) แต่ยังสละโลก เพื่อดำรงชีวิตเพื่อพระเท่านั้นอีกด้วย นักบวชถวายตัวทั้งหมดเพื่อรับใช้พระองค์ นี่เป็นการเจิมอย่างพิเศษ ซึ่งมีรากฐานอยู่ในการเจิมของ
ศีลล้างบาป และแสดงผลของศีลล้างบาปอย่างสมบูรณ์
เนื่องด้วยพระศาสนจักรรับการถวายตัวนี้ บรรดานักบวชต้องตระหนักว่า การถวายตัวแด่พระก็เป็นการถวายตัวแด่พระก็เป็นการถวายตัวรับใช้พระศาสนจัการนั่นเอง
การรับใช้พระเป็นเจ้าจะต้องเร้าใจและส่งเสริมให้ปฏิบัติพลธรรม เช่นความถ่อมตน ความเชื่อฟังและพรหมจรรย์ ดังนี้เขาก็มีส่วนกับการที่พระคริสตเจ้าทรงถ่อมพระองค์ (ดู ฟล. ๒ :๗) และมีส่วนในพระชนมชีพของพระองค์ในพระจิตอีกด้วย
(ดู รม.๘ : ๑๑๓ )
ดังนั้น ขอให้บรรดานักบวชสัตย์ซื่อต่อคำปฏิญาณ สละทุกสิ่งเพื่อพระคริสตเจ้า (ดู มก.๑๐ : ๒๘ ) ติดตามพระองค์ (ดู มธ. ๑๙ : ๒๑ ) โดยถือว่านี่แหละเป็นสิ่งเดียวที่จำเป็น (ดู ลก. ๑๐ : ๔๒ )
ขอให้ฟังพระวาจา (ดู ลก.๑๐ : ๓๙ ) และสาละวันแต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับพระองค์ (ดู ๑ คร.๗ : ๓๒ )
ดังนั้น จึงจำเป็นที่บรรดาสมาชิกในทุกคณะจะต้องแสวงหาพระเป็นเจ้าแต่ผู้เดียวและก่อนสิ่งใดทั้งสิ้น
จะต้องรำพึงภาวนาปักความคิดจิตใจแน่วแน่อยู่ที่พระองค์ และยังต้องมีความรักที่จะเป็นธรรมฑูต อุตส่าห์พยายามที่จะร่วมทำการไถ่และเผยแพร่อาณาจักรของพระเป็นเจ้าด้วย
|